บทที่ 9 นางดูไม่ค่อยเหมือนข่าวลือเลย
“ป้าเลี่ยว!”
ป้าเลี่ยวกำลังให้อาหารไก่อยู่ในสวน พอเห็นเจียงยิ่งหลีมายืนตรงด้านนอกรั้วหญ้า นางพลันมีสีหน้ากระด้าง แค่นเสียงยิ้มเย็น
“อ้าว วันนี้บ้านข้าได้ลมพายุหมุนหอบอะไรมาล่ะเนี่ย! ถึงได้พัดเจ้ามาได้! มีอะไรก็รีบว่ามา ไม่มีอะไรก็รีบไสหัวไปเลย อย่ามายืนหน้าบ้านข้า!หากใครมาเห็นเข้า ข้าจะมีหน้าสู้ใครได้กัน!”
ป้าเลี่ยวสนิทสนมกับแม่เสิ่น ปกติก็เอ็นดูเสิ่นจวิ้นอี้มาก พอคิดถึงข่าวลือพวกนั้นด้านนอก ก็หมางใจอย่างมาก
แต่ตระกูลเสิ่นให้เงินค่าสินสอดออกไปแล้ว รับคนเข้าบ้านแล้วด้วย นางเลยได้แต่ด่าตระกูลเจียงสับปลับแทนตระกูลเสิ่น และเจียงยิ่งหลีเองก็ไม่ใช่คนดี!
เจียงยิ่งหลีเองก็ไม่โกรธ นางยิ้มละไมบอก “ป้าเลี่ยว รบกวนท่านแล้วนะ คืออย่างนี้ ข้าเห็นว่าอากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ เลยอยากเพิ่มเสื้อกันหนาวให้แม่สามีและอาจวิ้นสักสองตัว”
“แต่ฝีมือข้าไม่ได้เรื่องจริงๆ ได้ยินว่าวิชาปักผ้าของท่านดียิ่งนัก ว่างๆยังเคยปักผ้าเช็ดหน้าส่งไปที่โรงปักผ้าเลย เลยอยากขอให้ท่านช่วยตัดเย็บเสื้อผ้าให้หน่อย! ท่านวางใจเถอะ ข้าจ่ายเงินนะ!”
“เจ้ามีน้ำใจเพียงนั้นเชียว?” ป้าเลี่ยวเหล่มองนางอย่างตกใจ
เพราะก่อนหน้านี้นางมีสัญญาหมั้นหมายกับโม่เหลี่ยนโจว แต่กลับอาละวาดจะแต่งเข้าตระกูลเสิ่น และยังเอาหัวโขกกำแพงมาเพิ่มความอัปมงคลให้ตระกูลเสิ่นอีก!
เจียงยิ่งหลียกตะกร้าขึ้น เผยให้เห็นผ้าด้านในตะกร้า ป้าเลี่ยวถึงเปิดประตูหญ้าให้อย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เข้ามาสิ!”
ขอเพียงเจียงยิ่งหลียอมอยู่กับพวกเขาสองแม่ลูกไปด้วยใจจริง ยอมคิดและทำเพื่อพวกเขาก็พอแล้ว
พอเจียงยิ่งหลีเข้ามา ก็หยิบเนื้อผ้าจากในตะกร้าออกมาทีละอัน
“ทำไมมากมายขนาดนี้? ประหยัดไว้สักหน่อยจะดีกว่านะ” ป้าเลี่ยวขมวดคิ้วอย่างปวดใจ และเลือกผ้าสีสดขึ้นมามาทับหนึ่ง พลางเหล่มองนางอย่างสงสัย
เจียงยิ่งหลีพลิกเอาผ้าสีทึบมืดด้านล่างขึ้นมา ยิ้มบอก “นี่ข้าใช้เงินตัวเองซื้อมาน่ะ ท่านก็รู้ ข้าออกเรือน ในบ้านไม่ได้ให้เสื้อผ้าอะไรข้ามาเลย เลยอยากทำสักสองชุดไว้ผลัดเปลี่ยน รบกวนท่านป้าแล้วนะ! ผ้าหลายผืนนี้ถึงจะไว้ทำเสื้อผ้าให้อาจวิ้นกับแม่สามีข้า”
“ส่วนผ้าที่เหลือ ท่านลองดูสิว่าจะทำเสื้อผ้าตัวเล็กให้นังหนูนิวของท่านได้บ้างไหม....”
