บทย่อ
พอลืมตาขึ้นกลายเป็นหญิงอ้วนที่ถูกขายมาล้างซวย เอาหัวชนกำแพงฆ่าตัวตาย คนแค้นหมาเกลียดไม่พอ ซ้ำยังต้องแบกชื่อเสียงเน่าๆที่ไปแย่งพี่เขยมาอีก โดนคนเหยียดหยามอย่างไร้ชิ้นดี เจียงยิ่งหลีอยากจะตายอีกสักครั้ง แต่พอเห็นหน้ารูปงามของสามี เธอก็มีแรงใจขึ้นมา เผชิญกับญาติใจร้าย อันธพาลไร้มนุษยธรรม มาแต่ละทีก็เอาซะให้น่วม เยียวยาให้กับแค้นที่ไม่เลิกราซะหน่อย ยัยอ้วนอัปลักษณ์เจียงยิ่งหลี สะบัดบ๊อบกลายเป็นแม่นางสวยสดงดงาม วิชาแพทย์เป็นหนึ่งวาสนาล้ำ กำลังจะเห็นจุดสูงสุดในชีวิต กลับมาพบว่าสามีรูปงามของตนนั้นเป็นคุณชายตระกูลร่ำรวย! เผชิญกับการตั้งคำถามของเหล่าผู้คน เจียงยิ่งหลีอยากจะสะบัดก้นหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด ไม่คาดว่าสามีรูปงามที่ไม่เคยไยดีนางเลยดันมาดักรอที่ประตูเมือง:เลิกแล้วต่อกันไม่มีทางเสียหรอก นอกเสียจากจะตายจากกัน!
บทที่ 1 ทะลุมิติข้ามเวลา
“อาหลี โม่เหลี่ยนโจวบ้านเจ้าน่ะสอบได้เป็นถงเซิงแหน่ะ! (ถงเซิง คือผู้ที่สอบผ่านระดับต้น บัณฑิตที่ยังไม่มีคุณสมบัติเป็นซิ่วไฉ) ต่อไปเจ้าก็ได้เป็นฮูหยินขุนนางแล้วนะ อย่าลืมเพื่อนบ้านอย่างพวกข้าล่ะ!”
“แน่นอนแน่นอน!”
เจียงยิ่งหลีหิ้วตะกร้า ทักทายกับชาวบ้านข้างทางด้วยฝีเท้าที่เร่งความเร็วขึ้น ใบหน้าอวบอ้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อวัยวะบนใบหน้าบีบอัดกันจนบิดเบี้ยว แต่ไม่อาจหยุดยั้งความรู้สึกยินดีปรีดาตื่นเต้นในใจของนางในตอนนี้ได้เลย
รอจนถึงหน้าประตูตระกูลโม่ นางจัดทรงผมและเสื้อผ้าที่ค่อนข้างเก่า พลางมองพายเนื้อที่ทำเป็นพิเศษในตะกร้าแวบหนึ่ง นางแยกรอยยิ้มกำลังจะเคาะประตู พลันได้ยินเสียงสองเสียงดังมาจากด้านใน
“อาโจว ยินดีด้วยที่เจ้าสอบได้ถงเซิง! ข้าดีใจกับเจ้าจริงๆ แต่ตระกูลเสิ่นรอไม่ได้แล้ว ต้องการให้ข้าไปแต่งเพื่อขจัดเสนียดจัญไรวันพรุ่งนี้ แต่ข้าไม่อยากแต่งกับผู้อื่นนอกจากเจ้า ข้าจะทำอย่างไรดี? ฮือฮือ” นี่เป็นเสียงเจียงชิงโย่วซึ่งเป็นพี่สาวของนาง
“อย่าร้องไห้ไปเลย ข้ารู้ว่าเจ้าเสียสละเพื่อข้ามากมายนัก” โม่เหลี่ยนโจวกอดนางอย่างสงสาร “เอาอย่างนี้ ไว้ข้าจะไปสู่ขอที่บ้านเจ้า ข้าจะแต่งกับเจ้านะ”
เจียงชิงโย่วดีใจระคนตกใจ “จริงรึ? แล้วเงินค่าสินสอดจะทำอย่างไรดีเล่า? ค่าเดินทางที่ข้าให้เจ้าครั้งก่อนเป็นเงินสินสอดของตระกูลเสิ่น ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็ต้องการเงิน...แต่ถ้าคืนมาให้ไม่ได้ ตระกูลเสิ่นไม่ยอมเลิกราแน่! อีกอย่าง อาหลีคงไม่ยอมให้พวกเราอยู่ด้วยกันแน่...”
