4. ออกเดินทาง
การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น เจ้าสาวที่อยู่ในรถม้าก็คอยแอบเปิดผ้าม่านออกมาดูทิวทัศอยู่เรื่อยๆ เพราะตลอดทางร่มรื่นดียิ่งนัก อากาศก็บริสุทธิ์
“อืม ธรรมชาติจริงๆ เลยแฮะ ไม่มีตึก ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ เฮ้อ…นี่เราต้องอยู่ที่นี่จนตายอีกรอบจริงๆ ใช่ไหม” เอ่ยกับตนเองเสียงเบื่อ ก่อนจะถอยกลับมานั่งที่เดิม เพราะดูเหมือนรถม้าจะหยุด พร้อมกับเสียงฝีเท้าม้าที่ขนาบอยู่ทั้งสองด้าน ตามมาด้วยเสียงเอะอะด้านนอก
“คุ้มกันรถม้า” สิ้นเสียงก็มีลูกศรพุ่งเข้ามาด้านใน ทำเอาผู้ที่นั่งอยู่ถึงกับตาโต
“อะ…อะไรกันเนี่ยะ เกิดอะไรขึ้น” ร่างเล็กรีบหลบเข้ามุมของรถม้าทันที เพื่อไม่ให้ศรธนูปักลงที่ร่างของตน ไม่กี่อึดใจต่อมาก็ได้ยินเสียงของดาบปะทะกัน
“ขบวนถูกปล้น?” สงสัยอยู่ผู้เดียว ก่อนจะนึกไปถึงใครบางคนที่หมายอยากให้นางตายมาตลอด ทว่าเขาจะกล้าลงมือในขณะที่นางอยู่ในขบวนเจ้าสาวเชียวหรือ
“พี่เสี่ยวมี่” เมื่อนึกได้ว่ามีสาวใช้ของตนอยู่ในขบวนด้วย จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ทว่ายังไม่ทันคิดสิ่งใดได้ คนร้ายที่ปิดบังใบหน้าก็โผล่เข้ามาในรถม้า
“หึหึ…นี่หรือฮูหยินท่านโหว หน้าตาอัปลักษ์ยิ่งนัก เสียใจด้วยนะคุณหนู เจ้าไม่อาจเดินทางไปเสวยสุขที่เมืองหลวงได้แล้ว เจ้าต้องตายเป็นผีอยู่ที่นี่” เสียงเหี้ยมเอ่ยออกมาหยันคนตัวเล็กตรงหน้า
ทว่า! ร่างสูงซึ่งถือดาบหมายจะแทงร่างเล็กดันล้มฟุบลงเสียก่อน ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มออกมา ก่อนจะลุกขึ้นใช้เท้าเขี่ยอีกฝ่าย แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดเลยแม้แต่น้อย
“ชิ…จะฆ่าคนยังจะมาพูดพร่ำอยู่อีก” เอ่ยจบก็ขยับมานั่งย่อตัวตรงทางเข้า นางแง้มผ้าม่านประตูออกเล็กน้อย เพื่อสังเกตดูเหตุุการณ์ด้านนอก
พร้อมกับตรวจอาวุธที่อยู่บนข้อมือ ซึ่งนางพึ่งยิงใส่คนร้ายไป สิ่งนี้นางประดิษฐ์ขึ้นมาเอง มีเข็มขนาดเล็กซุกซ่อนไว้เพียงแค่กดสลัก เข็มที่เคลือบยาสมุนไพรที่ทำให้หลับก็จะพุ่งออกไปยังเป้าหมายทำให้หมดสติทันที
“คนร้ายมากเพียงนี้เชียว” ซูหลินมองกลุ่มคนชุดดำ นับร้อย ต่อสู้กับคนของท่านโหวซึ่งมีเพียงยี่สิบ เรียกได้ว่าแต่ละคนนั้นถูกรุมก็ว่าได้ และที่สำคัญคือดูเหมือนอาวุธที่คนร้ายใช้จะมีพิษ จึงทำให้ฝ่ายของท่านโหวอ่อนแรงลง
“พี่เสี่ยวมี่” นึกถึงคนของตนทันที ก่อนจะถอดเอาอาภรณ์ลุ่มล่ามนี้ออก เหลือเพียงชุดที่ใส่ด้านใน นางกระโดดลงจากรถม้า พร้อมกับกระบี่บางเฉียบซึ่งดึงออกมาจากเข็มขัดที่มักจะซ่อนเอาไว้เป็นปกติ
นางวิ่งตรงไปที่ด้านหลัง หวังว่าจะได้เจอสาวใช้ของตน ทว่าเหล่าคนร้ายก็เข้ามาขวาง สุดท้ายจึงต้องลงมือเพื่อเอาตัวรอด และยังต้องช่วยคนของท่านโหวด้วย ยามนี้เจ้าสาวตัวน้อยจึงดูชุลมุนวุ่นวายยิ่งนัก
หมุนซ้ายหมุนขวา ตวัดดาบเพื่อช่วยชีวิตเหล่าบุรุษมากมาย ทว่าแรงสตรีไหนเลยจะเอาชนะได้หมด สิ่งที่ง่ายสุดก็คือแก้พิษให้กับคนของท่านโหว จึงรีบตรงเข้าไปหาร่างสูงของผู้ที่รับนางขึ้นเกี้ยวก่อนใคร
“กินเสีย แล้วแจกจ่ายให้สหายเจ้าด้วย” ขวดยาขนาดเล็กถูกยื่นออกไปตรงหน้าองครักษ์หนุ่มรูปร่างกำยำ แต่เขาก็ยังลังเล เพราะไม่รู้ว่าเป็นยาอันใดกัน
