บทที่ 8 เจ้าจะหย่ากับข้ารึ?
เสิ่นจวิ้นอี้ห่มผ้าให้นาง พลางหยิบไม้เท้าปิดประตูเดินออกมา และกำลังจะออกไปเชิญท่านหมอ
“เสิ่นจวิ้นอี้” เจียงยิ่งหลีเรียกเขาไว้ บอกด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าไม่ได้ทำร้ายท่านแม่เจ้านะ”
ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะขัดแย้งอะไรกัน ตอนนี้นางไม่อยากโดนเสิ่นจวิ้นอี้เข้าใจผิด
ชะงักไปนิดหน่อย นางพูดต่ออย่างระมัดระวัง “แผลที่มือท่านแม่เจ้า เป็นเพราะข้าจริงๆ ถึงจะเหมือนคำแก้ตัว แต่ข้าไม่ได้คิดทำร้ายนางเลย แต่จะรักษานางต่างหาก! แผลนั่นไม่ต้องสนใจหรอก อีกครึ่งชั่วยามจะหายไปเอง”
ปฏิกิริยาจากการทดสอบผิวหนังของแม่เสิ่นรุนแรงขนาดนั้น อยู่เหนือความคาดหมายนางเหมือนกัน
เสิ่นจวิ้นอี้นวดขมับ “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านแม่ข้ามีอคติต่อเจ้า หากไม่มีอะไรเจ้าอย่าเข้าไป ข้าจะออกไปหาหมอสวีก่อน!”
พูดจบ เขาก็รีบออกไปทันที
เจียงยิ่งหลีไม่ขวางเขา นางก้มหน้าครุ่นคิดถึงปฏิกิริยาและคำพูดของแม่เสิ่นเมื่อครู่ มันดูแปลกประหลาดพิกล
แม่เสิ่นเป็นคนมีนิสัยอ่อนโยน น้อยนักที่จะมีปฏิกิริยาแรงกล้าแบบนี้ สีหน้านั้นราวกับ---นางทำเรื่องอะไรเลวทรามต่ำช้าอย่างนั้น!
แต่นางจำเรื่องนี้ไม่ได้เลยนะ!
ในความทรงจำของนางส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเจียงกับโม่เหลี่ยนโจว เสิ่นจวิ้นอี้เป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมต่อให้เดินอยู่บนทางพบหน้าแล้วก็ไม่แน่ว่าจะทักทาย นอกจากขจัดเสนียดจัญไรครั้งนี้แล้ว ไม่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อนเลยนะ!
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
ยังไม่รอให้นางคิดตก เสิ่นจวิ้นอี้ก็พาท่านหมอเฒ่าที่ผมเผ้าขาวโพลนแบกกล่องยามาด้วยรีบเข้าไปในห้องทางขวา
ทั้งสองไม่ได้อยู่ในห้องนานนัก ตอนออกมาต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี
ท่านหมอเฒ่าถอนหายใจบอก “ท่านแม่เจ้าน่าอยู่ได้ไม่นานแล้ว น่าจะในช่วงเข้าฤดูหนาวนี่ล่ะ เจ้าต้องเตรียมใจไว้ละนะ!”
เสิ่นจวิ้นอี้ดวงตาแดงเรื่อ เขาก้มหน้าขอร้องว่า “หมอสวี ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วรึ? ข้าจะหาเงินมา ท่านจ่ายยาดีมาได้เลย ขอเพียงท่านช่วยรักษาแม่ข้าที ให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”
“มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินและยา แต่โรคนี้ของแม่เจ้า...” หมอสวีส่ายหน้า “ตอนแรกเป็นลมร้อนเข้าทำลายปอด ทำให้ปอดเต็มไปด้วยของสกปรก แต่แล้วตอนนี้กลุ่มอาการอินและหยางล้วนพร่อง มีภาวะบีบรัดหัวใจ หัวใจเต้นเร็วล้วนเป็นสัญลักษณ์ลมเข้าสู้ร่างกาย นี่เป็นอาการฝีในปอด”
“ฝีในปอด---นี่เป็นโรคที่รักษาไม่ได้! เจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย!”
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าก็ส่งแม่เจ้าเข้าเมืองเขตปกครอง หาท่านหมอของโรงหมอผิงอันถางมารักษา ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ให้แม่เจ้าอิ่มหมีพีมัน ต่อไปจะได้ไม่รู้สึกสบายใจหน่อย เอาล่ะ ข้ายังต้องไปบ้านผู้ใหญ่บ้าน เจ้าดูแลแม่เจ้าให้ดีเถอะ!”
