บท
ตั้งค่า

ออกจากเทวราช

บทที่ 5 ออกจากเทวราช

หลังจากงานศพของทักษ์ผ่านพ้นไป ในคืนเดียวกันสมาชิกของตระกูลเทวราชได้กลับมาหารือเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขมจิราที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งวศินและรานีถูกตำหนิอย่างหนักเนื่องจากควบคุมพฤติกรรมของลูกสะใภ้ไว้ไม่ได้

“คุณแม่คะ วันนี้เขมจิราทำพวกเราเสื่อมเสียชื่อเสียงกันหมด ทั้งที่ข่าวลือกำลังจะเงียบแล้วแท้ๆ” กระรัตเอ่ยกับช่อม่วงด้วยความอัดอั้น ก่อนจะหันไปกล่าวโทษน้องชาย “อีกอย่างวศินกับรานีก็ไม่ตักเตือนลูกสะใภ้ให้ดี”

“เรื่องนี้พวกผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขมจิราจะทำแบบนั้น จู่ๆ ก็เอาเด็กที่ไหนไม่รู้เข้ามา ถ้าพี่ไม่ให้ความสนใจตั้งแต่แรกก็คงไม่มีใครสนหรอก” วศินโต้กลับ

“นี่นายกำลังจะโทษว่าฉันเป็นคนก่อเรื่องงั้นเหรอ!”

“ก็มันเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่!” รานีเห็นด้วยกับสามี หากกระรัตไม่ให้ค่ากับพฤติกรรมของเขมจิรา แล้วแขกในงานจะสนใจได้อย่างไร

“ที่ฉันทำไปก็เพราะต้องการปกป้องชื่อเสียงของตระกูลพวกเรานะ” กระรัตโต้กลับ แล้วหันไปขอความช่วยเหลือกับสามี “วิษณุคะ ดูน้องคุณสิว่าพูดแบบนี้กับฉันได้อย่างไร”

วิษณุ ลูกชายคนโตของตระกูลเทวราช แม้จะมีศักดิ์เป็นถึงลูกชายคนโต ทว่าสถานะภายในบ้านกลับต่ำกว่าคนอื่นๆ เนื่องจากเป็นคนไม่ได้เรื่องมากนักและชอบดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ ตัวเขานั้นไม่ได้ถือหุ้นใดๆ ทำเพียงแค่อาศัยเงินกงสีของตระกูลไปวันๆ อีกทั้งหลายต่อหลายครั้งต้องทำให้พ่อแม่ผิดหวัง โดยเฉพาะเรื่องหลานชายอย่าง ‘ธัช’ ที่กลายเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน หากไม่ได้ภรรยาที่มาจากตระกูลผู้ดีเก่าอย่างกระรัต ไม่แน่ว่าชีวิตในปัจจุบันของเขาคงอาจจะต้องไปนอนข้างถนน

“นี่พวกเธอพูดเรื่องอะไรกัน” เขาที่พึ่งจะสร่างเมาจึงยังไม่เข้าใจเรื่องราวมากนัก

“นี่คุณ!” กระรัตนึกโมโหสามี จึงฟาดเขาไปหนึ่งทีเพื่อระบายความโกรธ

“โอ๊ย! หยุด โอ๊ย! คุณตีผมทำไมเนี่ย”

“ไม่ได้เรื่อง ทำไมคุณมันไม่ได้เรื่องแบบนี้!”

“พอได้แล้ว!” ช่อม่วงตวาดเสียงดังลั่นห้อง ทนไม่ไหวอีกแล้วที่ต้องเห็นลูกชายและลูกสะใภ้ทำตัวราวกับเป็นเด็กเช่นนี้

“คะ คุณแม่ ฉันขอโทษค่ะ” กระรัตรับเอ่ย

“คุณย่าใจเย็นก่อนนะคะ ช่อฟ้าเป็นห่วง”

“อืม ย่ารู้แล้ว”

ช่อม่วงยกมือขึ้นมาลูบหัวหลานสาวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู จนลูกสะใภ้ทั้งสองคนต้องเบ้ปากมองบนด้วยความอิจฉา สาเหตุนั่นเป็นเพราะ ‘ช่อฟ้า’ หลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลและเป็นคนที่ช่อม่วงรักใคร่มากที่สุด

ในอดีตรานีไม่เคยคิดว่าการมีอยู่ของช่อฟ้าจะเป็นภัยสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากมีลูกชายที่มีความเป็นผู้นำคอยควบคุมบริษัทอยู่ ทว่าในวันที่เขาจากไป ตอนนี้เธอรู้ซึ้งแล้วว่าขาเก้าอี้ประธานบริษัทกำลังสั่นคลอนอย่างหนัก

ส่วนทางกระรัตแม้จะไม่ชอบใจ ทว่ากลับไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากแม้เธอจะคลอดหลานชายคนโตของตลอดมาได้ แต่เจ้าลูกชายกลับไม่รักดี จึงถูกตัดออกจากกองมรดกไปในที่สุด

ในอดีตเธอคิดว่าควรจะเข้าข้างน้องสะใภ้คนที่สองให้มากสักหน่อย แต่สถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว

“แล้วตอนนี้เขมจิราไปไหน ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีก” ช่อม่วงหันไปถามรานี “ฉันไม่เห็นแม้กระทั่งบัลลังก์”

“เอ่อ...คือว่า” ทั้งวศินและรานีต่างอึกอัก ไม่กล้าตอบ

“ก็บอกไปสิว่าตอนนี้เขมจิรากับลูกชายแอบย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว!” วิษณุตอบ

“อะไรนะ?” ทุกคนในห้องต่างอุทานพร้อมกัน

“นี่ลูกสะใภ้ของเธออาศัยช่วงชุลมุนแอบย้ายออกไปอยู่ข้างนอกงั้นเหรอ หน้าไม่อายจริงๆ” กระรัตกระแหนะกระแหน

“ก็ดูสิ่งที่พี่เขมจิราทำในวันนี้สิคะ กล้าทำแบบนั้นแล้วยังจะกล้ากลับมาที่บ้านอีกงั้นเหรอ” ช่อฟ้าไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก การกระทำของเขมจิราเป็นการไม่ให้เกียรติตระกูลเทวราชเลยแม้แต่น้อย

“ช่อฟ้า” เมฆาเอ่ยเตือนน้องสาว

“ทำไมคะ พี่ยังจะเข้าข้างผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกเหรอ ถึงต่อให้พวกพี่จะเคยเป็นเพื่อนวัยเด็กแต่ดูสิ่งที่เธอทำกับพวกเราสิ!” ช่อฟ้าเถียงกลับ ถึงต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ก็ตามที

“ช่อฟ้า ลูก…” นภาที่นั่งเงียบมานานถึงกับต้องเอ่ยปากเตือนลูกสาว

“คุณย่าดูสิคะ ช่อฟ้าไม่เข้าใจเลยทำไมแม่กับพี่ชายยังเข้าข้างเขมจิราอยู่อีก” หลานสาวคนเดียวของตระกูลหันไปขอความช่วยเหลือจากย่า จนช่อม่วงต้องตวัดสายตาไม่พอใจให้สองคนนั้นไป หวังให้อีกฝ่ายเงียบ

“ย่าเข้าใจ” ช่อม่วงเอ่ยกับหลานสาว “แล้วตอนนี้เขมจิราอยู่ที่ไหน”

“เรื่องนี้ผมไม่ทราบครับ แต่เดี๋ยวผมจะรีบโทรหาพ่อแม่ของเธอทันที คิดว่าน่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านแน่” วศินตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เรื่องนี้พ่อของเธอต้องไม่ปล่อยไว้แน่ พรุ่งนี้คงจะนำตัวลูกสาวกลับมาส่งที่บ้านของเราเหมือนเดิม คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”

“ไม่ต้อง”

“มะ หมายความว่าอย่างไรครับ”

“ให้เขมจิราอยู่ข้างนอกไปก่อน”

“ทำไมล่ะคะคุณย่า ตอนนี้พี่เขมกำลังท้าทายอำนาจของคุณย่าอยู่นะคะ” ช่อฟ้ารีบทักท้วง เธอไม่พอใจเขมจิรามานานมากแล้ว อีกฝ่ายอาศัยสถานะที่ได้แต่งงานกับผู้นำคนต่อไปของตระกูล ถึงได้กล้าต่อต้านและไม่สนใจเธอมาตลอดหลายปี ทว่าตอนนี้กลับเป็นโอกาสที่จะได้เอาคืน

“สาเหตุที่เขมจิราหนีออกจากบ้านไป ทุกคนก็คงจะรู้กันดีอยู่แล้ว ตอนนี้เธอคงต้องการเวลาสักพัก” ช่อม่วงเอ่ยตามความเป็นจริง เธอเองก็รู้ข่าวของหลานชายกับชู้มาเหมือนกัน

หลายคนภายในห้องต่างตกใจกับคำตอบของช่อม่วง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่เคยใจกว้างขนาดนี้มาก่อน แต่จู่ๆ กลับไม่โกรธที่หลานสะใภ้กล้าทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อวงศ์ตระกูลได้อย่างไร

การกระทำแบบนี้ไม่ใช่ตัวตนของคุณย่าเลยสักนิดเดียว

แน่นอนว่าการกระทำนี้ไม่ใช่เพราะความใจกว้างหรือความเห็นใจแม้แต่น้อย แต่มันคือการบริหารคนต่างหาก

