บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ความคิด

ถึงเสิ่นจวิ้นอี้จะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็เดาได้ว่านางไม่น่าจะหลอกคนด้วยเรื่องเช่นนี้ ช่วยคนเป็นเรื่องเร่งร้อนดุจดับไฟไหม้ เขารีบวิ่งไปข้างบ้านตะโกนเรียกเพื่อนบ้านชายสองคนมาช่วยทันที

ทั้งหมดขึ้นเขาทั้งๆฝนตก แต่กลับไม่พบใครตรงนั้นเลย สุดท้ายก็ได้แต่กลับบ้านมือเปล่า

ทำคนเสียเวลาเปล่า เสิ่นจวิ้นอี้รู้สึกผิดนัก พอขอบคุณอีกฝ่ายเสร็จ ก็หันกลับเรือนทันที

เจียงยิ่งหลีเองก็รู้สึกกระดาก นางเลยไปส่งผักป่าให้ทั้งสองบ้าน แต่กลับโดนฝ่ายเมียของบ้านนั้นปฏิเสธทั้งหน้าดำมะเมี่ยมกลับมา

พวกนางไม่อยากข้องเกี่ยวกับเจียงยิ่งหลีหรอกนะ! ผู้ชายของพวกนางยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย!

เจียงยิ่งหลีรู้สึกน้อยใจนัก บอกกับเสิ่นจวิ้นอี้ที่กำลังเผาฟืนต้มน้ำว่า “เสิ่นจวิ้นอี้ว่า “เสิ่นจวิ้นอี้ ข้าไม่ได้โกหกนะ”

“อืม”

“เจ้าก็ไม่เชื่อข้าหรอ?”

เสิ่นจวิ้นอี้ถอนหายใจยาว พลางเงยหน้าขึ้นมองนาง พูดด้วยน้ำเสียงหน่ายใจว่า “เปล่า แต่ในเมื่อไม่พบใคร แสดงว่าอีกฝ่ายจากไปอย่างปลอดภัยแล้ว นี่เป็นเรื่องดี ไม่มีอะไรให้ต้องคาใจหรอก!”

“น้ำใกล้เดือดแล้ว อากาศเย็นลงจะเป็นหวัดได้ง่าย เจ้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกชื้นเสียก่อนเถอะ!”

เจียงยิ่งหลีมองสำรวจเขาอย่างละเอียด พอเห็นว่าเหมือนเขาจะพูดความจริง ก็ตีแก้มโป่งพองราวกับเด็ก กระทืบเท้าจากไปทันที

เจียงยิ่งหลีรีบอาบน้ำอุ่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปลี่ยนน้ำ ให้เสิ่นจวิ้นอี้เข้าไปอาบต่อ

นางหยิบผ้าขนหนูขึ้นเช็ดผม ยังรู้สึกแปลกใจอยู่เลย

คนผู้นั้นโดนพิษงูเข้าไป ต่อให้นางช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา แต่ก็ฟื้นมาเร็วเกินไปไหมนี่! นางพึ่งจากไปได้แป๊บเดียว เขาก็หายไปเลย?

แต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไงนางก็ทำสิ่งที่ควรทำไปแล้ว เขาจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับนางละ

นางหาเสื้อผ้าขาดวิ่นที่ไม่ใส่แล้วออกมาจากในห้อง และห่องูสามเหลี่ยมพวกนั้นอย่างระมัดระวัง คิดจะเอาไปขายแลกเงินในตำบลพรุ่งนี้

แป้งหมี่ในบ้านเหลือไม่มากแล้ว เจียงยิ่งหลีเลยเอามาทำอาหารเที่ยง ก็คือขนมแป้งจี้ไฉ่ชิ้นหนึ่ง ส่วนหมาซือเสียน อันนี้ค่อนข้างขม เลยทำเป็นน้ำแกงผัก สรุปแล้วมีมากกว่าเมื่อเช้า

เจียงยิ่งหลีกำลังลดความอ้วน จะกินคาร์โบไฮเดรตมากไม่ได้ เลยแบ่งอาหารเป็นสามส่วน ตัวเองกินส่วนที่เล็กที่สุดแทน

ตอนเสิ่นจวิ้นอี้ออกมา และเห็นอาหารที่จัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว อดตะลึงไม่ได้

เจียงยิ่งหลีหันไปเห็นเสิ่นจวิ้นอี้ที่อาบน้ำเสร็จแล้วยิ่งดูขาวเนียนน่ากินมากขึ้น นางเลยมองสำรวจเขาจากบนลงล่างด้วยสายตาเป็นประกาย

ต้องยอมรับจริงๆว่า ถึงเสิ่นจวิ้นอี้จะรูปร่างผอมบาง แต่อวัยวะบนใบหน้ากับราศีนั้นดีจริงๆ ใส่แค่ชุดสีเขียวท้องฟ้าที่โดนซักจนขาวซีดก็มีราศีบัณฑิตที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายของชายหนุ่ม