เสิ่นจวิ้นอี้ส่งหมอสวีออกไปอย่างขวัญหาย ตอนกลับมามองไปยังห้องด้านใน สายตายิ่งแดงก่ำมากขึ้น
เจียงยิ่งหลีเองก็ไม่แปลกใจกับผลการตรวจของหมอสวี
ฝีในปอดอันที่จริงก็คือปอดอักเสบ ปอดอักเสบในยุคโบราณเป็นโรคที่รักษาไม่ได้นี่นา!
แต่นางมียาปฏิชีวนะ ถ้าแม่เสิ่นรักษาตามกำหนดเวลา อย่างมากครึ่งเดือน ก็จะหายดี
นางเปิดเผยกับเสิ่นจวิ้นอี้มากไม่ได้ ได้แต่ปลอบไปตามเรื่อง “เสิ่นจวิ้นอี้ เจ้าอย่ากังวลไปเลย ท่านแม่เจ้าต้องดีขึ้นแน่”
พอคิดๆดูแล้ว นางเอาเงินหลายตำลึงที่หามาได้ออกมา “เงินพวกนี้เจ้าเอาไปใช้ก่อนเถอะ! เรื่องอื่น ข้าจะค่อยๆคิดหาทางอีกที”
เสิ่นจวิ้นอี้ตะลึง เขาไม่คิดว่าเจียงยิ่งหลีจะเอาเงินส่วนตัวออกมา เขาระงับความอยากยื่นมือออกไปรับ และพูดเสียงเรียบว่า “นี่เป็นเงินสินติดตัวเจ้าสาวของเจ้า ข้ารับไม่ได้”
“ข้าจะคิดหาเงินเอง เจ้าไม่ต้องยุ่ง” เขาเม้มปาก ก่อนพูดต่อ “ในเมื่อเจ้ามีเงินในมือแล้ว ต่อไปก็สามารถใช้ชีวิตเองได้ ข้าจะเขียนอธิบายในหนังสือหย่าร้างให้ชัดเจน สาเหตุที่หย่าเป็นความผิดของข้าเอง เจ้าเองก็ยังบริสุทธิ์อยู่”
“เพราะข้าทำให้ท่านแม่เจ้าโกรธ เจ้าเลยจะหย่ากับข้ารึ?” เจียงยิ่งหลีขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เสิ่นจวิ้นอี้ เมื่อก่อนข้าเคยทำอะไรกันแน่ ถึงทำให้พวกเจ้ารังเกียจข้าขนาดนี้?”
เสิ่นจวิ้นอี้ยกมือขึ้น ทึ้งผมตนเอง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นชาว่า “เจียงยิ่งหลี เรื่องในอดีตเอาไว้ก่อน เจ้าเองก็เห็นแล้วว่า ข้ามิใช่สามีที่ดี!”
“ข้ามันคนดวงกินพ่อกินแม่และยังกินญาติ ซ้ำยังโชคร้ายไม่หยุดไม่หย่อน ใครมาเข้าใกล้ข้าไม่มีทางได้ตายดี ทางที่ดีเจ้ารีบไปเถอะ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง!”
เจียงยิ่งหลีไม่รู้เลยว่า ทำไมนางแค่ให้เงิน ต้องพูดกันมาใกล้ถึงเรื่องหย่าด้วย
นางเป็นคนดื้อรั้นแต่เกิด ชอบค้านไปทุกเรื่อง พอเห็นเสิ่นจวิ้นอี้พูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี นางเลยคว้าเก้าอี้เล็กมานั่งพิงโต๊ะ เลิกคิ้วถามเสียเลยว่า “เจ้าอยากไล่ข้าไปดีนัก ข้าจะดื้อไม่ไปนี่ล่ะ”
“ในเมื่อข้าแต่งเข้าตระกูลเสิ่นของพวกเจ้าแล้ว ข้าก็เป็นสะใภ้ตระกูลเสิ่นของพวกเจ้า”
“ข้าไม่ได้ทำผิดกฎเจ็ดข้อ เสิ่นจวิ้นอี้ เจ้าจะหย่ากับข้าไม่ได้”
เสิ่นจวิ้นอี้สายตาดำขลับปนไอเย็นยะเยือก ริมฝีปากเม้มแน่น จ้องมองนางเขม็งอย่างเย็นชา
เจียงยิ่งหลีไม่กลัวสายตาเขาหรอก นางวางเงินลงบนโต๊ะ “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่ามาพูดจาแปลกแยกกัน ท่านแม่เจ้าล้มป่วย ข้าในฐานะลูกสะใภ้ ไม่อาจนิ่งดูดายได้”
“เงินนี่ไม่ใช่เงินติดตัวเจ้าสาวของข้า ข้าหามาได้เอง เจ้าใช้ได้ตามสบาย”
“ถ้าเจ้าทำใจไม่ได้จริงๆ” สายตานางกรอกไปมา พลางหยุดลงที่ใบหน้าหล่อเหลาของเสิ่นจวิ้นอี้ ยิ้มมุมปากบอกว่า “งั้นก็อย่าเอาแต่ตีหน้าเคร่งขรึม บางทีก็ยิ้มกับข้าบ้างสิ!”
