พลาดรัก ฮูหยินตัวแสบ

61.0K · จบแล้ว
หลินซี
28
บท
56.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

นางคือสตรีอัปลักษณ์ที่เขาต้องแต่งงานด้วย ทว่าไหนเลยท่านโหวจะใส่ใจ การแต่งงานนี้มันก็แค่ฉากบังหน้าเท่านั้น อีกไม่นานเขาก็จะ "หย่า"

นางเอกเก่งโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายแฟนตาซีจีนโบราณแต่งงานแทนท่านอ๋อง18+

1. ราชโองการ

“ข้าไม่แต่ง ข้าไม่แต่ง ไยต้องบังคับข้าเช่นนี้” เสียงปฎิเสธแข็งกร้าวดังขึ้นในห้องโถงของจวนนายอำเภอเมืองเจียง จนบ่าวไพร่ภายนอกถึงกับชะงักงัน เพราะเสียงนี้ดูเหมือนจะไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก นางคือบุตรสาวคนรองของใต้เท้าหรง ขุนนางที่พึ่งได้รับการแต่งตั้งไม่ถึงเดือน

หรงม่านลี่กำลังแผดเสียงใส่บิดา เพราะไม่ต้องการแต่งกับท่านโหวซึ่งมีอายุมากกว่าถึงสิบสี่ปี ไหนจะข่าวลือที่ว่าเขาเป็นคนโหดร้ายป่าเถื่อน สังหารคนอย่างเลือดเย็น ผู้ใดตกอยู่ในมือเขาก็ไม่มีทางรอดไปได้ นางจึงเกิดความกลัวขึ้นมา ไม่ยอมรับการหมั้นหมายในครานี้

“หากเจ้าแต่งไปก็จะได้เป็นถึงฮูหยินท่านโหวเลยนะลูก” ผู้เป็นบิดาเอ่ยกับบุตรสาวซึ่งยามนี้นางไม่ฟังอันใดแล้ว เอาแต่ปฎิเสธท่าเดียวไม่ยอมฟังคำที่เขาเอ่ยเลยแม้แต่น้อย ยิ่งคำพูดของนางที่กล่าวมาก็ล้วนแต่จริงทุกคำ

“ท่านพ่อ คนผู้นั้นอายุมากกว่าข้าสิบสี่ปีเชียวนะ เขาแทบจะเป็นบิดาข้าได้ด้วยซ้ำ ไยถึงให้ลูกแต่งกับคนผู้นี้ได้” บอกเสียงสั่นเครือ เพราะไม่อาจทำใจยอมรับได้จริงๆ นางพึ่งจะอายุครบสิบหกปีเอง

ทว่าบิดาก็จะให้ออกเรือนเสียแล้ว อีกทั้งนางไม่เคยเห็นหน้าเขา ไหนจะข่าวลือและหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้ยินมาอีก ใครมันจะทำใจยอมรับได้ลง

“นั่นสิท่านพี่ ข้าได้ยินว่าท่านโหวผู้นี้มักมากยิ่งนัก สร้างเรือนติดกันกับจวนใหญ่เอาไว้หาความสุข ยามค่ำคืนเสียงของสตรีร้องครางไม่หยุด เช่นนี้แล้วจะให้ม่านลี่แต่งเข้าไปได้เยี่ยงไร น้องเองก็ไม่ยอมหรอกนะเจ้าคะ” คนเป็นแม่รีบช่วยบุตรสาว ถึงแม้ฝ่ายนั้นจะมีฐานะสูงส่งก็เถอะ

“หากเจ้าไม่แต่งแล้วจะหาใครแต่งแทนได้เล่า” นายอำเภอยามนี้ก็หัวเสียไม่แพ้กัน เขาสะบัดมือทิ้งอารมย์เดือดดาลของตน ก่อนจะนั่งลงถอนหายใจยาว สองแม่ลูกก็ได้แต่ยืนกอดกันพร้อมกับครุ่นคิด

“ท่านพ่อก็ให้บุตรสาวอีกคนแต่งออกไปแทนสิขอรับ อย่างไรเสียนางก็เป็นคนสกุลหรง ราชโองการก็ไม่ได้รับสั่งเน้นว่าเป็นผู้ใดนี่ คุณหนูจวนนี้ก็มีถึงสองคน น้องสามไม่อยากแต่ง ก็ให้ซูหลินแต่งออกไปก็สิ้นเรื่อง อย่างไรเสียก็ดีกว่ารอให้มีคนมาสู่ขอ เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้” เสียงบุตรชายคนโตสกุลหรงกล่าวหยันน้องสาวต่างมารดา

“จริงด้วยท่านพ่อ ให้ซูหลินแต่งออกไป ข้าก็ไม่ต้องแต่งกับคนผู้นั้นแล้ว” ม่านลี่รีบเดินมานั่งคุกเข่าข้างบิดา

“แต่นางไว้ทุกข์อยู่ จะให้ไปแต่งงานได้เยี่ยงไร มีใครบ้างทำเช่นที่เจ้าเอ่ย” ใต้เท้ากล่าวเสียงแข็ง เพราะไม่อยากบังคับบุตรสาวคนโตให้ต้องมารับหน้าในเรื่องนี้ เพราะนางพึ่งเสียมารดาไป เขาไม่อยากกดดันให้ซูหลินต้องทุกข์ใจ

“หึ…ไว้ทุกข์ก็ออกทุกข์ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ราชโองการกำหนดให้จัดงานมงคลอีกสิบวันข้างหน้า อย่างไรเสียเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องส่งคนไปแต่งงาน ไม่เช่นนั้นเราคงต้องโทษประหารทั้งครอบครัวเป็นแน่” หรงฉงฟางเอ่ยย้ำกับบิดา ซึ่งยามนี้ได้แต่กุมขมับ

“ม่านลี่เจ้าลองคิดไตร่ตรองดูให้ดีก่อนเถอะนะ สิ่งที่กลัวอาจไม่เป็นเช่นที่คิดก็ได้” นายอำเภอหรงยังคงเกลี้ยกล่อมบุตรสาว ทำเอาร่างเล็กลุกพรวดขึ้น พร้อมกับกระทืบเท้าร้องไม่ยอมท่าเดียว จนมารดาต้องเข้ามาปลอบอีกหน

“ท่านพี่!...ไยถึงเห็นลูกของคนตายไปแล้วสำคัญกว่าลูกของเรา ท่านไม่รักม่านลี่หรือ” หรงฮูหยินตัดพ้อสามี เพราะรู้ดีว่าเขาสงสารบุตรสาวคนโตไม่น้อย

“นั่นก็ลูกข้า ยามนี้ซูหลินทุกข์ใจมากพอแล้ว เจ้ายังจะไปอะไรกับนางอีก” เอ่ยจบนายอำเภอหรงก็เดินออกไปจากห้องโถง ทิ้งให้สามแม่ลูกร้องเรียกอยู่เช่นนั้นจนเงียบเสียงไป ส่วนตัวเขาก็เดินมาที่เรือนด้านหลัง

ซึ่งเป็นที่พักของบุตรสาวคนรอง และหรงซูหลินผู้นี้ก็คือบุตรฮูหยินอีกคน ซึ่งเขาแต่งเข้ามาก่อนมารดาม่านลี่ ทว่านางก็ไม่ตั้งครรภ์เสียที จนมารดาใต้เท้าหรงบังคับเขาแต่งฮูหยินเข้ามาอีก ไม่นานก็ตั้งครรภ์คลอดฉงฟางออกมา เป็นที่ชอบใจของคนสกุลหรงอย่างมาก

ต่อมาอีกสองปี ซูหลินก็เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาอาภัพ เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวซวย เพราะวันที่นางถือกำเนิด ผู้เป็นย่าก็สิ้นใจ ทำให้ฮูหยินคนใหม่ได้ที ยุยงให้คนในจวนรังเกียจสองแม่ลูกนี้ ยังดีที่ใต้เท้าหรงมีใจเป็นกลาง เขาจึงไม่ได้โอนอ่อนตามไป ทั้งยังรักมารดาซูหลินมาก