“ยาถอนพิษไร้แรง แต่ถ้าอยากตายก็ไม่ต้องกิน” เสียงหวานแห้วใส่ทันที ก่อนจะยกเท้าถีบคนร้ายที่ง้างดาบหมายจะฟันร่างสูง และยังหมุนตัวเตะอีกคนหนึ่งกระเดนออกไป ทำให้ผู้ที่รับขวดยามามีเวลาได้กินมัน
ทว่าก็ยังต้องรอให้มันออกฤทธิ์ ยามนี้เองเขาจึงได้เห็นว่าคุณหนูหรงนั้นเก่งกาจเพียงใด นางหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ ตวัดดาบด้วยท่าทางอ่อนช้อย บางคราก็ยันตัวกับต้นไม้ฟาดดาบลงบนคอของศัตรู ดูไม่น่าใช่คุณหนูที่ไร้เดียงสาเฝ้าแต่จวนเช่นที่ได้ยินมาเลย
“ไยนางถึงเก่งเพียงนี้” เขานึกในใจ พร้อมกับส่งขวดยาให้คนที่ถูกพิษ ก่อนจะรับมือกับคนที่หมายจะเอาชีวิตพวกเขา ซึ่งยามนี้ถูกสตรีตัวน้อยสังหารไปนับสิบแล้ว ทั้งที่นางใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น
“พี่เสี่ยวมี่! พี่เสี่ยวมี่” ซูหลินแผดเสียงร้องเรียกสาวใช้ของตน ไม่นานนางก็ออกมาพร้อมกับร่างโชกเลือด
“พี่บาดเจ็บหรือ” รีบตรงเข้ามาหา พร้อมกับรับดาบคนร้ายไปด้วย ซึ่งสาวใช้ก็ทำไม่ต่างกัน
“ไม่ใช่เลือดพี่เจ้าค่ะ” เสี่ยวมี่ตอบพร้อมกับถีบคนร้ายไปด้วย ยามนี้ทั้งคู่จึงหันหลังชนกันเพื่อรับมือผู้ที่หมายจะเอาชีวิต ด้านคนของท่านโหวเริ่มมีกำลังขึ้นแล้ว จึงรีบตรงมาปกป้องทั้งสองได้ ผ่านไปไม่นานการปะทะกันก็จบลง เพราะฝ่ายคนร้ายรู้ตัวแล้วว่าตนไม่อาจเอาชีวิตเจ้าสาว รวมถึงคนของท่านโหวเพื่อตัดกำลังได้
“คุณหนูเจ็บตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ” รีบถามผู้เป็นนาย ซึ่งยามนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“ข้าไม่เป็นไร” เอ่ยบอกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนสนิทของท่านโหว ดูท่าเขาคงมีคำถามในใจมากมายเป็นแน่
“เราพักที่นี่ไม่ได้ รีบไปขึ้นรถม้าเถอะ ถึงเมืองเฉินแล้วค่อยว่ากันอีกที” มู่หยางเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำไปที่รถม้า
“เจ้าก็ขึ้นไปด้วย” หันมาบอกเสี่ยวมี่ อีกฝ่ายจึงได้แต่ทำหน้างง ทว่านางก็ทำตามที่เขาบอก ซูหลินเหลือบมองคนของท่านโหว แต่ละคนเอาแต่จ้องนางและสาวใช้ มันก็ไม่แปลกหรอกที่พวกเขาจะสนใจ
สตรีตัวน้อยรูปร่างอรชร ทว่าทั้งคู่กลับต่อสู้เก่งเกินบุรุษ หากพวกเขาสืบข่าวก็คงรู้ว่านางไม่เคยได้ออกจากจวนเลย แล้วไปเรียนรู้วิชาต่อสู้มาจากที่ใดกัน เรื่องนี้คงมีเพียงซูหลินและเสี่ยวมี่เท่านั้นที่รู้
“คุณหนู คิดว่าเป็นฝีมือใครหรือเจ้าคะ” เมื่อรถม้าเคลื่อนตัว เสี่ยวมี่ก็หารือกับผู้เป็นนายทันที ในใจก็คิดว่าต้องเป็นฝีมือของพี่ชายต่างมารดาของผู้เป็นนายแน่ เพราะเคยลงมือกับคุณหนูตนมาแล้วสองหน
“คราแรกข้าก็คิดว่าเป็นคนของพี่ฉงฟาง แต่ดูจากฝีมือและการใช้พิษไม่น่าจะเป็นคนจากเมืองเจียง คงเป็นศัตรูของท่านโหว ที่คิดจะกำจัดข้าเพื่อขู่เขามากกว่า”
“ขะ…คุณหนู แบบนี้ก็แย่น่ะสิเจ้าคะ ไม่เท่ากับว่าเรากำลังเดินทางไปหาความตายหรือ นี่ขนาดออกจากเมืองมาไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว”
“เรื่่องนั้นไม่น่าห่วงเท่ากับพวกเขาจะเค้นเอาความกับเราหรอก ต่อสู้เก่งเพียงนี้” เสียงหวานเอ่ย ก่อนจะหยิบเอาขนมที่มีเตรียมไว้ใส่ปาก ทำเอาเสี่ยวมี่ถึงกับส่ายหัว คำพูดผู้เป็นนายดูเหมือนหนักใจ ทว่าการกระทำนั่นเล่ากลับสบายเหลือเกิน นางดูไม่เดือดร้อนเลยสักนิด