โม่เหลี่ยนโจวลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเสนอว่า “งั้นให้อาหลีแต่งไปแทนสิ!”
ความยินดีเต็มหัวใจของเจียงยิ่งหลีโดนคำนี้สั่นสะเทือนจนหนาวเหน็บ
“พลั่ก!”
ประตูถูกคนถีบเปิดออกผ่าง ทำเอาสองคนด้านในตกใจหันมามอง
“โม่เหลี่ยนโจว เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” เจียงยิ่งหลีเบิกตากว้างแทบถลนออกมา กัดฟันถามกรอด
นางทำงานหาเงินส่งเขาร่ำเรียน เพราะหวังว่าพอเขาสอบติดแล้วจะมาสู่ขอนาง ให้นางเชิดคอสูงใส่ผู้อื่นที่ดูถูกนางมาตลอด!
สุดท้าย พอเขาสอบติด คนที่เขาอยากแต่งงานด้วยกลับเป็นพี่สาวของนาง กระทั่งยังวาดฝันเพ้อเจ้อให้นางแต่งงานไปตระกูลเสิ่นที่มีดวงซวยติดตัวแทนเสียอีก!
เขาทำการเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!!
โม่เหลี่ยนโจวถูกนางคาดคั้นถามเสียจนหน้ากระดากอาย รีบเบือนหน้าหลบสายตานางทันที
ใบหน้าเจียงชิงโย่วยังมีคราบน้ำตาไหลริน นางสะอึกสะอื้นปิดหน้าร้องไห้ว่า “อาหลี เจ้าอย่าเข้าใจผิดนะ....”
สายตาของเจียงยิ่งหลีไปหยุดลงที่ใบหน้าขาวเนียนเรียบและงดงามสะสวยของเจียงชิงโย่ว ราวกับโดนเข็มทิ่มแทง นางพลันพุ่งเข้าไปตบหน้าฉาดใหญ่สองฉาดทันที
“เจ้ายั่วยวนอาโจวใช่ไหม? เจ้ามันหญิงแพศยา ข้าให้เจ้ามาส่งของให้ข้า ไม่ได้ให้เจ้ามายั่วยวนคู่หมั้นข้า! ข้าจะฆ่าเจ้าซะนังแพศยา!”
พอเห็นคนรักโดนตบ โม่เหลี่ยนโจวรีบเข้ามาดึงนางไปหลบด้านหลัง และพอเห็นเจียงยิ่งหลียังตอแยไม่เลิก เขาหันมาผลักอีกฝ่ายออกอย่างเดือดดาล ตะคอกด้วยสีหน้ามืดครึ้มว่า “หยุดนะ เจ้าเลิกอาละวาดได้ไหม?”
พายเนื้อในตะกร้าหล่นกระจาย นั่นเป็นอาหารที่เจียงยิ่งหลีตั้งใจตื่นมาทำแต่เช้ามืด เพื่อบำรุงร่างกายให้เขา
ตอนนี้มาจับพายเนื้อที่อุ่นร้อน ในใจเจียงยิ่งหลีกลับรู้สึกเจ็บปวดนัก
“ข้าอาละวาดรึ? โม่เหลี่ยนโจว ตอนแรกเจ้าบอกว่าจะแต่งงานกับข้า ยังบอกอีกว่า นิสัยเกรี้ยวกราดของข้านั้นน่าสนใจที่สุด”
“ตอนนี้ข้าอวบอ้วนและเสียโฉม พอเจ้าได้เป็นถงเซิงกลับคิดถีบหัวข้าส่งรึ? เจ้าเอาหน้าที่ไหนมาบอกว่าข้าเป็นหญิงปากร้ายกัน? ข้าว่า พวกเจ้าสองคนมากกว่าที่เป็นชายโฉดหญิงชั่ว!” นางเดือดดาลจนเลือกคำพูดไม่ถูก น้ำตายังคงไหลอาบแก้มอัปลักษณ์นั่นไม่หยุด
“พอได้แล้ว!” โม่เหลี่ยนโจวเก็บความรู้สึกผิดไปทันที พอเห็นใบหน้านั้นของนางแล้ว เขารู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงตา สายตารังเกียจ ตะคอกดังว่า “เจียงยิ่งหลี เจ้ามักเป็นเช่นนี้---โง่เง่าวู่วาม เย่อหยิ่งอารมณ์ร้าย ซ้ำยังฉุนเฉียวคิดมากง่าย เจ้ามีอันใดเทียบกับความรู้กาลเทศะของชิงโย่วได้กัน! วันหน้าข้ายังต้องเป็นขุนนางนะ!”
หากจะบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดของเจียงยิ่งหลีสักอย่าง ก็คือเกิดมาหน้าตาสะสวย แต่บัดนี้นางเสียโฉมแล้ว ซ้ำยังอ้วนราวกับหมู ย่อมไม่อาจเทียบเคียงกับเจียงชิงโย่วได้อยู่แล้ว!
“อาโจว เจ้าอย่าพูดว่าอาหลีอย่างนี้สิ” เจียงชิงโย่วกระตุกชายเสื้อเขา ปิดบังแววตาสาแก่ใจของตนเอาไว้ พลางหันมองเจียงยิ่งหลี พูดทั้งน้ำตาไหลพรากว่า “อาหลี ข้ากับอาโจวไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดนะ ข้าไม่อยากพรากพวกเจ้าสองคน แต่ข้าห้ามใจตนเองไม่ได้...”
เจียงยิ่งหลีไม่คิดว่าโม่เหลี่ยนโจวจะมองตนเช่นนี้ ซ้ำเจียงชิงโย่วยังมาเสแสร้งแกล้งทำอีก ความเดือดดาลในใจพุ่งขึ้นหัวทันที
“ห้ามใจตนเองไม่ได้? เจ้าเป็นหมารึ? ห้ามตนเองไม่ได้! เจ้าด้วย เลิกเสแสร้งสักที ข้าขยะแขยง!”
ระหว่างพูด นางคว้าไม้คานหามที่มุมกำแพงพุ่งเข้าไปอย่างเดือดดาล
นางจะจัดการกับชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้เอง!
“เจ้าทำอะไรน่ะ!?”
แต่นางอ้วน จะอย่างไรก็เชื่องช้าอยู่บ้าง โม่เหลี่ยนโจวตาไวมือไวคว้าไม้คานหามได้ทัน เจียงชิงโย่วก็พุ่งกระแทกเข้าท้องอ้วนเจียงยิ่งหลีอย่างแรงราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
เจียงยิ่งหลีโดนกระแทกจนเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง นางโอนเอนเซจนหัวไปชนกับมุมแหลมของโต๊ะ ร่างกายพลันอ่อนยวบลงไปทันที
เลือดสีแดงสดไหลออกจากขมับนาง
“ตาย นางตายแล้ว!” เจียงชิงโย่วมีสีหน้าหวาดกลัวออกมา และโผเข้าหาอ้อมอกโม่เหลี่ยนโจว “อาโจว ข้ากลัวนางจะทำร้ายเจ้า เมื่อครู่ถึง ถึงทำอย่างนั้น... ข้าไม่ได้อยากให้นางตาย...ทำอย่างไรดี? ข้าฆ่าคนแล้ว!”
โม่เหลี่ยนโจวเองก็ตกใจจนสีหน้าซีดเผือด เขาทำใจกล้ายื่นมือไปอังที่ปลายจมูกของเจียงยิ่งหลี “ไม่ ยังมีลมหายใจอยู่...”
ทันใดนั้นเขาทำเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงกัดฟันถามว่า “เจ้าบอกว่า พรุ่งนี้ตระกูลเสิ่นต้องการให้เจ้าแต่งไปขจัดเสนียดจัญไรใช่ไหม?”
“ใช่”
“จะขจัดเสนียดจัญไรให้ดีที่สุดก็ต้องเป็นตอนกลางคืน เจ้าให้ครอบครัวเจ้ามาจับนางเปลี่ยนใส่ชุดเจ้าสาว ปิดผ้าคลุมหน้า และส่งไปตระกูลเสิ่นกลางดึกนี้เลย! แบบนี้นางก็จะกลายเป็นคนตระกูลเสิ่นแล้ว!”
“ข้า ข้าเชื่อฟังเจ้าแล้วกัน” น้ำในสายตาเจียงชิงโย่วค่อยๆกระจายออกไป พยักหน้าทั้งน้ำตาคลอเบ้า หากมุมปากกลับยกขึ้น
ไม่เสียแรงที่นางวางแผนมาทั้งหมด!