“เจ้า---!” เสิ่นจวิ้นอี้กัดฟันบอก “ข้าไม่ได้ขายรอยยิ้มนะ!”
นี่นางเป็นอะไรกัน? ปกติก็พูดจาเยี่ยงนี้กับโม่เหลี่ยนโจวรึ?
เจียงยิ่งหลีจึ๊ปากอย่างเสียดาย นางลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ติดเสื้อผ้า “ก็ได้! ข้าจะไม่บังคับเจ้าหรอก ข้ายังมีธุระ เกี้ยวบนโต๊ะอุ่นก่อนค่อยกินนะ!”
พูดจบ นางเดินอ้อมเสิ่นจวิ้นอี้จะออกไป เดินไปได้สองก้าว ทันใดนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นมา นางหันมาบอกอีก “จริงสิ อย่าเอาแต่พูดปาวๆเป็นประจำว่าดวงกินญาติหรือโชคร้ายอะไร ข้าไม่เชื่อเรื่องเทพเซียนหรือภูติผี เชื่อเพียงความพยายามของคนสามารถเอาชนะลิขิตฟ้าได้”
“เจ้าก็อย่าเศร้าไปเลย ท่านแม่เจ้าต้องดีขึ้นมาแน่นอน ข้ารับประกัน!”
เสิ่นจวิ้นอี้มองตามนางที่เดินเข้าไปในห้องด้านซ้ายอย่างองอาจ และเพราะอ้วนเกินไป ตอนบิกดเอวเข้าห้องยังโดนประตูหนีบไปหน่อย
พอได้ยินเจียงยิ่งหลีด่าเสียงต่ำ เสิ่นจวิ้นอี้”....”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาอดยิ้มมุมปากไม่ได้
เขากับเจียงยิ่งหลีก็พอกัน!
เกี้ยวในชามบนโต๊ะเย็นหมดแล้ว เกี้ยวสิบกว่าชิ้นเกาะติดกันแน่น เขานั่งลงหยิบตะเกียบคีบเกี้ยวเย็นชืดขึ้นมา รสชาติเนื้อที่เข้าปากทำเขาตกตะลึง
เขากัดกลืนไปโดยไม่รู้ตัว สายตาจับจ้องที่เศษเงินบนโต๊ะ
บางทีชีวิตอาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น!
พอกินเกี๊ยวเย็นชืดหนึ่งชามเสร็จ เสิ่นจวิ้นอี้ที่หมดอาลัยตายอยากพลันเริ่มมีความหวังขึ้นมาใหม่
เขาจะไม่ยอมให้แม่เขาตายหรอก เขาจะไปหาท่านหมอที่ดีกว่าในเมืองเขตปกครอง!
และการไปในเมืองเขตปกครองย่อมหมายถึงต้องการเงินมากขึ้น สองตำลึงกว่าเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น!
ต้องคิดหาหนทาง!
คนป่วยต้องการสารอาหารมาช่วยสนับสนุนถึงจะฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงได้ ตอนตระกูลเสิ่นแยกบ้าน นอกจากที่นาสองไร่แล้ว ไม่ได้แบ่งสัตว์ปีกเลี้ยงอะไรมาเลย
การกินในแต่ละมื้ออัตคัดนัก แต่ไข่ไก่ก็เป็นอาหารเนื้อดีมาก และยังโปรตีนสูง
ดังนั้นเจียงยิ่งหลีเลยเอาตะกร้าไป หวังจะไปขอแลกไข่ไก่กับคนในหมู่บ้าน
นางไปหาป้าเลี่ยวที่เป็นเพื่อนบ้านก่อน คือคนที่ช่วยพันแผลให้นางในคืนที่นางข้ามมิติมา