นางไม่มีทางมาถึงบ้านเขาเพื่อขอให้ทำเสื้อผ้าให้ตนเท่านั้นอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นป้าเลี่ยวที่ไม่ชอบหน้านางอยู่แล้วมีหรือจะยอมให้นางเข้าบ้าน!
“หาได้ยากที่เจ้าจะมีน้ำใจแบบนี้” ป้าเลี่ยวจึงยิ้มจริงใจมากขึ้น “ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้เจ้าแต่งเข้าตระกูลเสิ่นแล้ว อาจวิ้นเป็นคนดีนะ เจ้าอยู่กินกับเขาใช้ชีวิตให้ดี ต่อไปต้องดีขึ้นเรื่อยๆแน่”
เจียงยิ่งหลี “ข้ารู้เจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าเป็นคนตระกูลเสิ่นแล้ว วันข้างหน้าต้องทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถแน่”
ป้าเลี่ยวได้ยินดังนั้นแล้วพอใจนัก
ถึงจะชื่อเสียงไม่ดี และหน้าตาดูไม่ได้ แต่ชาวบ้านน่ะแต่งเมียลำบากจะตาย ขอแค่ยอมอยู่กินกันด้วยดีก็พอแล้ว!
เจียงยิ่งหลีอธิบายถึงรูปแบบและจำนวนชุดที่ต้องการตัด นางเตรียมจะทำสามชุดไว้ผลัดเปลี่ยน นางอยากทำมากหน่อย ตอนนี้ไม่ได้เงินมีจำกัด แต่จู่ๆทำมากเกินไป จะกลายเป็นจุดสนใจเอา
ส่วนสองแม่ลูกเสิ่นจวิ้นอี้ ก็แยกทำเป็นสองชุด
นี่เป็นเงินก้อนใหญ่แล้ว เพราะครอบครัวคนธรรมดาปีหนึ่งสามารถเพิ่มเสื้อผ้าใหม่ได้สองชุด ถือว่าเป็นเรื่องสุดๆของบ้านหนึ่งแล้ว
ป้าเลี่ยวอยากบอกให้นางประหยัดไว้หน่อย แต่อีกฝ่ายเป็นสะใภ้ใหม่พึ่งออกเรือน หญิงสาวรักความสวยงามเป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้จักกตัญญูต่อแม่เสิ่น เลยกล้ำกลืนคำพูดกลับไป
พอพูดเรื่องเสื้อผ้าเสร็จ เจียงยิ่งหลีคิดถึงไข่ไก่
“ท่านป้า ข้าเห็นด้านนอกบ้านท่านเลี้ยงไก่ไว้ไม่น้อยเลย ไม่รู้ว่าพอมีไข่ไก่เหลือบ้างหรือไม่?” นางอธิบายต่อ “แม่สามีข้าร่างกายไม่แข็งแรง ท่านหมอบอกว่าเป็นเพราะนางร่างกายอ่อนแอ ต้องกินของบำรุง”
“ข้าคิดไปคิดมา จะให้มากินเนื้อทุกวันฐานะบ้านเราก็ไม่ไหว ไข่ไก่ก็สามารถบำรุงร่างกายได้เช่นกัน เลยอยากซื้อไข่ไก่กลับไปมากหน่อย!”
“มีมีมี ข้าเก็บมาไม่น้อยเลย ยังคิดว่าจะเข้าไปขายในตำบลคราวหน้าเลยนะ!เจ้ารอนี่ก่อน ข้าจะไปหยิบมาให้!” พอป้าเลี่ยวได้ยินว่านางกตัญญูต่อแม่เสิ่นขนาดนี้ ก็ยิ้มหน้าบานมากขึ้น
นางน่ะสนิทสนมกับแม่เสิ่น ย่อมอยากให้แม่เสิ่นหายดี และวาดหวังให้แม่เสิ่นมีลูกสะใภ้ที่สงสารนาง!
ป้าเลี่ยวเข้าห้องไปเอาตะกร้าใบ้ใหญ่ออกมา ในนี้เต็มไปด้วยไข่ไก่ “ข้าเลือกใบใหญ่ให้เจ้าเลย เจ้าจะเอาเท่าไหร่ล่ะ?”
เจียงยิ่งหลีคิดๆดูแล้ว ตระกูลเสิ่นล้วนป่วยกันทั้งนั้น เลยบอกอย่างใจป้ำว่า “ข้าเอาหมดเลย”
ป้าเลี่ยวตะลึง นึกว่าตนหูฝาดไป “ข้าน่ะมีเป็นร้อยกว่าใบเลยนะ เจ้าจะเอาไปมากมายขนาดนี้ทำไมกัน?”