ระหว่างหมดสติ พอได้ยินคำนี้ หัวใจเจียงยิ่งหลีพลันเย็นเยียบยิ่งนัก จากนั้นก็สลบเหมือดเข้าสู่ความมืดไปเลย
..............
“เวรกรรมแท้ๆ! ไม่อยากแต่งมาก็ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายก็ได้นี่นา ดันส่งคนใกล้ตายมานี่คิดจะทำอะไรกันแน่? รังแกเสิ่นจวิ้นอี้เป็นคนดีเกินไปงั้นรึ?”
หนวกหูจริง!
เจียงยิ่งหลีปวดหัวมาก พลันลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เข้าสู่สายตาคือพื้นดินดำเหลืองและบ้านเต้ยๆ ที่มีรอยกระดำกระด่าง
ที่นี่ที่ไหนกัน?
ยังไงตนก็ถือเป็นหมอมือดีที่เลื่องชื่อ ถึงจะไม่ได้รวยถึงขั้นล่มชาติ แต่ก็ไม่น่าจะมาอยู่ที่แบบนี้สิ!
“อ้าว ยังไม่ตายรึ?” สตรีวัยกลางคนใส่ชุดโบราณคนหนึ่งมองมายังตนด้วยสีหน้ารังเกียจ
“เจียงยิ่งหลี ตระกูลเจียงของเจ้านี่หน้าด้านเสียจริงนะ! ตระกูลเสิ่นให้เงินสามตำลึงเป็นค่าสินสอด เพื่อให้ขจัดเสนียดจัญไร! แต่แล้วเจ้ากลับดีนี่ เจ้าตีพี่สาวเจ้าสลบ จงใจใส่ความสวมรอยมาแต่งงานแทน ซ้ำยังแกล้งพุ่งชนกำแพงหวังฆ่าตัวตายอีก! ตระกูลเจียงของพวกเจ้านี่คิดจะเพิ่มความอัปมงคลให้เรามากขึ้นใช่ไหม!”
“ขจัดเสนียดจัญไรอะไร?”
เจียงยิ่งหลีพึ่งออกปาก ความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองรัวๆ ทำเอาปวดหัวอย่างมาก
ที่แท้ตนทำโอทีผ่าตัดดึกๆ เหนื่อยตายตอนทำผ่าตัด
แต่กลับได้ข้ามมิติมาเกิดใหม่ในร่างสาวชาวบ้านที่ชื่อแซ่เดียวกันของหมู่บ้านเทียนส่วยแห่งราชวงศ์ต้าจิ้น
เจ้าของร่างเดิมเป็นลูกสาวของบ้านรองตระกูลเจียง ตอนอายุสามขวบ หลังจากพ่อแม่หย่าร้างกัน ตระกูลเจียงก็โยนความผิดฐานแต่งงานใหม่ของแม่นางมาที่นาง
และเพราะเดิมทีเจ้าของร่างเดิมหน้าตาดีนัก คนในบ้านมักด่าทอว่านางเป็นนังจิ้งจอกเหมือนแม่ไม่มีผิด เรียกได้ว่าใช้ชีวิตมาอย่างทรมานและลำบาก!
และสิ่งเดียวที่ทำให้ “เจียงยิ่งหลี”ภูมิใจคือ นางมีคู่หมั้นที่รักใคร่กันดี เดิมพวกเขาตกลงกันแล้วว่า พอเขาสอบได้ถงเซิงก็จะแต่งงานกัน
แต่ครึ่งปีก่อนจู่ๆเจียงยิ่งหลีก็เริ่มอ้วนขึ้นอย่างน่าประหลาด จากสาวน้อยร่างงามอรชรกลายเป็นหญิงอ้วนเกือบหนึ่งร้อยกิโล ซ้ำใบหน้ายังมีสิวแดงขึ้นมาอีกด้วย
เพื่อให้คู่หมั้นนางจำนางในภาพลักษณ์ที่ดีและเพื่อลดความอ้วน ส่วนมากเจ้าของร่างเดิมมักจะให้เจียงชิงโย่วซึ่งเป็นพี่สาวช่วยส่งข้าวของมาให้แทนตัวนาง
และผลลัพธ์ก็พอเดาได้เลย