บทที่ 11 นางเป็นคนทำเขาขาหักรึ?
“เพราะอะไรล่ะ? ในสำนักศึกษาเรา การเรียนของเจ้าโดดเด่นที่สุด อาจารย์ต่างพูดกันว่า หากเจ้าได้เข้าไปศึกษาในสำนักศึกษาหยุนลู่ ต้องเจริญก้าวหน้าแน่” ยู่ฉีกวางเข้าใจ พลางถลึงตาใส่เจียงยิ่งหลี “คงมิใช่สตรีผู้นี้ขัดขวางกระมัง?”
เสิ่นจวิ้นอี้ขวางหน้าเจียงยิ่งหลีไว้ พลางส่ายหน้าบอก “ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง เป็นปัญหาของข้าเอง!”
แม่เขาป่วยหนักติดเตียงอยู่ หากเขาไม่สามารถอยู่รับใช้ข้างเตียง เขามิกลายเป็นคนอกตัญญูรึ?
“งั้นเพราะอะไรล่ะ? เพราะเรื่องเงินรึ? ข้าให้เจ้ายืมได้นะ!” ยู่ฉีกวางรีบบอก
“ไม่ต้องหรอก”
เสิ่นจวิ้นอี้เองก็รู้ดีว่ายู่ฉีกวางมิได้ร่ำรวยอะไรมาก และยิ่งไม่อยากติดค้างน้ำใจเขาด้วย
“เจ้ามีวิชาความรู้ดีขนาดนี้ ซ้ำยังลำบากร่ำเรียนหลายปี จะล้มเลิกง่ายๆเยี่ยงนี้รึ? เจ้าตัดใจได้รึ?” ยู่ฉีกวางรู้สึกเสียดายแทนเขา
เสิ่นจวิ้นอี้ตัดสินใจจะไม่ไปแล้ว กำลังจะพูดต่อ เจียงยิ่งหลีเอื้อมมือรั้งเขาไว้
เจียงยิ่งหลีพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจ้าตามข้ามานี่”
เสิ่นจวิ้นอี้อึ้งเล็กน้อย แต่ยังคงเดินตามนางเข้าห้องอย่างว่าง่าย
ยู่ฉีกวางรีบไล่ตามมาทันที “เจ้าอ้วนอัปลักษณ์นี่ เจ้าจะทำอะไรอาจวิ้น? ข้า....ไอ้โหย๋!”
เขาพุ่งเข้าไปจะห้ามปราม สุดท้ายกลับโดนเจียงยิ่งหลีปิดประตู เขาโดนปิดประตูใส่ หากมิใช่หลบได้ทัน จมูกเขาต้องโดนหนีบเอาแน่ๆ
ด้านในมีเสียงเจียงยิ่งหลีลอยมาเนิบช้า “พวกเราสองผัวเมียจะคุยกัน คนนอกหลบไปเลย!”
ยู่ฉีกวาง “.....”
ผัวเมียบ้าอะไรกัน!
อีกอย่าง เขาเป็นคนนอกที่ไหนกัน เขาเป็นสหายสนิทเพียงคนเดียวของเสิ่นจวิ้นอี้นะ!
พอคิดถึงท่าทางปากตลาดอาละวาดเมื่อครู่ของเจียงยิ่งหลี เขากลัวว่านางจะตบตีเสิ่นจวิ้นอี้อยู่ด้านใน
เสิ่นจวิ้นอี้ยังบาดเจ็บที่ขาอยู่ นิสัยก็ดีขนาดนั้น ต้องสู้นางไม่ได้แน่!
ยู่ฉีกวางตกใจกับท่าทีน่าสงสารที่เขาคิดไปเองจนสะท้าน ยิ่งตบประตูต่ออย่างร้อนใจมากขึ้น “เปิดประตูนะ! นังอ้วน ห้ามเจ้าตีอาจวิ้นนะ ไม่อย่างนั้นข้าจะแลกชีวิตกับเจ้าแน่นอน!”
เจียงยิ่งหลี “....” คนผู้นี้เกรงว่าจะสมองมีปัญหากระมัง!
เจียงยิ่งหลีขี้เกียจสนใจเขา หันมองเสิ่นจวิ้นอี้ที่กำลังคิ้วขมวดมุ่นว่า “เสิ่นจวิ้นอี้ เพราะอาการป่วยของแม่เจ้า เจ้าถึงไม่ยอมไปสอบที่สำนักศึกษาอะไรนั่นใช่ไหม...”
“สำนักศึกษาหยุนลู่” เสิ่นจวิ้นอี้แก้คำให้นาง
“ใช่ สำนักศึกษาหยุนลู่” เจียงยิ่งหลีบอก “แม่เจ้าสนใจการเรียนของเจ้าที่สุด เจ้าเองก็ลำบากร่ำเรียนมาหลายปี ตอนนี้กำลังเป็นช่วงสำคัญที่จะได้ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นและ ได้เห็นผลลัพธ์จริงๆ เจ้าจะมายอมแพ้ง่ายๆเยี่ยงนี้รึ? เจ้ายอมรับได้รึ?”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เจียงยิ่งหลีอาจจะไม่สนใจเท่าไหร่ แต่หลังจากรู้ว่า ขาของเสิ่นจวิ้นอี้ได้รับบาดเจ็บเพราะนาง นางเลยรู้สึกผิดแทนเจ้าของร่างเดิม
ดังนั้นถ้าเสิ่นจวิ้นอี้ได้ดีเพราะได้เรียนหนังสือ เช่นนั้นต่อไปทั้งสองก็หย่าร้างกันด้วยดีได้ และไม่ติดค้างซึ่งกันและกันด้วย
เสิ่นจวิ้นอี้หลบสายตา เม้มปากแน่นไม่ตอบ
เขาจะยอมรับได้อย่างไร? แต่ตอนนี้มันจนปัญญานี่นา
แม่เขาป่วยหนักติดเตียงต้องการคนดูแล ซ้ำยังต้องการเงินค่ารักษาเป็นจำนวนมาก
หากเขาเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหยุนลู่ ยังต้องมอบสินน้ำใจ ไม่เพียงต้องจ่ายเงิน และยังต้องอยู่ในสำนักศึกษา คงจนปัญญาจะดูแลแม่เขาแน่
เขาจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่ได้ และไม่อาจอกตัญญูเช่นนี้ได้!
“โรคของแม่เจ้า...” เจียงยิ่งหลีลังเลครู่หนึ่ง ก่อนกัดฟันบอก “อันที่จริงข้ารู้จักท่านหมอคนหนึ่ง ฝีมือการรักษาของนางสูงส่งนัก มักรักษาโรคที่รักษาได้ยากเป็นที่สุด”
พอได้ยินดังนั้น เสิ่นจวิ้นอี้หันขวับกลับมามองทันทีด้วยสายตาเป็นประกาย เขาคว้าจับมือของเจียงยิ่งหลีไว้แน่นว่า “จริงรึ? งั้นท่านหมอคนนี้ชื่ออะไรล่ะ บ้านอยู่ที่ไหน? ข้ากับเจ้าจะได้ไปพบเขาเลย!”
ไม่ว่าจะจะใช้วิธีอะไร เขาจะต้องเชิญอีกฝ่ายมารักษาให้ได้!
เจียงยิ่งหลีตกใจสะดุ้ง “เอิ่ม... เสิ่นจวิ้นอี้ เจ้าปล่อยมือก่อน เจ้า เจ้าทำข้าเจ็บแล้วนะ!”
นางไม่คิดเลยว่าเสิ่นจวิ้นอี้จะตื่นเต้นขนาดนี้
เสิ่นจวิ้นอี้ได้สติ ดึงมือกลับ และหลุบตาลงพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “เจียงยิ่งหลี ถ้าช่วยท่านแม่ข้าได้ ให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น ขอร้องเจ้า ขอร้องเจ้าช่วยข้าด้วยได้หรือไม่?”
ผู้ชายรูปหล่อมาอ้อนวอนขอร้องขนาดนี้ ทำเอาเจียงยิ่งหลีแทบรับไม่ไหว นางลูบปลายจมูกแก้เก้อ และหลบสายตาไป “พรุ่งนี้ข้าจะไปถามร่องรอยกับคนกลางนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่นานต้องรู้เรื่องแน่”
“เจ้าจะไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาหยุนลู่ไม่ใช่รึ? ไม่ต้องไปกับข้าหรอก พรุ่งนี้พวกเราต่างทำงานของตนก็พอ! เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะทำให้เต็มที่แน่นอน!”
“อีกอย่างเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินค่ารักษาและค่าเรียนหรอกนะ เจ้าดูนี่สิ” นางแหวกเห็ดหูหนูเห็ดที่อยู่ด้านบนของตะกร้าออก เผยให้เห็นโสมป่ารูปร่างครบถ้วนด้านล่าง และพูดอย่างดีใจว่า “ข้าเก็บโสมป่ามาได้ต้นหนึ่ง!”
เสิ่นจวิ้นอี้แอบตกใจว่า “เจ้า เ จ้าเก็บมาจากหลังเขางั้นรึ?”
ตั้งแต่เล็ก คนข้างกายเขาล้วนโชคไม่ดี มักจะเจอเรื่องโชคร้ายต่างๆนานาเสมอ ดังนั้นพอเนิ่นนานไป ก็ไม่มีใครยอมเข้าใกล้เขาอีกเลย
เขาเองก็เว้นระยะห่างกับผู้อื่นด้วย
เจียงยิ่งหลีอยู่ใต้ชายคาบ้านเดียวกับเขา ทำไม...ทำไมถึงไม่เหมือนกันล่ะ?
“ใช่ไง ในจุดเลี้ยวนั่นตรงตีนเขา ที่มีคนผ่านไปมาน่ะ แต่กลับไม่โดนผู้อื่นเก็บไป ข้านี่ช่างโชคดีเสียจริง!” เจียงยิ่งหลีหยิบโสมออกมาอย่างหน้าตาชื่นบาน “ถ้าเอาเจ้านี่ไปขายที่ร้านยาต้องขายได้ราคาดีแน่”
“ดังนั้นเจ้าไปร่ำเรียนหนังสือเถอะ!”
เสิ่นจวิ้นอี้รู้สึกลังเลใจ “เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก...”
เจียงยิ่งหลีรู้ว่าเขาจะพูดเรื่องเก่าขึ้นมาอีก รีบทำสัญญาณมือให้หยุดชั่วคราว ครุ่นคิดก่อนพูดต่อช้าๆว่า “ข่าวลือด้านนอกนั่นเจ้าคงได้ยินมาเหมือนกันกระมัง? ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าสงสัยว่าทำไมถึงเป็นข้าที่แต่งมา”
“พูดออกมาก็ไม่กลัวเจ้าหัวเราะเยาะหรอก” นางยิ้มมุมปากเยาะหยันตัวเอง “เจียงชิงโย่วซึ่งเป็นพี่สาวของข้าน่ะรักใคร่กับโม่เหลี่ยนโจวแล้ว ข้าบังเอิญไปรู้เรื่องนี้เข้า ระหว่างถกเถียงกันข้าโดนผลักชนจนหัวแตก เลยโดนให้มาแต่งงานแทน เรื่องนี้พูดออกไปคนในหมู่บ้านอาจจะไม่เชื่อกันหมด แต่มันเป็นเรื่องจริง!”
นางเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นจวิ้นอี้ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากจะแต่งงานกับข้า แต่ตอนนี้ข้าเองก็ไม่มีที่ไป ดังนั้นได้แต่หน้าด้านอยู่กับเจ้าที่นี่ ต่อให้เจ้าไล่ข้า ข้าก็ไม่ไปหรอก....”
นี่เท่ากับแหวกบาดแผลที่มีเลือดไหลรินออกมาให้อีกฝ่ายดูเลย!
เสิ่นจวิ้นอี้เม้มปากแน่น ตัดบทคำพูดนางอย่างไว “ข้าไม่ได้อยากไล่เจ้าไป ข้า... ถ้าเจ้าอยากอยู่ จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้!”
พูดจบ เขาก็รู้สึกว่าคำพูดดูแปร่งๆชอบกล รีบปิดปากเงียบทันที พลางเบนสายตาหนี พูดเสียงแปร่งๆว่า “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”
เจียงยิ่งหลีแอบเบิกบานลิงโลดในใจ แต่สีหน้าเรียบเฉย นางกระแอมไอหนึ่งที จากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ได้ ดังนั้น เสิ่นจวิ้นอี้ ถ้าเจ้าอยากตอบแทนข้าจริงๆ เจ้าก็พยายามร่ำเรียนสอบให้ได้ตำแหน่งกลับมา ทางที่ดีที่สุดเอาให้เก่งเสียยิ่งกว่าโม่เหลี่ยนโจวด้วย! เอาคืนให้ข้า!”
พอคิดถึงดวงโชคร้ายของเสิ่นจวิ้นอี้ นางก็รีบเสริมทันทีว่า “อันที่จริงไม่ต้องเปรียบเทียบกับโม่เหลี่ยนโจวก็ได้...”
“ได้”
ที่ไหนได้ เสิ่นจวิ้นอี้กลับรับคำทันที
“เอ๋?” เจียงยิ่งหลีอึ้งไป
เสิ่นจวิ้นอี้มองมายังนาง ในดวงตาดำขลับที่มีประกายดาวสุกสกาวรวมกันทอประกายจริงจัง คำพูดเขาหนักแน่นราวกับคำสัญญาว่า “ข้าทำแน่ เจียงยิ่งหลี ต้องมีสักวันที่ข้าจะให้เจ้าได้ยืดอกอย่างภาคภูมิ และไม่มีใครกล้าดูแคลนเจ้าอีก!”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวเปิดประตูออกไปปลอบยู่ฉีกวางที่กำลังอาละวาด
ครั้งนี้ทั้งสองนัดแนะกันถึงเวลาที่พรุ่งนี้จะออกไปพร้อมกัน
ส่วนเจียงยิ่งหลี นางยืนอยู่ที่เดิม นางตกตะลึงกับท่าทีสว่างไสวเจิดจ้าของเสิ่นจวิ้นอี้เข้าแล้ว
นางลูบหัวใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆเบาๆ แก้มแดงเรื่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าหมอนี่ เขาเป็นคนจีบสาวตรงๆโดยธรรมชาตินี่นา!”