“คืออย่างนี้” เจียงยิ่งหลีเม้มปากเขินอายก่อนบอก “ข้าเห็นขาของอาจวิ้นไม่หายสักที เลยคิดว่าต้องบำรุงเหมือนกัน ท่านหมอก็บอกเช่นนั้นด้วย”
อันที่จริงไข่ไก่เป็นร้อยใบนี่ ดูเหมือนเยอะ แต่ไม่พอพวกเขาสามคนกินหรอก
นอกจากสองแม่ลูกตระกูลเสิ่นแล้ว นางจะลดความอ้วนก็ต้องการโปรตีนมากอยู่เหมือนกัน
“ท่านคิดดูเถิด ราคาสักเท่าไหร่ดี?”
ป้าเลี่ยวเห็นว่าท่านหมอเป็นคนบอก เลยไม่ได้ถามเพิ่ม ซ้ำยังรู้สึกตื้นตันใจที่เจียงยิ่งหลีเปลี่ยนไปในทางที่ดีแล้วจริงๆ
“ในนี้มีไข่ไก่อยู่หนึ่งร้อยยี่สิบใบ เจ้าให้ข้าหกสิบเหวินก็พอ”
เจียงยิ่งหลีรู้ราคาตลาดมาเหมือนกัน
ถ้าเอาไข่ไก่ไปขายในตำบลก็หนึ่งเหวินต่อหนึ่งใบ ในหมู่บ้านจะถูกลงมาหน่อย คือสามใบสองเหวิน
ดูท่าป้าเลี่ยวจะเห็นแก่หน้าสองแม่ลูกตระกูลเสิ่นเลยลดราคาให้ตน
นางไม่อยากเอาเปรียบมากเกินไป เลยบอกว่า “ข้าให้ท่านแปดสิบเหวินแล้วกัน!ท่านอย่าปฏิเสธเลย ราคาไข่ไก่น่ะข้าพอรู้อยู่ ถ้าท่านลดราคาให้ข้าอย่างนี้ ไม่เพียงข้าไม่มีหน้ามาอีก แม้แต่อาจวิ้นก็ไม่มีทางรับปากแน่”
พอให้เงินเสร็จ เจียงยิ่งหลีก็ยกตะกร้าไข่ไก่กลับไป
เลี่ยวเถี่ยจู่ซึ่งเป็นสามีของป้าเลี่ยวกลับมา เขาเห็นป้าเลี่ยวยืนอยู่หน้าบ้าน พอมองตามสายตานางไป ก็เห็นร่างอวบอ้วนของเจียงยิ่งหลีพอดี
เขาปาดเหงื่อที่หน้าผาก ถามว่า “นางมาทำไมกัน? มาอาละวาดอะไรอีกงั้นรึ?”
ป้าเลี่ยวได้สติกลับมา ลูบเหรียญทองแดงในมือ พลางยกมือตีเขาด้วยสีหน้าขมึงตึงว่า “พูดบ้าอะไรน่ะ! อาหลีน่ะทั้งรู้การรู้งานซ้ำยังกตัญญู ดีมากเลยนะ! ข้าว่า วาสนาของแม่อาจวิ้นยังอยู่ด้านหลังน่ะ!”
เลี่ยวเถี่ยจู่ตกใจ “ก่อนหน้านี้เจ้ายังด่าว่านางเป็นนังจิ้งจอกแพศยา ตัวซวยกลับชาติมาเกิดอยู่เลย ทำไมวันนี้เปลี่ยนคำเรียกเสียแล้วล่ะ?”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น” ป้าเลี่ยวทอดถอนใจ “อาหลีไม่ค่อยเหมือนในข่าวลือเลย ที่มีบาดแผลมาตอนแต่งเข้าน่ะคงต้องมีสาเหตุแหละ ตอนมาตระกูลเจียงยังพยุงมาส่งเสียด้วยนี่”
“ข้าได้ยินว่าโม่เหลี่ยนโจวนั่นพึ่งยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับอาหลี ก็หันไปสนิทสนมกับเจียงชิงโย่วนั่นทันที ข้าว่าเงื่อนงำในเรื่องนี้มีมากโข เกรงว่าจะเป็นเพราะตระกูลเจียงสับปลับน่ะล่ะ!”
“แต่ใครให้นางมีแม่เลี้ยงกันล่ะ พอมีแม่เลี้ยงก็มีพ่อเลี้ยง! โชคดีที่อาจวิ้นเองก็เป็นเด็กที่เชื่อถือได้ ไม่อย่างนั้นอาหลีต้องลำบากแน่!”