“ข้าจะทำเช่นใดดี” เอ่ยในขณะยืนมองบุตรสาวนั่งคุกเข่าเผากระดาษเงินกระดาษทองส่งให้มารดาของนาง ที่พึ่งจากไปเพียงแค่สามวันเท่านั้น

“คุณหนู นายท่านยืนดูอยู่ด้านนอกนานแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวมี่สาวใช้ซึ่งนั่งอยู่ข้างกายเอ่ยบอก พร้อมกับช่วยผู้เป็นนายเผากระดาษไปด้วย

นางหันมาที่หน้าประตูเรือน ซึ่งยามนี้บิดานางก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ซูหลินจึงหันกลับมาโดยไม่ใส่ใจ สุดท้ายใต้เท้าหรงก็เดินกลับไปยังเรือนใหญ่ เพราะเขาไม่อาจเอ่ยปากร้องขอตามที่บุตรสาวอีกคนกล่าวได้ ยามนี้ผู้ที่ทุกข์ใจสุดในบ้านคงไม่พ้นนายอำเภอวัยสี่สิบสามผู้นี้

สองวันผ่านไป ภายในจวนก็ยังคงถกเถียงกันเรื่องเดิม และยิ่งไปกว่านั้นคือฮูหยินของนายอำเภอ ยังรับสินสอดจากตระกูลหลางโดยไม่ปรึกษาสามีอีกด้วย เพราะม่านลี่พอใจที่จะเป็นภรรยาของบุรุษรุ่นราวคราวเดียวกันมากกว่าจะไปเป็นภรรยาของท่านโหววัยสามสิบห้าผู้นั้น

“ม่านลี่ เจ้าทำเช่นนี้ได้เยี่ยงไร อยากให้ตระกูลเราต้องโทษประหารหรือ” คนเป็นพ่อตำหนิทันที

“ท่านพี่ อย่ามาโทษม่านลี่นะ ลูกรักชอบพอกับคุณชายหลางมันผิดตรงไหน อายุก็ห่างกันแค่สองปี เหมาะสมกันจะตาย” คนเป็นแม่ก็ยังเถียงแทนลูก ทำเอานายอำเภอถึงกับขบกรามแน่น ไม่คิดว่าฮูหยินตนจะทำเรื่องเช่นนี้ได้

ทว่าในขณะนั้นเอง ก็มีรายงานเข้ามาว่าคนของท่านโหวมาขอพบ ทำให้ทั้งหมดยุติการโต้เถียงกัน

“ข้าน้อยมู่หยางมาเป็นตัวแทนแจ้งข่าวเรื่องงานแต่งขอรับ” ผู้มาเยือนคำนับอย่างนอบน้อม ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม ต่างจากอีกคนที่ยังคงหน้านิ่ง แม้จะรูปงามมากก็เถอะ

“จู่ๆ ก็มามีเรื่องด่วนอันใดหรือ” ประมุขจวนเอ่ยถาม ก่อนจะเชื้อเชิญทั้งสองนั่ง ซึ่งคนที่มาด้วยก็คอยสังเกตท่าทีของคนทั้งสี่ โดยเฉพาะสตรีตัวน้อยใบหน้างดงาม ทว่านางมองเขาทั้งคู่ด้วยหางตา

“ท่านโหวอยากให้รับตัวเจ้าสาวไปก่อนกำหนด เพราะต้องเดินทางถึงสองวัน เกรงว่ารอให้ถึงวันอาจจะมีปัญหา ประเดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์ที่กำหนดไว้” เอ่ยไปก็ยิ้มไป พร้อมกับมองมาที่สตรีตัวน้อยเพียงนางเดียวในห้องโถง

“เร็วเพียงนี้เชียว” นายอำเภอเอ่ยเสียงเบา

“มีปัญหาอันใดกระนั้นหรือท่านนายอำเภอ” เอ่ยถามเสียงกดต่ำ ทว่าใบหน้าของผู้มาเยือนก็ยังคงเปื้อนยิ้มอยู่