บทที่ 4 ช่วยคน
เจียงยิ่งหลีได้ยินเหมือนกัน แต่นางขี้เกียจสาวความยาวต่อความยืดกับพวกนาง ได้แต่แอบจดตระกูลเจียงขึ้นบัญชีดำเอาไว้ และหันเดินไปทางเล็กอีกทางขึ้นเขาไปเลย
ทางนั้นมีคนมากขนาดนั้น ต่อให้มีผักป่าก็คงโดนขุดไปเกือบหมดแล้ว
นางปีนขึ้นเขาไปได้ราวครึ่งชั่วยาม ก็ถึงกลางเขา ทางนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เคยมีใครขึ้นมาถึงมาก่อน ต้นไม้สูงใหญ่นัก ปิดฟ้ากันแดดไปหมด อากาศสดชื่นยิ่งนัก
นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แอบรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ
จะว่าไป ชีวิตนางกับเจ้าของร่างเดิมก็คล้ายคลึงกันอยู่
นางเกิดมาในตระกูลหมอหลายชั่วอายุคน แสดงพรสวรรค์ออกมาตั้งแต่เล็กๆ
อายุสิบแปดปีก็จบปริญญาเอกด้านการแพทย์แล้ว พออายุยี่สิบปีก็ได้รับเงินทุนจนสร้างห้องวิจัยการรักษาของตนเองขึ้นมาได้ ถูกขนานนามว่าเป็นดาวความหวังดวงใหม่ที่ส่องแสงระยิบระยับในโลกการแพทย์....ไหนเลยจะคิดว่าต้องมาตายเพราะการผ่าตัดอันซับซ้อนเสียนี่!
ถ้ารู้แต่แรก...เฮ้อ แต่ในโลกนี้ไหนเลยจะรู้แต่แรกได้!
อันที่จริงการหย่าร้างแยกทางกันของพ่อแม่เจ้าของร่างเดิมนั้น พ่อและแม่ต่างก็ไปแต่งงานใหม่ ทำให้นางกลายเป็นส่วนเกิน!
แล้วนางไม่ใช่หรือไง?
พ่อแม่ของนางก็ไปมีครอบครัวของตัวเอง ดังนั้นต่อให้นางเยี่ยมยอดแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจนาง คุณปู่คุณย่าที่เป็นคนที่สนใจนางจริงๆก็จากไปเมื่อสองปีก่อนแล้ว!
ก็เหมือนที่ร่างเดิมตายไปก็ไม่มีใครสนใจ นางเองก็เหมือนกัน
อาจเพราะคล้ายคลึงกัน ทำให้นางมีโอกาสมาเกิดใหม่ในร่างนี้ ได้ใช้ชีวิตแทน “เจียงยิ่งหลี”ล่ะนะ!
แต่นางก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก นางเคยได้รับความรักความอบอุ่นของคุณปู่คุณย่ามอบให้อย่างสุดใจมาแล้ว!
เจียงยิ่งหลีไม่ได้ขึ้นเขาแค่มาขุดผักป่าหาของกินเท่านั้นอยู่แล้ว หนึ่งเพื่อออกกำลังกายลดความอ้วน สองก็แค่อยากจะดูว่าจะหายาอะไรจากในหุบเขาลึกเอาไปขายแลกเงินได้บ้าง
ไม่มีเงินในมือนี่แย่จริง นางไม่อยากมีชีวิตลำบากหรอกนะ!
เจียงยิ่งหลีวนหาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบหมาซือเสียนกับจี้ไฉ่ป่าดงหนึ่ง ยังมีปั้นเซี่ยหลายต้นใต้ต้นไม้ด้วย
นางยินดีนัก นี่เป็นของดีนะ
จี้ไฉ่และหมาซือเสียนสามารถเอามากินได้ เป็นผักป่าที่พบเห็นได้บ่อย
ส่วนปั้นเซี่ยเอาใช้รักษาอาการบวดแดงอักเสสบและไอ พอแปลงรูปเป็นยาแล้วจะมีประโยชน์มากมายนัก ตอนนี้เป็นฤดูที่ผลสุกพอดี
หลังจากเจียงยิ่งหลีเก็บผักป่าเสร็จ ก็ค่อยๆเด็ดตัวรากโคนของปั้นเซี่ยออกมาอย่างระมัดระวัง และใช้ใบไม้ใหญ่ใบหนึ่งห่อเอาไว้วางลงในตะกร้า
ไม่นานตะกร้าก็เต็ม เจียงยิ่งหลีลุกขึ้นยืนอย่างพอใจ เตรียมจะเดินต่อ หูพลันได้ยินเสียงซือซือเล็กมาก
นางตกใจ เงยหน้ามองดูพลูแกอยู่ห่างไปไม่ไกล พลางเขม็งตามอง
ไม่มีอะไร แต่ว่ากันว่าพลูแกมักเป็นบ้านงูด่างขาว ตอนนี้บนพลูแกมีงูด่างขาวที่ลวดลายสลับกันไปมาสามตัวกอดรัดอยู่!
งูน้อยเหล่านี้แต่ละตัวหัวแหลมเกลี้ยงเกลา ตอนนี้พวกมันก็สังเกตเห็นคนที่มารบกวนพวกมันแล้ว พวกมันแลบลิ้นสองแฉกขู่ขวัญ เลื้อยลงมาจากบนเถาวัลย์อย่างรวดเร็ว คิดจะจู่โจมผู้รุกรานอย่างนาง
เจียงยิ่งหลีสายตาเปล่งประกาย ไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
นางกำลังปวดหัวว่าปั้นเซี่ยแค่นี้คงขายไม่ได้ราคาอะไร ก็มีของดีมาหาถึงที่เลย!
งูด่างขาว มีอีกชื่อว่างูสามเหลี่ยม มีพิษร้ายนัก แต่ทั้งตัวมันน่ะล้ำค่าทั้งนั้นเลยนะ สามารถใช้เป็นยาได้!
“คิดอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆแฮะ!”
เจียงยิ่งหลียิ้มมุมปาก ควักเอาปั้นเซี่ยออกมากระจุกหนึ่ง ใช้นิ้วมือคั้นน้ำออกมา และดีดใส่งูพวกนั้น อาศัยตอนพวกมันหลบหลีกกลิ่นที่รังเกียจ รีบคว้ามีดปังตอเข้าไปหาทันที
นางตวัดมีดหนึ่งทีด้วยความเร็วประหนึ่งสายฟ้าแลบก็ได้งูมาหนึ่งตัว
พอจัดการงูเรียบร้อย นางจะให้พวกมันได้อยู่ด้วยกัน ใช้ใบไม้ใบใหญ่ห่อพวกมันเอาไว้ วางอยู่ด้านล่างสุดของตะกร้า
นางคิดจะหาอีกสักหลายตัว งูสามเหลี่ยมน่ะไม่ได้หาเจอได้ง่ายๆ เพียงแต่ไม่ได้หางูเจอ กลับเจอชายวัยกลางคนนอนสลบไสลสีหน้าซีดเผือดอยู่ไม่ไกล
เขาดูแล้วน่าจะอายุสี่สิบต้นๆ ใส่มงกุฎไว้ที่หัว เสื้อผ้าบนตัวล้วนเป็นผ้าไหมเรียบรื่น หว่างคิ้วตาก็มีแววสูงส่งอยู่ในที
เจียงยิ่งหลีสังเกตเห็นงูสามเหลี่ยมตัวหนึ่งที่โดนก้อนหินฟาดใส่จนหัวแบนอยู่ข้างเท้าเขา นางเลิกขากางเกงเขาขึ้น และเห็นรอยแผลเล็กที่มีเลือดดำม่วงไหลออกมา
พอตรวจสอบดู พบว่ายังพอช่วยเขาได้ นางเลิกคิ้วบ่น “ถือว่าเจ้าโชคดีได้มาเจอข้านะ!”
ว่ากันว่าช่วยชีวิตคนดีกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น (หมายถึง การช่วยเหลือชีวิตคนเป็นบุญกุศลยิ่ง) ถึงนางไม่ได้เป็นคนดีอะไรนัก แต่ก็ไม่ปล่อยให้คนตายโดยที่นางสามารถช่วยได้เด็ดขาด!
นางรีบใช้สายรัดห้ามเลือดมาห้ามเลือดตรงบนบริเวณใกล้หัวใจทันที จากนั้นหยิบมีดผ่าตัดออกมาจากในพื้นที่มิติและกรีดเป็นเครื่องหมายบวกที่บาดแผล เค้นเอาเขี้ยวพิษและเลือดพิษออกจากบาดแผล จากนั้นใช้โปรตีเอสผสมกับโปรเคนฉีดเข้าบาดแผลเพื่อให้ชุ่มชื้น และค่อยฉีดเซรุ่มต้านพิษงู
หลังจากนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะหายดีเร็วขึ้น เจียงยิ่งหลียังฉีดยาปฏิชีวนะให้เขาอีกเข็มหนึ่งด้วย
พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เจียงยิ่งหลีก็เหนื่อยหายใจหอบ นางปาดเหงื่อที่หน้าออกพลางถอนหายใจ
ร่างนี้ไม่ค่อยไหวแฮะ ต้องออกกำลังกายเพิ่มอีก
นางเก็บงูสามเหลี่ยมที่โดนฟาดจนแบนที่พื้นขึ้นมา พลางพึมพำว่า “ที่ข้าให้เจ้าใช้น่ะยาดีทั้งนั้นนะ นี่ถือเสียว่าเป็นค่ารักษาแล้วกัน!”
แต่นางก็ไม่อาจพาเขากลับไปด้วยได้ แต่ถ้าทิ้งไว้ในหุบเขากลางค่ำกลางคืนนั้นมันอันตรายมาก
นางได้แต่กลั้นใจบดขยี้ปั้นเซี่ยและสาดไว้รอบๆผู้ชายคนนั้น ปั้นเซี่ยมีฤทธิ์ช่วยขับไล่แมลงและงูได้ ผลลัพธ์เปรียบได้กับกำมะถันนัก เมื่อกี้นางก็จัดการฝูงงูแบบนี้เหมือนกัน
นางหันไปมองเขาอีกแวบหนึ่ง “หวังว่าเจ้าจะโชคดีหน่อยนะ ข้าน่ะ จะทำดีจนถึงที่สุด เดี๋ยวจะลงเขาไปเรียกคนมาช่วยเจ้านะ!”
พูดจบ นางแบกตะกร้าเดินลงเขาไปอย่างไม่เหลียวหลังกลับมาเลย
พอถึงตีนเขา ท้องฟ้าก็เริ่มมีเมฆหนาครึ้ม ดูท่าฝนใกล้จะตกแล้ว
เจียงยิ่งหลีรีบวิ่งกลับบ้าน และได้เห็นเสิ่นจวิ้นอี้ที่ยืนถือร่มมองฟ้าอยู่ใต้หลังคาบ้าน
นางถามอย่างสงสัยว่า “ฝนใกล้ตกแล้ว เจ้าจะไปที่ไหนน่ะ?”
เสิ่นจวิ้นอี้เห็นนางกลับมา ก็แอบถอนหายใจโล่งอก แต่ตอบเสียงเรียบว่า “เปล่า”
เจียงยิ่งหลีกลอกตาไปมา พลางยิ้มละไมถาม “หรือว่าเจ้ากลัวข้าเปียกฝน เลยคิดจะเอาร่มไปให้ข้าน่ะ?”
เสิ่นจวิ้นอี้ตีหน้าขรึมตอบพลางวางร่มลง “เปล่า”
“ได้ได้ได้ เจ้าเปล่า....” เจียงยิ่งหลีไม่โกรธ และยังคงยิ้มละไมอยู่
เสิ่นจวิ้นอี้เหล่นางด้วยหางตา เห็นว่ามีของในตะกร้านางเต็มมาเลย ก็ถามด้วยสีหน้าแปลกใจว่า “เหตุใดเจ้าถึงขุดผักป่ามาได้เยอะขนาดนี้?”
เจียงยิ่งหลี “อ๋อ ข้าไปที่กลางเขาน่ะ ด้านนั้นคนน้อย ข้าหาของดีได้ไม่น้อยเลยนะ!”
“เจ้าไปในหุบเขาลึกรึ? เจ้าไม่รู้ว่าที่นั่นอันตรายรึ?” เสิ่นจวิ้นอี้สีหน้าเปลี่ยนทันที
เจียงยิ่งหลีบอกอย่างไม่พอใจว่า “ด้านนอกโดนขุดไปเกือบหมดแล้ว ข้าไม่เข้าไปด้านในแล้วจะไปเอาของป่ามาจากไหนกันล่ะ...”
นางเห็นเสิ่นจวิ้นอี้สีหน้าบูดบึ้ง พลันหรี่ตายิ้มมุมปากถามว่า “ข้าว่า เจ้าคงไม่ได้กำลังงเป็นห่วงข้าหรอกนะ?”
“เจ้า----“ เสิ่นจวิ้นอี้ไม่รู้ว่าทำไมนางมาเกี่ยวโยงถึงเรื่องนี้ได้ สายตาเขาหยุดลงที่ใบหน้าทั้งอ้วนทั้งอัปลักษณ์ของเจียงยิ่งหลี ก่อนจะเบือนหน้าหนี พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า “ในหุบเขาน่ะมีสัตว์ป่าร้าย งูเลื่อยเขี้ยวและแมลงต่างๆ มากมายนัก ข้ากลัวว่าเจ้าจะตายอยู่ด้านใน! ถึงตอนนั้นตระกูลเจียงของเจ้าก็จะมาโทษว่าดวงข้ากินเจ้า และมาหาเรื่องบ้านข้าอีก...”
“ไม่มีทางหรอก!” เจียงยิ่งหลีเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ตบหน้าผากผ่างพลางอุทานว่า “ไอ้หยา จบกัน! เสิ่นจวิ้นอี้ เมื่อครู่ข้าเห็นคนสลบในป่าน่ะ พวกเราต้องไปหามเขาลงมานะ เจ้าหาคนไปช่วยหน่อย ถ้าไปช้า อาจจะโดนสัตว์ร้ายคาบไปกินก็ได้!”