ในตอนนี้เขมจิราคงจะทั้งรู้สึกเสียใจและรู้สึกถูกหักหลังจากคนรัก จึงกล้าทำเรื่องบ้าๆ ลงไป ช่อม่วงมองว่าเขมจิราเป็นฉลาดหลักแหลม การมีเธอมาเป็นมือเป็นเท้าคอยรับใช้นั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่าที่จะต้องตัดขาดกันไปเพราะพฤติกรรมขาดสติเพียงครั้งเดียว

อีกทั้งบัลลังก์ก็ฉลาดหลักแหลมเหมือนแม่ไม่มีผิด แม้จะยังเป็นเด็กแต่กลับฉายแววการเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี แต่เด็กนั่นกลับเชื่อฟังแม่มากเช่นกัน ดังนั้นหากอยากจะดึงบัลลังก์เข้ามาเป็นพวก เธอจะต้องไม่ต่อต้านเขมจิรา

ในเวลานี้สองแม่ลูกคู่นั้นคงจะรู้สึกโดดเดี่ยว การจะไปคาดคั้นพวกเขาคงเป็นเรื่องโง่เง่ามากที่สุด สิ่งเดียวที่ควรทำคือการหยิบยื่นความโอบอ้อมอารีต่างหาก

“คุณแม่พูดจริงเหรอคะ” รานีถามอย่างไม่เชื่อ

“นั่นสิ คุณแม่จะปล่อยให้เธออยู่ข้างนอกงั้นเหรอ ถ้าเกิดว่าเขมจิราทำเรื่องบ้าๆ อีกล่ะคะ” กระรัตเอ่ยถาม

“แล้วพวกเธอกล้าปล่อยให้เขมจิราก่อเรื่องอีกงั้นเหรอ” ช่อม่วงถามกลับ

“ไม่ค่ะ ต่อจากนี้ฉันจะควบคุมลูกสะใภ้ให้ดี”

ทั้งวศินและรานีต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก คิดไปไกลว่าจะถูกคุณแม่ตำหนิเข้าแล้วเสียอีก

“แล้วเด็กคนนั้นที่เขมจิราพามาล่ะ เขาเชื่ออะไร” ช่อม่วงถาม

“เขาเชื่อว่าต้นน้ำครับแม่” วศินรีบตอบ

“เขาเป็นลูกของพี่ทักษ์ไหมคะ ทำไมดูผอมแห้ง-” ช่อฟ้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่!” สองสามีต่างรีบตอบด้วยความตื่นตระหนก

“อะไรกัน ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ทำไมต้องตวาดใส่ช่อฟ้าด้วย” กระรัตรีบพูดออกหน้าเตือนอีกฝ่าย

“ใช่ ทำไมต้องตวาดหลานสาวด้วย” วิษณุพูดตาม

“ก็เพราะว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของทักษ์น่ะสิ เขามีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้นคือบัลลังก์!”

“งั้นก็แล้วไปค่ะ นึกว่าจะมีหลานชายเพิ่มซะแล้ว แค่คนเดียวก็ปวดหัวจะแย่” ช่อฟ้ายังไม่ลืมที่จะพูดจาเหน็บแนมทิ้งท้าย

รานีไม่สนใจหลานสาวอีกต่อไป รีบหันไปพูดกับช่อม่วงทันที “คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มีแค่บัลลังก์เท่านั้นที่เป็นลูกชายของทักษ์”

“ก็ดี อย่าให้จู่ๆ ฉันมีเหลนเพิ่มมาอีกคนแล้วกัน” ช่อม่วงตักเตือน คิดว่าเพียงเวลาไม่กี่วันกลับมีปัญหาวิ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน “งั้นเรื่องวันนี้ก็พอเท่านี้ ฉันไม่อยากฟังอะไรแล้ว”

“งั้นเดี๋ยวช่อฟ้าไปส่งคุณย่าเองนะคะ” ก่อนจะเข็นวีลแชร์ไปโดยไม่สนใจเอ่ยอำลาคนอื่นๆ

ทั้งเมฆาและนภาไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งสองคนต่างขอตัวออกไปจากห้องนี้ ในใจของเขารู้สึกสงสารเขมจิราไม่น้อย ตัวเขาเองแม้จะเป็นหลานชายของตระกูลเทวราช ทว่ากลับไม่ได้เป็นหลานรักเหมือนอย่างน้องสาว และสำหรับช่อม่วง เมฆาไม่ได้มีความสามารถมากเท่าหลานชายคนโปรดอย่างทักษ์ จึงไม่มีอำนาจมากมายที่จะช่วยเขมจิราได้

แต่ตัวเขาเองได้ยินมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน เขมจิราได้รับเด็กชายที่ชื่อต้นน้ำมาดูแล และคาดว่าตอนนี้เด็กคนนั้นคงจะอยู่กับเขมจิราด้วยเช่นกัน

เขาที่เป็นห่วงเธอมากจึงรีบเดินกลับห้องไปให้ไวที่สุด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่สะใภ้อย่างเขมจิราด้วยความเป็นห่วง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel