บทที่ 7 ตัวการร้าย
เจียงยิ่งหลียิ้มมุมปากอย่างเยาะหยันว่า “เจียงชิงโย่วทำเรื่องหน้าไม่อายเช่นนี้ได้ ข้ายังไม่ทันไปหาเรื่องนาง นางกลับมีหน้าตอแหลว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจถ้าข้าจะพูดความจริงแล้วกัน...”
ป้าใหญ่เจียงยิ้มไม่ออกแล้ว
เจียงยิ่งหลีแปลกไป เมื่อก่อนถึงนางจะเกรี้ยวกราดอาละวาด แต่ยังเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ เชื่อฟังคำพูดพวกเขา ทำไมวันนี้คิดจะแตกหักเสียแล้วล่ะ!
พอคิดถึงลูกสาวที่เข้าเมืองแล้ว รวมถึงแขกผู้มีฐานะสูงส่งท่านนั้นด้วย นางไม่อยากจะตอแยกับเจียงยิ่งหลีอีก
นางหลบสายตาอันร้อนแรงของเจียงยิ่งหลีที่มองมา พยายามฝืนยิ้ม และพูดเสียงดังตัดบทนางว่า “ไอ้หยา ถึงแล้วถึงแล้ว ให้พวกข้าลงที่นี่เถอะ!”
และไม่สนคนขับตะโกนบอกว่ายังไม่ถึง นางรีบให้เงินอย่างไว พลางหิ้วข้าวของลากอาสะใภ้สามเจียงวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
ท่าทางราวกับวิ่งหนีสัตว์ร้ายอุตลุดนั่นทำเอาเจียงยิ่งหลีสงสัยยิ่งนัก
ชื่อเสียงของนางไม่ดี ต่อให้ตอนนี้นางพูดความจริงออกมา ดูท่าคนบนรถคงไม่เชื่อ และยังจะลำเอียงเข้าข้างป้าใหญ่เจียงไปเสียอีก!
แต่นี่เห็นได้ชัดว่าป้าใหญ่เจียงร้อนตัวแล้ว!
นางร้อนตัวอะไรกัน?
อาสะใภ้สามเจียงโดนป้าใหญ่เจียงดึงลากวิ่งไปไกลมากถึงหยุดลง นางพลันสะบัดมือ หอบหายใจรัวพลางถามอย่างสงสัยว่า “พี่สะใภ้ ท่านวิ่งทำไมกันน่ะ? หรือว่าท่านกลัวนังเด็กนั่นหรือไง?”
ป้าใหญ่เจียงเองก็วิ่งจนหอบหายใจแทบไม่ทันเหมือนกัน
นางไม่ได้กลัวเจียงยิ่งหลีจะพูดเรื่องพวกนั้น ไม่มีใครเชื่อคำนางหรอก!
แต่สายตาของเจียงยิ่งหลีเมื่อครู่ประหลาดนัก ราวกับรู้เรื่องที่พวกนางแอบทำลับๆกัน!
พอคิดถึงคำพูดที่ลูกสาวตนพูดไว้ปาวๆอย่างมั่นใจนั่นว่า เสิ่นจวิ้นอี้กับแม่ของเขาจะตายตามกันไปในปีนี้ ส่วนโม่เหลี่ยนโจวจะได้ดิบได้ดี ซ้ำบ้านนางตอนนี้ยังได้รับโอกาสอย่างนี้ วันข้างหน้ามีแต่จะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ....
ถึงตอนนั้นเจียงยิ่งหลีจะมีค่าอะไรล่ะ?
ก็แค่นังเด็กสารเลวที่เกิดจากนังแพศยานั่น สมควรหมอบกราบแทบเท้าลูกสาวตน!
พอคิดอย่างนี้ ป้าใหญ่เจียงในใจรู้สึกดีขึ้นหน่อย นางถอนหายใจอย่างโล่งอกยืดเอวยืนตรง “ข้าไม่ได้กลัวนาง ข้ากลัวเสิ่นจวิ้นอี้ ตอนนี้นางแต่งเข้าตระกูลเสิ่นแล้ว พวกเราหลบหลีกไว้หน่อยก็ดี”
อาสะใภ้สามเจียงสีหน้าซีดเผือดทันที “จริงสิ เสิ่นจวิ้นอี้เป็นดาวมฤตยูที่มีเทพแห่งความโชคร้ายกลับชาติมาเกิด แต่อย่าเอาความโชคร้ายนี่มาให้พวกเราละกัน! ไม่ได้การ กลับไปข้าต้องเอาใบอ้ายเย่มาล้างความซวยเสียแล้ว! พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านคิดได้รอบคอบนัก...”
นางหันมาประจบป้าใหญ่เจียงต่อ้
กว่าเจียงยิ่งหลีจะกลับมาก็เกือบเที่ยงแล้ว นางเก็บข้าวของให้ดี แต่ไม่เห็นเสิ่นจวิ้นอี้เลย
นางเบ้ปากอย่างไม่เข้าใจว่า “ขาเจ็บอยู่แท้ๆ ยังเตร็ดเตร่ไปทั่วราวกับแมวเซา มิน่าล่ะไม่หายสักที!”
เดิมนางกับเสิ่นจวิ้นอี้ก็แค่อยู่ด้วยกันใช้ชีวิตไปอย่างนั้น นางขี้เกียจไปตามหาเขา เลยหันไปทำข้าวกลางวันในห้องครัวแทน
ในห้องครัวยังมีผักป่าที่เหลือจากเมื่อวาน นางเอาหมูสามชั้นที่ซื้อมาเคี่ยวจนได้น้ำมันหมู และหยิบขวดมาเก็บเอาไว้ จากนั้นเอาเนื้อแห้งที่เหลือผัดกับจี้ไฉ่ออกมาเป็นเกี๊ยวไส้หมูผัดผัก
ยังคงทำเป็นสามชุดเหมือนเดิม นางกินส่วนที่น้อยที่สุด และไม่รู้ว่าเพราะร่างนี้ไม่ได้กินเนื้อมานานเกินไปหรือยังไง วินาทีที่กัดเกี๊ยว เจียงยิ่งหลีรู้สึกมีความสุขจนแทบร้องไห้เลยทีเดียว
นั่นไง เนื้อนี่แหละที่เป็นความปรารถนาอันสูงสุด!
น่าเสียดายที่หลังจากนางกินอาหารหลอกตัวเองมื้อนี้เสร็จแล้ว ต่อไปก็ต้องเข้าสู่การลดความอ้วนอันยาวนานอีกแล้ว
เจียงยิ่งหลีกินเกี๊ยวอย่างเชื่องช้า นางอดทนแล้วอดทนอีก สุดท้ายทนไม่ไหวซดน้ำแกงจนหมดเลยด้วย
พอเห็นเกี๊ยวจะอืดแล้ว เสิ่นจวิ้นอี้ยังไม่กลับมาอีก เจียงยิ่งหลีลังเลว่าจะเอาเกี๊ยวเข้าไปให้แม่เสิ่นดีหรือไม่ ก็พลันได้ยินเสียงดังสนั่นจากด้านในห้อง
เจียงยิ่งหลีอึ้งก่อนรีบลุกขึ้น และวิ่งไปเคาะประตูห้องด้านขวา “ท่านป้า ท่านป้า ท่านเป็นอะไรน่ะ? เกิดอะไรขึ้นรึ? ถ้าท่านไม่พูดอะไร ข้าเข้ามาแล้วนะ”
รออยู่ครู่หนึ่ง เห็นด้านในเงียบเสียงแล้ว นางรีบเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว และเห็นในห้องมืดมิด มีเตียงหนึ่งอยู่มุมกำแพง
ตอนนี้สตรีวัยกลางคนที่อ่อนแอผอมโซคนหนึ่งล้มลงกับพื้น ด้านข้างยังมีเก้าอี้ที่ล้มลง น้ำในแก้วสาดกระจายเต็มพื้น
น่าจะเป็นเพราะแม่เสิ่นตื่นมาแล้วหิวน้ำ อยากดื่มน้ำแต่กลับทำเก้าอี้ล้มลงจนเกิดเสียงดัง
เจียงยิ่งหลีก้าวเท้ายาวเข้าไปพยุงแม่เสิ่นทันที “ท่านป้า ท่านป้า ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
แม่เสิ่นหมดสติไปแล้ว บนโหนกแก้มสูงมีจุดสีแดงนูนออกมา ดวงตาปิดสนิท มุมปากยิ่งแห้งแตก ลำคอยังมีเสียงเฮ่อเฮ่อดังออกมา
เจียงยิ่งหลีจับลงไปพบว่าร้อนเป็นไฟ นางขมวดคิ้วสงสัย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว นางพยุงอีกฝ่ายขึ้นเตียง และเริ่มทำการตรวจอาการแม่เสิ่น
ไข้ขึ้นสูงไม่ลดเลย มีเสียงแปลกๆที่หน้าอก ผสานกับอาการที่หายใจลำบาก นอกจากนี้ต่อมทอนซิลยังบวมอยู่ เห็นได้ชัดว่าไอไม่หยุด ซ้ำยังทำเอาหลอดลมแตกอีก จนเริ่มกระอักเลือด
การวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นคือปอดอักเสบ
พอแน่ใจโรคแล้ว ก็จัดการได้ง่ายมากขึ้นละ
เจียงยิ่งหลีเอาเพนิซิลินออกมา และเริ่มทดสอบผิวหนังให้แม่เสิ่นก่อน สุดท้ายนางกลับมีอาการแพ้ซะงั้น
ช่วยไม่ได้ เจียงยิ่งหลีเลยได้แต่หันไปฉีดเซฟาโลสปอรินให้นางก่อน
เซฟาโลสปอรินรักษาได้ไม่ตรงจุดเท่าเพนิซิลิน แต่สำหรับแม่เสิ่นที่ไม่เคยใช้ยาปฏิชีวนะมาก่อน ผลลัพธ์น่าจะดีขึ้นมาก อย่างมากก็แค่ใช้เวลามากขึ้นหลายวันกว่าจะหายดีเท่านั้นเอง
จากนั้นนางเลยเทน้ำ ป้อนแม่เสิ่นกินร็อกซิโทรมัยซิน พอจัดการหมดนี่ นางแทบเข่าอ่อนเลยทีเดียว พอจะพยุงแม่เสิ่นนอนลง
แต่กลับโดนคนคว้าข้อมือไว้
เจียงยิ่งหลีตกใจ เหลือบตามองไป แม่เสิ่นลืมตาแดงก่ำด้วยพิษไข้ขึ้นแล้ว
“เจ้าทำอะไรน่ะ?”
“ท่านป้า ท่านฟื้นแล้ว! เมื่อครู่ท่านไข้ขึ้นล้มลงไป ข้าเลยเทให้...”
นางยังอธิบายไม่ทันเสร็จ แม่เสิ่นกลับตัดบทนางด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ตะคอกถามว่า “เจ้า เจ้าทำอะไรกับข้าน่ะ? มือข้าเจ็บนัก... เจียงยิ่งหลี เจ้าคิดจะฆ่าพวกข้าสองแม่ลูกให้ตายถึงสาแก่ใจรึ!”
สีหน้าเจียงยิ่งหลีตกตะลึง นางไม่เข้าใจว่าแม่เสิ่นหมายความว่ายังไง แต่คนป่วยไม่ควรจะอารมณ์พลุกพล่าน
นางปลอบว่า “ท่านป้า ท่านล้มป่วยอยู่ จะอารมณ์พลุกพล่านไม่ได้นะ ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่ได้ทำอะไรท่าน ข้าแค่...”
“เจ้าทำเรื่องเช่นนั้นออกมา ยังกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรรึ? เจียงยิ่งหลี ตระกูลเสิ่นของเราติดค้างอะไรเจ้าไว้นะ เจ้าถึงเกาะติดพวกเราสองแม่ลูกไม่ปล่อย!” แม่เสิ่นกลับไม่ฟัง เส้นเลือดที่ขมับปูดโปน “ไป เจ้าออกไปเลยนะ!”
เจียงยิ่งหลีสงสัย “เรื่องเช่นนั้น?”
เรื่องอะไรล่ะ?
“ท่านแม่!”
ไม่รอให้นางสงสัยต่อ เสิ่นจวิ้นอี้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วดุจลมพายุ มายังข้างเตียง และพยุงแม่เสิ่นที่อารมณ์พลุกพล่านเอาไว้
“ท่านแม่ ท่านไม่สบายตรงไหนรึ? ข้าจะไปเชิญท่านหมอมาให้นะ!”
“อาจวิ้น บ้านเราจะเก็บตัวการร้ายเช่นนางไว้ไม่ได้แล้วนะ! ต่อไปนางต้องให้ร้ายเจ้าแน่!” แม่เสิ่นชี้ไปที่รอยบวมแดงเขียวม่วงอันหลงเหลือจากทดสอบผิวหนัง กัดฟันร้องไห้โฮว่า “เจ้าดูสิ นางทำมือข้าพรุนจนเป็นอะไรไปแล้ว! เจ้ารีบไล่นางไปเลยนะ!”
เพราะว่าตะคอกมากเกินไป นางไอออกมาอย่างรุนแรง ในเสมหะยังมีเลือดปนมาด้วย ดวงตาแดงก่ำแทบจะเป็นสายเลือด
“ได้ได้ได้! ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธไปเลยนะ ท่านหมอบอกว่าท่านจะโกรธไม่ได้นะ!” เสิ่นจวิ้นอี้สีหน้าเปลี่ยนทันที เขาลูบหลังนางอย่างเป็นห่วงไปพลาง ส่งสายตาเขม็งไปที่เจียงยิ่งหลีด้วย “เจ้าออกไปก่อน!”
เจียงยิ่งหลีเองไม่ถือสาคนป่วย นางเหลือบมองแม่เสิ่นที่ไอค่อกแค่กจนหอบหายใจรัว และก้าวเท้าเดินออกไป
แม่เสิ่นโดนฉีดยาไป พอร้องไห้พักหนึ่ง ก็ทนฤทธิ์ยาไม่ไหว นอนผล็อยหลับไป