เจียงยิ่งหลีทานทนกลิ่นอายความอ่อนเยาว์ของสุภาพชนแบบนี้ไม่ไหวที่สุด นางทักทายอย่างพอใจว่า “เจ้าอาบเสร็จแล้วหรอ? รีบมากินข้าวเถอะ!จริงสิ อันนี้ให้ท่านป้านะ”

นางชี้ไปที่อาหารชุดที่วางข้างๆ

เสิ่นจวิ้นอี้เห็นนางจัดเตรียมไว้อย่างเป็นระเบียบ รู้สึกสับสนเล็กน้อย “ขอบคุณมาก”

“ครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ขอบคุณทำไมกัน!เจ้ารีบไปเถอะ ไม่งั้นจะเย็นเสียก่อนนะ!” เจียงยิ่งหลีโบกมือไล่อย่างไม่ยี่หร่ะ

นางรู้ว่าตอนนี้เสิ่นจวิ้นอี้ไม่เชื่อใจตน และไม่คิดให้นางไปส่งอาหาร ดังนั้นไม่หาเรื่องใส่ตัวเสียเลย

ถึงอย่างไรชื่อเสียงเจ้าของร่างเดิมไม่ดีจริงๆ บวกกับตระกูลเจียงให้คนตายมาขจัดเสนียดจัญไรก็เป็นเรื่องหมางใจจริงๆ ตระกูลเสิ่นไม่ไล่นางออกไปทันที ซ้ำยังทำแผลให้นาง ก็ต้องถือว่าเสิ่นจวิ้นอี้ได้รับการเลี้ยงดูมาดี นิสัยดีมากแล้ว!

หลังจากเสิ่นจวิ้นอี้ป้อนข้าวท่านแม่เขาเสร็จ พอออกมาก็พบว่าเจียงยิ่งหลีไม่อยู่แล้ว บนโต๊ะคืออาหารที่เหลือไว้ให้เขา ปริมาณคือหนึ่งชามกับอีกครึ่งชาม เห็นได้ชัดว่าเจียงยิ่งหลีไม่ได้กินอะไร

เขายิ่งรู้สึกบอกไม่ถูกยิ่งขึ้น

เขาตัดสินใจจะหาโอกาสคุยกับเจียงยิ่งหลีให้ดีสักที!

วันรุ่งขึ้นเจียงยิ่งหลีตื่นแต่เช้า นางบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกขึ้นมาทำท่ายืดเส้นง่ายๆสักหลายท่า

นางเตรียมไปทำอาหาร แต่กลับพบว่าบนเตาไฟวางพายที่ปิ้งเสร็จไว้แล้ว

เสิ่นจวิ้นอี้เป็นคนทำ

พายอัดแน่นมาก ซ้ำยังใหญ่กว่าหน้านางอีก!

นี่เสิ่นจวิ้นอี้เข้าใจอะไรผิดกับปริมาณการกินข้าวของนางรึเปล่าเนี่ย?

เจียงยิ่งหลีคว้าพายขึ้นมา เลิกคิ้วงุนงง ทันใดนั้นก็ได้ยินความเคลื่อนไหวจากด้านนอก

พอออกมาจากห้องครัวก็เห็นเสิ่นจวิ้นอี้มือหนึ่งถือไม้เท้า มือหนึ่งถือถังน้ำเดินกะเผลกเข้ามา และเพราะไม่ได้ยืนให้มั่นคง น้ำในถังล้วนกระฉอกออกมาเกือบครึ่ง ทำเอารองเท้าของเขาเปียกชื้นไปหมด

นางรีบเดินเข้าไปรับถังน้ำมา “ขาเจ้ายังบาดเจ็บอยู่เลย ทำไมถือของหนักอย่างนี้? ให้ข้าเถอะ!”

ต่างพูดกันว่าบาดเจ็บถึงกระดูกต้องพักฟื้นเป็นร้อยวัน เสิ่นจวิ้นอี้เล่นขาหักก็ต้องพักเป็นครึ่งปี แต่กลับไม่หายเสียที สรุปคือไม่พักผ่อนให้ดี

เสิ่นจวิ้นอี้เม้มปากค้าน “ข้าทำเองได้....”

ลูกชายบ้านชาวสวนคนอื่นทำเพียงแค่ร่ำเรียนหนังสือ แต่เสิ่นจวิ้นอี้มีแม่ที่ป่วยหนัก จำต้องแบกรับภาระของบ้าน

เขาเองก็ชินแล้ว

“เจ้าทำได้ไงน่ะ? ยังจะเอาขาอยู่ไหมเนี่ย?”

เจียงยิ่งหลีเอาน้ำครึ่งถังไปเทใส่ในโอ่งน้ำ โอ่งน้ำโดนเทลงไปกว่าครึ่งแล้ว แสดงว่าเขาน่าจะยกน้ำมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว ลำบากเขาแล้วที่ลุกขึ้นมาเติมน้ำหลายครั้งแบบนี้แต่เช้า

“น้ำนี่พอใช้ทั้งวันแล้ว อีกเดี๋ยวข้ากลับมาค่อยเติม เจ้าอย่าขยับอีกเลย”

ในเมื่อนางคิดจะอยู่ต่อ งั้นก็ต้องแบ่งเบาภาระในบ้าน ซ้ำนางทำใจให้คนเจ็บไปตักน้ำมาไม่ได้หรอก

ถึงนางจะไม่เคยทำเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม คิดซะว่าลดความอ้วนละกัน!

นางหันมองเสิ่นจวิ้นอี้ “เจ้ากินข้าวเช้าแล้วใช่ไหม?”

“กินแล้ว” เสิ่นจวิ้นอี้พึ่งพูดจบ แต่ท้องกลับร้องโครกครากอย่างไม่ไว้หน้าขึ้นมาซะอย่างนั้น หูเขาเริ่มแดงขึ้นมา

ของกินในบ้านมีไม่มาก เขากินน้ำไปได้สองคำก็ไปตักน้ำแล้ว เสบียงของกินเลยเก็บไว้ให้ผู้หญิงสองคนในบ้าน

เจียงยิ่งหลียิ้มๆ พลางฉีกพายออกเป็นสองท่อน “อ้ะ คนละครึ่ง ข้ากินไม่หมดมากขนาดนี้หรอก!”

ชะงักไปครู่หนึ่ง นางพูดต่อว่า “เจ้าก็อย่าเป็นห่วงมากไปนักเลย ข้าจะหาเงินเข้าบ้านแน่นอน”

รออีกเดี๋ยวขายงูสามเหลี่ยมได้แล้ว น่าจะซื้อเสบียงเข้าบ้านได้หน่อย

เสิ่นจวิ้นอี้หลุบตาลงบอกเสียงเรียบว่า “ไม่ต้อง รออาการท่านแม่ข้าดีขึ้นหน่อย ข้าจะไปคัดลอกหนังสือที่ร้านหนังสือในตำบล ถึงตอนนั้นภาระในบ้านก็จะผ่อนคลายหน่อย”

ถึงจะบอกว่าร่ำเรียนหนังสือต้องลำบากตรากตรำร่ำเรียน แต่เสิ่นจวิ้นอี้ไม่มีเงื่อนไขให้ก้มหน้าร่ำเรียนหนังสืออย่างเดียว หลายปีมานี้ที่เขาร่ำเรียนหนังสือล้วนอาศัยเงินเก็บของท่านแม่ จากนั้นก็เป็นเงินที่เขาได้มาจากการคัดลอกหนังสือ ไม่เช่นนั้นด้วยความงกตระหนี่ของตระกูลเสิ่น เขาคงโดนบีบให้เลิกเรียนแล้วกลับบ้านมาทำไร่ทำสวนนานแล้ว

เจียงยิ่งหลีมิได้โต้แย้ง เสิ่นจวิ้นอี้มีความคิดแบบนี้ก็ดีอยู่ นางเองก็ไม่ได้คิดจะเป็นวัวเป็นควายให้ตระกูลเสิ่นไปทั้งชาติ อีกอย่างถึงการร่ำเรียนจะลำบาก แต่ไม่มีเหตุผลอะไรไม่ให้เขาทำงานทำการอะไรเลย ไม่งั้นจะเกิดไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง

เจียงยิ่งหลีรู้เรื่องชื่อเสียงตนเองดี เสิ่นจวิ้นอี้เองก็ไม่อยากแต่งงานกับจุดด่างพร้อยเช่นนาง

นางเองก็ไม่คิดจะอยู่กับเขาไปตลอดชาติจริงๆ นี่เป็นแค่ที่พักแรมซึ่งรับนางไว้ชั่วคราว ไว้ต่อไปตั้งหลักปักฐานมั่นคงแล้ว นางจะจากไป และคืนอิสระกับความบริสุทธิ์ให้เสิ่นจวิ้นอี้ และจะตอบแทนเขาด้วย!

พอกินข้าวเช้าเสร็จ เจียงยิ่งหลีก็ยกตะกร้าขาดผุไปตำบลทันที

ระยะทางจากหมู่บ้านเทียนส่วยไปตำบลประมาณสี่ถึงห้ากิโลเมตร ในหมู่บ้านมีบริการรถลาลากรับส่งลูกค้าที่คิดราคาเล็กน้อยเหมือนกัน แต่เจียงยิ่งหลีไม่มีเงิน เลยได้แต่เดินทางด้วยเท้า

รอจนถึงตำบล ก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว

เจียงยิ่งหลีเนื้อรวมไขมันทั้งตัว ตอนนี้ราวกับโดนดึงออกมาจากในน้ำ เสื้อผ้าเปียกชื้นไปหมด

นางถอนหายใจยาว และสะท้านใจอีกครั้ง เป็นคนอ้วนนี่มันยากจริงๆ!

รอจนพักผ่อนใต้เงาของต้นไม้ประมาณเจ็ดแปดนาที เช็ดเหงื่อบนใบหน้าจนสะอาด เจียงยิ่งหลีถามทางต่อ จนมาถึงร้านขายยาในตำบล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel