บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 หาเงิน

เถ้าแก่ร้านขายยาพึ่งส่งลูกค้าไปคนหนึ่ง พอเห็นเจียงยิ่งหลีสภาพอวบอ้วนแบกตะกร้าเข้ามา ก็รีบฉีกยิ้มต้อนรับทันที “น้องสาวมาซื้อยาบำรุงครรภ์รึ?”

เจียงยิ่งหลี “....”

ยาบำรุงครรภ์บ้านป้าแกสิ! นางดูเหมือนคนท้องหรือไง?

นางเหล่มองท้องอวบอ้วนของตนเอง กล้ำกลืนเลือดคำโตลงท้องไป แยกเขี้ยวบอกว่า “เปล่า เถ้าแก่ ที่นี่ท่านรับงูด่างขาวไหม?”

เถ้าแก่ร้านขายยาตะลึง “รับ!รับแน่นอน! บ้านเจ้ามีรึ?”

งูด่างขาวน่ะเป็นของดี ไม่เพียงแช่เหล้าได้ พอแช่เสร็จแล้วยังสามารถไล่ลมบรรเทาอาการกระตุกและบำรุงร่างกาย

นายท่านมากมายในตำบลล้วนชอบกันนัก

เพียงแต่งูสามเหลี่ยมนี่มีพิษร้ายนัก ซ้ำยังจับได้ยาก ดังนั้นต่อให้รู้ว่าขายได้ราคาดี ก็ยากจะมีคนเอาชีวิตไปเสี่ยง

เจียงยิ่งหลีวางตะกร้าลงบนโต๊ะ พลางเลิกผ้าขาดวิ่นที่ปกปิดไว้ เผยให้เห็นงูสามเหลี่ยมสี่ตัวด้านที่วางกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เถ้าแก่ชะโงกหน้าไปดู พอแน่ใจแล้ว เขาดีใจยิ่งนัก “งูด่างขาว เท่าที่ดูมีขนาดพอตัวแล้ว เพียงแต่หัวขาด เอามาแช่เหล้าไม่ได้ น่าเสียดายจริงๆ”

“ถึงงูด่างขาวจะแช่เหล้าไม่ได้ แต่ถ้าปรุงยาเสร็จแล้ว ไม่เพียงสามารถนำมาใช้รักษาโรคไขข้อและอัมพาต โรคชักกระตุก แม้แต่โรคเรื้อนแผลร้ายก็รักษาได้” เจียงยิ่งหลีบอกเสียงเรียบ “และยังมีฤทธิ์รักษาอาการไข้ขึ้นสูงของเด็กอีกด้วย”

เถ้าแก่มองสำรวจเจียงยิ่งหลี พลางถามอย่างสงสัยว่า “ฮูหยินรู้วิชาแพทย์ด้วยรึ?”

เจียงยิ่งหลีพยักหน้า พลางชี้ไปที่ตะกร้าถามว่า “เถ้าแก่ ท่านจะให้ราคาเท่าไหร่?”

เถ้าแก่ครุ่นคิดก่อนทำมือออกมา “ตัวหนึ่งแปดเฉียน (10 เฉียนคือ 1 ตำลึง) เจ้าเห็นว่าอย่างไร? ในท้องตลาดนี่ร้านข้าให้ราคาสูงที่สุดแล้วนะ ไม่เชื่อเจ้าลองไปถามชื่อเสียงร้านข้าก็จะรู้เองว่า ไม่มีทางโกงเจ้าหรอก”

เดิมเขาคิดจะกดราคาเหลือห้าเฉียน แต่เห็นเจียงยิ่งหลีถือว่าเป็นกึ่งผู้เชี่ยวชาญ เลยไม่กล้ากดราคาอะไรไป

รับมาในราคาแปดเฉียน พอเขาปรุงเสร็จ ต่อให้เพิ่มราคาเป็นสองสามตำลึงขายออกไป ยังมีคนจำนวนมากแย่งกันซื้อเลย

ชื่อเสียงของร้านขายยานี้ไม่เลวเลย เจียงยิ่งหลีทำการบ้านมาก่อนแล้วเช่นกัน

นางเองก็ไม่เรื่องมาก สามารถขายได้ในราคาแปดเฉียนถือว่าเป็นราคาจริงใจมากพอแล้ว

ตกลงราคากันได้ เถ้าแก่เองก็ดีใจ เขาให้ลูกน้องเก็บงูเข้าไปให้ดี และคืนตะกร้าให้เจียงยิ่งหลี และมอบเงินสามตำลึงสองเฉียนใส่มือนาง

“ต่อไปหากฮูหยินได้งูชนิดนี้มาอีก ก็เอามาขายข้าได้เลยนะ! เรื่องราคาตกลงกันได้!”

เจียงยิ่งหลีรับเงินมา เผยรอยยิ้มจริงใจออกมา “แน่นอน”

สายตาของนางหมุนวนไปที่แผงยา “เถ้าแก่ ที่นี่รับตัวยาไหม?”

เถ้าแก่เองก็รู้งาน “รับน่ะรับ แต่เป็นพวกที่พร้อมใช้งานเลย ถ้าเป็นพวกปรุงเรียบร้อยแล้ว ราคาของร้านข้าจะเพิ่มให้สูงขึ้นอีก”

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง พลางมองเจียงยิ่งหลีแล้วยิ้มบอก “ฮูหยินรู้วิชาแพทย์ ดูท่าจะรู้กฎของเราได้ดี หากเป็นตัวยาที่ท่านส่งมา แล้วมีลักษณะดี ข้าไม่มีทางให้ราคาต่ำกว่าเจ้าอื่นแน่”

นี่ก็ถือว่าทอดไมตรีให้เจียงยิ่งหลี

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณเถ้าแก่” เจียงยิ่งหลีเดินไปได้สองก้าว นึกอะไรขึ้นมาได้ กลับมาพูดแก้ว่า “รบกวนท่านอย่าเรียกข้าว่าฮูหยินเลย”

นางไม่คุ้นชินเอาเสียเลย

เถ้าแก่อึ้งเล็กน้อย เปลี่ยนคำเรียกอย่างขอลุแก่โทษทันทีว่า “ขอรับ แม่นาง”

เขาเห็นเจียงยิ่งหลีร่างกลมใหญ่ตัวอวบอ้วน ผมเผ้าก็รวบขึ้นสูง ดูแล้วยังคิดว่าแต่งงานและมีลูกแล้ว

เพราะน้อยนักที่จะมีแม่นางบ้านใดอ้วนท้วนกลมกลึงเช่นนี้!

เถ้าแก่ส่ายหน้า แอบบ่นในใจว่า ไม่รู้ว่าเป็นลูกบ้านไหนกัน ต่อไปจะแต่งงานออกเรือนได้อย่างไรกัน!

เจียงยิ่งหลีไม่ใช่คนยอมเสียสละความสะดวกสบายของตนเอง พอมีเงิน เรื่องแรกที่ทำคือเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น

นางไปร้านขายข้าวแล้วซื้อข้าวและแป้งหมี่มาสิบชั่งก่อน ยังมีน้ำมันเกลือซีอิ๊วน้ำส้มสายชู พอคิดว่าที่บ้านยังมีคนป่วยอีกสองคน นางเลยไปแผงขายเนื้อซื้อเนื้อมาหนึ่งชั่ง และใช้ใบบัวห่อไว้วางไว้ใต้สุดของตะกร้า

แบบนี้ก็จ่ายไปหนึ่งร้อยกว่าเหวินแล้ว

เจียงยิ่งหลียังอยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ไว้ผลัดเปลี่ยนสักสองตัว

ก่อนหน้านี้เอาเสื้อผ้าเก่าตัวหนึ่งมาห่องู ไม่อาจใส่ได้อีกแล้ว ตอนนี้นางเหลือเสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยนแค่ชุดเดียวเท่านั้น

แต่เสื้อผ้าสำเร็จรูปของร้านขายผ้านั้นแพงเกินไป ชุดหนึ่งก็เป็นร้อยเหวินแล้ว ถ้าพวกสีสันสดใสหน่อยปักลายดอกไม้นิดก็ยิ่งแพง

ซื้อผ้ามาตัดเองดูจะคุ้มกว่า

พูดไปก็น่าละอาย เจ้าของร่างเดิมตัดเย็บเสื้อผ้าเป็น นางเองได้รับถ่ายทอดความทรงจำมาเหมือนกัน แต่เรื่องที่ต้องอาศัยเทคนิคแบบนี้ สมองนางรู้ แต่มือทำไม่เป็นนี่นา!

เงินที่ใช้ได้มีน้อยนัก เจียงยิ่งหลีกัดฟันกรอด สุดท้ายเลือกซื้อผ้ามา

นางยังต้องประหยัดเงินไว้ ผ่านไปอีกระยะหนึ่งก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ยังต้องทำผ้าห่มผ้านวม ไม่อย่างนั้นอย่างผ้าห่มขาดวิ่นนั่นของตระกูลเสิ่นคงไม่รอดหน้าหนาวแน่

เจียงยิ่งหลีไม่เพียงซื้อของตนเองเท่านั้น เสิ่นจวิ้นอี้ยอมให้นางอยู่ต่อ นางก็ไม่ใช่คนไม่รู้จักบุญคุณคนอะไร ดังนั้นเลยซื้อให้เสิ่นจวิ้นอี้และแม่ไปด้วยเลย

เสื้อผ้าของเสิ่นจวิ้นอี้ซักจนขาวซีดแล้ว พอเห็นหน้าหนาวจะมาถึง ต้องซื้อเสื้อผ้าหน้าหนาวสักหน่อย

พอซื้อข้าวของครบ ครั้งนี้เจียงยิ่งหลีไม่อยากเดินกลับแล้ว เลยออกเงินสองเหรียญ เลือกนั่งรถวัวลากกลับไป

บนรถวัวลากแทบจะเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น พอเห็นเจียงยิ่งหลีแบกของมาพะรุงพะรัง ต่างพากันมองมาด้วยสายตาสงสัย

“อ้าว เจียงยิ่งหลี พึ่งแต่งงานได้ไม่นานก็ออกมาซื้อข้าวของแล้ว ดูท่าชีวิตหลังแต่งเข้าตระกูลเสิ่นของเจ้านี่ไม่เลวเลยนี่นะ! ข้าวของมากมายอย่างนี้ คงใช้เงินไปไม่น้อยเลยกระมัง?” บางคนถามขึ้นอย่างสงสัย

“พรืด ตระกูลเสิ่นพึ่งแยกบ้าน ได้เงินมานิดหน่อย รอจนใช้หมดแล้ว ไอ้เป๋คนหนึ่งกับหญิงร่าน ไม่แน่ว่าต่อไปจะเป็นยังไงน่ะ?” สะใภ้คนหนึ่งพลันเงยหน้าขึ้นมาเสียดสีว่า “อาหลี บ้านเราไม่มีวันเก็บสตรีไม่บริสุทธิ์เช่นนี้อยู่ต่อหรอกนะ”

“ถ้าเจ้ากล้าทำเรื่องบัดสี ทำลายชื่อเสียงของตระกูลอีก ปู่ย่าของเจ้าต้องตีเจ้าจนขาหักแน่!”

คนพูดคืออาสะใภ้สามของเจียงยิ่งหลี เดิมทีก็เป็นคนปากเสียอยู่แล้ว ตอนอยู่ที่ตระกูลเจียงก็รังแกโขกสับเจียงยิ่งหลีน้อยเสียเมื่อไหร่

ข่าวลือเสียๆหายของเจียงยิ่งหลีด้านนอกนั่นมีส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนางเอง

“น้องสะใภ้สาม อย่าพูดอย่างนั้นสิ” คนพูดคือสตรีออกเรือนที่หน้าตาสะสวย หลังจากตะคอกห้ามอาสะใภ้สามเจียงเสร็จ ก็หันหาเจียงยิ่งหลี พูดอย่างมีนัยยะว่า “อาหลี ในเมื่อเจ้ารักใคร่ชอบพอเสิ่นจวิ้นอี้ด้วยใจจริง ต่อไปก็อยู่ด้วยกันให้ดีเถอะ!”

“ส่วนทางพี่สาวเจ้า แผลที่หัวของนางดีขึ้นมากแล้ว ไม่โทษเจ้าแล้วด้วย!”

นางเป็นท่านป้าของเจียงยิ่งหลี ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของเจียงชิงโย่ว

เจียงยิ่งหลีเหล่มองสำรวจนาง ท่านป้าคนนี้ผิวเนียนเกลี้ยงเกลา ปกติพูดอะไรมักจะเสียงเล็กเสียงน้อย บวกกับเลี้ยงลูกออกมาเป็นบัณฑิตร่ำเรียนหนังสือ พอมีฐานะตำแหน่งในตระกูลเจียงอยู่บ้าง

แต่ถ้าจะบอกว่านางดีกับเจียงยิ่งหลี ก็ไม่ใช่เสียเลย!

คนเต็มรถแค่สงสัยในของที่นางซื้อ มีเพียงนางที่เปิดปากปุ๊บก็เอ่ยถึงเรื่องที่นางทุบหัวเจียงชิงโย่วแล้วแต่งงานแทน หาเรื่องกันอย่างมาก

เมื่อก่อนเจ้าของร่างเดิมมีบางพฤติกรรมที่ไม่ดีจริง แต่ก็เป็นตระกูลเจียงจงใจเลี้ยงมาแบบนั้น พวกเขายึดเอาของที่ชายผู้ชื่นชอบเจียงยิ่งหลีในหมู่บ้านให้มา แต่กลับบอกคนในหมู่บ้านว่า เจียงยิ่งหลีน่ะร่าน

พูดได้เลยว่า การที่ชื่อเสียงของเจียงยิ่งหลีกลายเป็นแบบนี้ ขาดการใส่สีตีไข่ของคนตระกูลเจียงไปไม่ได้เลย แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือคนเรือนไหนของตระกูลเจียง หรือเป็นแค่การกระทำของเจียงชิงโย่วคนเดียว?

เจียงยิ่งหลีคิดว่าต่อไปจะค่อยๆจัดการเรื่องนี้

ตอนนี้นางยกคางขึ้น คล้ายจะยิ้มและย้อนถามว่า “โทษข้า? เจียงชิงโย่วเอาหน้าจากไหนมาโทษข้า?”

ป้าใหญ่เจียงอึ้งไปเล็กน้อย

ปกติแล้วนางมักจะนอบน้อมต่อตนนี่นา!

“อาหลี เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ?” สีหน้านางชะงักค้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel