ต้นน้ำ
บทที่ 2 ลูกติดของชู้สามี
ภาพนั้นยังคงติดตาเธอเสมอมา สายตาของเด็กหนุ่มที่มองเธอราวกับตัดพ้อ สิ้นหวัง และคำพูดงึมงำที่อีกฝ่ายเอ่ยก่อนจะโดดลงไปจากตึกสูงอย่างไม่ลังเล สิ่งนั้นทำให้เขมจิราสงสัยและสงสารในเวลาเดียวกัน
ชีวิตก่อนทั้งสองคนต่างห้ำหั่นกันมาตลอด เธอเตือนให้ลูกชายระแวดระวังต้นน้ำไว้เสมอ เตรียมการรับมือทุกทิศทางเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ แม้ในบางครั้งจะมีจุดผิดพลาดบ้างแต่ในที่สุดก็สามารถรักษาชีวิตของตนเองและลูกชายไว้ได้ แม้ว่าลูกชายจะต้องเสียเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างต้นน้ำไปก็ตาม
ใช่แล้ว...
ในชีวิตที่สองต้นน้ำและลูกชายของเธอดันเป็นเพื่อนสนิทของกันและกัน ในตอนนั้นเขมจิราถึงกับทะเลาะกับลูกชายใหญ่โต ไม่ต้องการให้เขาไปคลุกคลีกับต้นน้ำ ชายคนที่ฆ่าเธอและลูกชายในชีวิตแรกแต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ สุดท้ายทั้งสองคนกลับสนิทกันมากขึ้นไปอีก
จนกระทั่งเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น สิ่งที่เขมจิรากลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นจนได้ ทางด้านเรวัชและต้นน้ำเริ่มขยายกิจการของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนที่ทั้งสองคนทำในชีวิตแรกไม่มีผิด แต่ทางด้านเธอก็ไม่นิ่งนอนใจคอยซ้อนแผนตลบหลังตลอดมา จนในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยทำให้ลูกชายของเธอรู้ว่าความสัมพันธ์เพื่อนสนิทของพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่สิ่งลวงโลก
ต้นน้ำเพียงแค่ต้องการจะใช้ประโยชน์จากลูกชายเธอก็เท่านั้น
สุดท้ายทั้งต้นน้ำและลูกชายก็ต้องกลายเป็นศัตรูและต้องหันกลับมาห้ำหั่นกันเหมือนในชีวิตแรกอีกครั้งหนึ่ง ทว่าผลลัพธ์ครั้งนี้กลับต่างออกไป ตระกูลของเธอไม่ได้ล่มสลาย ลูกชายของเธอยังมีชีวิตอยู่ ทว่าเด็กคนนั้นกลับเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเอง
ในวันนั้นที่เขาเลือกที่จะโดดลงไป มีเพียงแค่เขมจิราเท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์ เธอได้พูดคุยกับอีกฝ่ายเพียงไม่กี่คำถามเท่านั้น แต่กลับสัมผัสได้ถึงความเสียใจอย่างถึงที่สุด ทุกคำพูด ทุกการกระทำที่เขาแสดงออกมา
แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่คาดฝัน
ในตอนที่ต้นน้ำพูดถึงลูกชายของเธอ แววตาของเด็กคนนั้นกลับไม่ได้มืดมนเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มที่เผยออกมาจากใบหน้าหล่อเหลานั่นไม่ใช่สิ่งจอมปลอม มันดูจริงใจเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ช่วงเวลาหลายปีที่เธอเอาแต่เฝ้าหวาดระแวง แต่ในใจลึกๆ รู้ดีว่าทั้งลูกชายและต้นน้ำต่างเป็นเพื่อนสนิทที่หาได้ยากยิ่ง หากทั้งสองคนพบกันในสถานที่ สถานะ เวลาที่ต่างออกไป บางทีความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจจะยั่งยืนมากกว่านี้
ทว่าความแค้นของต้นน้ำและความหวาดระแวงเธอกลับทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้น ชีวิตของพวกเขาทั้งสามต่างแตกสลายไปคนละทิศทาง และสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในใจตลอดมาคือความเสียใจ
การได้ย้อนกลับมาในครั้งนี้ ในชีวิตที่สามเธอตัดสินใจแล้วว่าจะต้องช่วยเหลือต้นน้ำ สืบเรื่องราวของเรวัช เพราะทั้งที่อีกฝ่ายเลี้ยงดูต้นน้ำมานานหลายปี แต่กลับไม่โผล่มาแม้แต่งานศพของลูกชายบุญธรรมเลยด้วยซ้ำ
การแก้แค้นของต้นน้ำ เรวัชคงมีส่วนรู้เห็นไม่มากก็น้อย
เขมจิรานึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา รู้ดีว่าทุกคนต่างเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ครั้งนี้เธอจะขอแก้ไขมันอีกครั้งหนึ่ง
มือที่กำลังสั่นเทายกขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะเคาะไปที่ประตูตรงหน้าสามครั้ง เพื่อให้คนข้างในรู้ว่ามีคนรออยู่ข้างนอก แต่เคาะอย่างไรก็ไม่มีเสียงตอบรับออกมาเลยสักนิดเดียว
“เขาไม่อยู่แล้วเหรอ” เขมจิราพูดด้วยความตกใจ คิดว่าตัวเองมาช้าไปเสียแล้ว บางทีเด็กคนนั้นอาจจะถูกเรวัชพาตัวไปแล้วก็ได้
“เป็นไปไม่ได้หรอก เด็กคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่นะ” ชายร่างผอมแห้งรีบแย้ง กลัวว่าแหวนเพชรเม็ดนั้นจะหลุดลอยไป จึงรีบหันไปเคาะประตูเสียงดังรัวๆ “เฮ้ย! ต้นน้ำ ถ้าอยู่ด้านในก็รีบออกมาสิวะ ฉันรู้นะเว้ยว่าแกอยู่ด้านใน ออกมา!”
ชายคนนั้นแสดงความป่าเถื่อนออกมาอย่างไม่เกรงใจ ถึงเขาจะไม่กล้าทำอะไรเขมจิราแต่กับเด็กแบบต้นน้ำ แน่นอนว่าไม่มีทางกลัวอยู่แล้ว
“ต้นน้ำ! ไอ้เด็กเวรนี่ ออกมาสักทีสิวะ!” ชายคนนั้นยังคงตะโกนไม่หยุด
“พอสักที ฉันบอกให้หยุด!” เขมจิราพูดเสียงต่ำ เธอไม่ได้ต้องการมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ และการโวยวายของเขาคงไม่ช่วยอะไร
“แต่ว่า-” เขาเอ่ยทักท้วง ก่อนจะรีบพูดประเด็นสำคัญ “แล้วแหวนล่ะ คุณยังจะให้แหวนเพชรวงนั้นกับผมหรือเปล่า”
เขมจิรารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ จึงตัดความรำคาญด้วยการยื่นแหวนวงนั้นให้กับชายคนนั้นไปในที่สุด
“ไปให้พ้นหน้าฉัน” เธอพูด
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก ถ้าต้องการอะไร-”
“ไปเถอะ” เขมจิราเอ่ยปากไล่อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์แสดงความซาบซึ้งอะไรทั้งนั้น
ชายร่างผอมคนนั้นไม่สนใจ หลังจากได้แหวนวงนั้นไปก็รีบเดินหน้าระรื่นออกไปด้วยความดีใจ แค่ทำงานเพียงไม่กี่นาทีก็ได้รางวัลเป็นถึงแหวนเพชร
เขามั่นใจอยู่แล้วว่าเธอจะต้องเป็นผู้หญิงร่ำรวยคนหนึ่ง น่าเสียดายแทนต้นน้ำจริงๆ ที่อีกฝ่ายไม่อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นบางทีชีวิตของเด็กคนนั้นอาจจะสบายไปทั้งชาติเลยก็เป็นได้
เขมจิรายืนนิ่งอยู่สักพัก แม้จะสูญเสียความมั่นใจไปบ้างแต่ก็มั่นใจว่าตัวเองรวดเร็วกว่าเรวัชแน่นอน จึงลองเคาะประตูอีกครั้งหนึ่ง เผื่อว่าต้นน้ำจะยอมใจอ่อนเปิดประตูออกมา
“ต้นน้ำ” เขมจิราเอ่ยเสียงเบา ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อนี้ออกมา ข้างในอกมักจะสั่นไหวเสมอ “นายอยู่ข้างในนั้นหรือเปล่า ถ้าได้ยินเสียงของฉันก็ช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้หรือเปล่า ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอก”
เขมจิราพูดเสียงราบเรียบ แสดงถึงความจริงใจออกมา คิดว่าถ้าเด็กชายอยู่ที่นี่จริง อีกไม่นานก็คงต้องเจอกันแน่นอน
“ฉัน-”
“คุณมีธุระอะไร” จู่ๆ เสียงเล็กแหบแห้งของเด็กผู้ชายก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขมจิรา จนเธออดตกใจไม่ได้ รีบหันไปมองต้นตอของเสียงอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะพบกับคนที่เธอต้องการ ทว่าก็ต้องผวาเมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายในปัจจุบัน