บท
ตั้งค่า

ตามหาลูกติดของชู้สามี

ในตอนนี้เขมจิราต้องการแก้ไขจุดจบของต้นน้ำ เธอจึงต้องย้อนเวลากลับมาเป็นครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำทันทีหลังจากที่ย้อนเวลามาคือการไปรับตัวต้นน้ำมาก่อน

ครั้งก่อนเธอเอาแต่คอยเฝ้ามองชีวิตของเด็กชายอยู่เงียบๆ ไม่ได้ลงมือก่อนสักครั้ง เอาแต่เตรียมตัวรอคอยวันที่จะโดนแก้แค้น เพื่อที่จะมีกำลังมากพอต่อสู้กลับและไม่ตายไปเหมือนอย่างชีวิตแรก

ที่สำคัญเธอเข้าใจว่าสาเหตุที่ต้นน้ำแก้แค้นเพราะโกรธที่ทำให้แม่ของเขาต้องตาย เพราะมันดูจะไม่มีเหตุผลอื่นเลย อีกอย่างเขมจิราไม่ได้ผิด คนที่ผิดควรเป็นสามีและแม่ของอีกฝ่ายมากกว่า แต่หากเด็กคนนั้นจะนึกพาลแล้วเอาความโกรธมาลงที่เธอก็เป็นไปได้ เขมจิราจึงไม่คิดมากและเหมารวมว่านั่นคือสาเหตุ

แต่บางทีนั่นอาจจะเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด หากเธอแก้ไขที่ต้นเหตุ เด็กคนนั้น…หากเธอเลี้ยงดูเขาให้ดี ไม่ให้เขามีความคิดผิดๆ

ถึงแม้ว่าแม่ของต้นน้ำจะเป็นชู้กับสามีของเธอแต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเด็กเลยแม้แต่น้อย

หลังจากคิดและตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนแล้ว เมื่อยามได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าสามีของเธอจากไป เขมจิราไม่แม้แต่จะไปดูศพของสามี แต่เธอกลับมุ่งไปที่บ้านของต้นน้ำอย่างไม่ลังเล

“รอฉันก่อนนะต้นน้ำ” เขมจิราพูดอย่างมาดมั่น มือทั้งสองจับพวงมาลัยแน่น ก่อนจะเร่งความเร็วของเครื่องยนต์อย่างไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น

เวลาผ่านไปสักพักเส้นทางถนนแห่งนี้เริ่มคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ ถนนเส้นเล็กๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยเศษขยะราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นไปแล้ว บ้านหลายหลังและผู้คนมากมายที่อยู่อาศัยอย่างแออัด บนผนังต่างเต็มไปด้วยคราบสกปรกสีดำ แม้ว่าฝนจะตกหนักมากแค่ไหนก็ไม่สามารถลบล้างคราบเหล่านั้นได้ แค่มองด้วยสายตาก็เข้าใจว่าคงไม่มีการดูแลเอาใจใส่เลยสักนิด ไม่นานกลิ่นเหม็นอับเริ่มลอยตามท่อแอร์เข้ามาด้านในรถยนต์จนเธออดไม่ได้ถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้

เรียกได้ว่าที่แห่งนี้คือแหล่งเสื่อมโสมที่แท้จริง

“เด็กคนนั้นเติบโตมาจากที่นี่ได้อย่างไร” เขมจิราพึมพำด้วยความสงสาร แม้จะรู้ดีว่าอีกไม่นานต้นน้ำก็คงจะถูกเรวัชรับไปเลี้ยง แต่การที่เด็กอายุหกขวบต้องอาศัยอยู่ที่นี่ช่างน่าอดสูเหลือเกิน

ที่แห่งนี้ต่างจากที่ที่เธอจากมามากโข ราวกับว่าอยู่คนละโลก

รถยนต์ของเขมจิราเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้าๆ และถึงแม้ต่อให้เธอจะใช้รถยนต์ราคาถูกที่สุดที่มีในคฤหาสน์แล้ว แต่มันก็ช่างไม่เข้ากับสถานที่แห่งนี้เอาเสียเลย

ย่านโสมมกับรถคันหรู…

ทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่รถยนต์คันนั้นอย่างไม่ลดละ บ้างก็มองด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็น บ้างก็มองด้วยสายตาเล่ห์เหลี่ยมราวกับว่าต้องการจะแยกชิ้นส่วนรถคันนี้เป็นชิ้นๆ แต่ถึงอย่างไรเขมจิราก็ไม่สนใจสายตาเหล่านั้น

เธอขับรถจนมาถึงตึกเก่าโทรมที่อยู่ท้ายซอย สภาพตึกแห่งนั้นเรียกได้ว่าแทบจะดูไม่ได้ เพราะมันทั้งเก่าและเสื่อมโทรมมากที่สุดในที่แห่งนี้

เขมจิราดับเครื่องรถยนต์ช้าๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติตนเองอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดประตูออกไปจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งตกใจ

“บ้าเอ๊ย” เธอสบถในใจ ก่อนจะมองออกไปเห็นชายคนหนึ่งยิ้มยียวนมาที่เธอ

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับคุณผู้หญิง ที่แห่งนี้ถึงจะไม่สวยงามแต่ก็สร้างความสุขได้เหมือนกัน” เขาเอ่ย

เขมจิราเข้าใจความหมายนั้นดี ทั้งท่าทีคุกคามและน่ารังเกียจนั่น แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลามาสนใจสิ่งเหล่านี้

“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำเรื่องสกปรกพวกนั้น” เธอปฏิเสธ ก่อนจะถอดแหวนที่ล้อมไปด้วยเพชรออกมาจากนิ้วมืออย่างไม่นึกเสียดายหรือลังเล “แต่ฉันมีเรื่องให้นายทำ แหวนวงนี้คือค่าตอบแทน”

ชายผอมแห้งคนนั้นตาลุกวาวขึ้นทันที เมื่อเห็นแหวนเพชรจากมือของหญิงตรงหน้า เขามั่นใจว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงร่ำรวยคนหนึ่ง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกระเป๋าหนักมากขนาดนี้

“ยินดีครับ ผมยินดีจะช่วยเหลือคุณผู้หญิงแน่นอน” เขาพูดอย่างตื่นเต้น หันมองซ้ายขวาด้วยความลุกลี้ลุกลน กลัวว่าจะมีคนมาแย่งของสิ่งนั้นไป ก่อนจะยืนมือไปหยิบแหวนวงนั้นอย่างรวดเร็วแต่หญิงคนนั้นกลับมือไวกว่า รีบชักมือกลับ

“ฉันต้องการพบเด็กชายที่ชื่อว่าต้นน้ำเดี๋ยวนี้ นายรู้จักเขาหรือเปล่า” เขมจิราถามออกไป

“คุณอยากเจอเด็กคนนั้นไปทำไม” เขาถามอย่างสงสัย

“ไม่ใช่เรื่องของนาย แค่บอกห้องของเด็กคนนั้นมาก็พอ”

“แค่นี้เหรอ?”

เขมจิราไม่ตอบอะไร หากว่าชายคนนี้ไม่สนใจให้ความช่วยเหลือ แน่นอนว่าเพียงเธอเปิดประตูออกไปก็มีคนที่พร้อมจะแย่งชิงแหวนเพชรวงนี้มากมาย

สาเหตุที่เขมจิราทำแบบนี้ก็เพราะว่าเธอรู้แค่ว่าเขาเคยอยู่ที่นี่เท่านั้น ไม่รู้ว่าต้นน้ำอยู่ห้องไหน อีกทั้งมั่นใจว่าที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่แหล่งเสื่อมโทรมทั่วไป หากจะอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยก็ต้องใช้เงินแลกมันมา และดูท่าว่าชายผอมแห้งตรงหน้าจะหูตากว้างไกลไม่น้อยเช่นกัน จึงไม่จำเป็นเลยที่จะเสียเวลาต้องเดินหาต้นน้ำทีละห้อง

เขาที่เห็นว่าเธอไม่ตอบอะไรกลับมาก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ต้องการให้เขาไปยุ่งวุ่นวายอะไร “งั้นคุณผู้หญิงก็ตามผมมาเถอะ ผมรู้ว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน แต่แหวน-”

“ฉันจะให้แหวนก็ต่อเมื่อฉันเจอเด็กคนนั้นแล้ว” เธอพูดตัดบท “นำทางไปสิ”

ชายคนนั้นยักไหล่ ก่อนจะกวักมือเรียกเขมจิราให้เดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดยพื้นดินเต็มไปด้วยก้นบุหรี่มากมาย กลิ่นดินโคลนค่อยๆ ลอยมาเตะจมูกของเธอตลอดทั้งทางเดิน จนกระทั่งเดินมาถึงประตูเหล็กเก่าๆ ที่พร้อมจะพังตลอดเวลา

เพียงแค่เขาเขย่าเศษเหล็กนั่นไม่กี่ครั้งก็สามารถเปิดประตูได้

เขมจิรามองไปรอบๆ ก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความสลด หากนับรวมอายุของทั้งสามชีวิต เธอก็มีอายุเกินหนึ่งร้อยปีแล้ว แต่กลับยังไม่เคยเห็นสถานที่ไหนน่าสลดใจเท่าที่แห่งนี้มาก่อน

นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาได้เลยด้วยซ้ำ

“เด็กคนนั้นอยู่ชั้นบนสุดของตึกนี้ ที่นี่ไม่มีลิฟต์นะ ต้องเดินเท่านั้น” เขาหันมาพูดกับเธอ

“อืม” เขมจิราพยักหน้าตอบ เพราะไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว

ทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ โดยที่ชายคนนั้นพูดไม่หยุดหย่อน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขมจิราต้องแปลกใจคือที่นี่กลับไม่มีคนเลยแม้แต่น้อย แตกต่างจากด้านล่างที่มีผู้คนเต็มไปหมด

“ที่นี่เงียบมาก” เธอพึมพำ

“แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นเวลากลางวันนะคุณ ถ้าคุณอยากจะเห็นที่นี่ช่วงคึกคักก็ให้มาช่วงดึกๆ จะดีกว่า รับรองว่าไม่เงียบเหงาแน่” เขารีบตอบ

คำตอบนั้นยิ่งทำให้เธอตกใจและเข้าใจได้ทันทีว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่เพียงแหล่งมั่วสุมทั่วไปเท่านั้น แต่กลับมีการค้าบริการในที่แห่งนี้ด้วย!

เขมจิราคาดไม่ถึงจริงๆ

ที่อยู่ของเด็กคนนั้นช่างทำให้เขมจิราสะท้อนใจนักและไม่แปลกใจเลยที่เด็กคนนี้จะเกิดมาบิดเบี้ยว ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีชีวิตที่ทรมานมากขนาดนี้ในวัยเด็ก

เขมจิรานึกว่าแม่ของต้นน้ำจะดูแลเขาดีกว่านี้เสียอีก

ไม่นานทั้งสองคนก็มาหยุดที่ห้องหนึ่งตรงสุดทางเดิน ใจของเขมจิราเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขอเพียงได้พบเด็กคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง เธอขอเพียงแค่โอกาสนี้ โดยไม่รู้เลยว่านั่นจะทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล

ทุกสิ่งทุกอย่าง ความจริง และชีวิตครั้งนี้จะไม่มีอะไรเหมือนครั้งที่ผ่านมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel