7. แยกเขี้ยว
ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนที่รมิตาย้ายมาอยู่ในเพ้นเฮาส์ของภารัญ และที่สำคัญยังไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างเธอกับเขา ทุกอย่างยังปิดเป็นความลับ
มีแค่ท่าทางที่ดูเปลี่ยนไปของมาเฟียเสือร้าย คือเขาไม่ออกมาหาเหยื่อเหมือนเคย ถึงจะลงมาตรวจงานและดื่มสังสรรค์กับเพื่อนก็เถอะ ถึงตีสองก็จะขึ้นห้องกลับไปนอนทุกวัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่รมิตาเลิกงานพอดี
23:50 ช่วงเวลาพักเบรค
“แกวันเกิดฉันพรุ่งนี้แล้วนะ ลางานได้หรือเปล่า” เคที่ถามขึ้นทันทีเมื่อเจอกับเพื่อนสนิททั้งสอง
“ได้สิ แล้วจัดที่ไหนล่ะ” นาธานถามขึ้น รมิตาเองก็รอคำตอบเหมือนกัน เพื่อนสาวยิ้มกว้างออกมาทันที
“ที่นี่แหละ คุณกันตะเป็นเจ้าภาพให้” เธอตอบอายๆ
“หา!!” สองหนุ่มสาวประสานเสียงออกมาทันที
“นี่อย่าบอกนะว่าแกกับเขามีซัมติงกัน” รมิตาถามทันทีด้วยความสงสัย อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ พร้อมทั้งยิ้มอายออกมา ทำให้เพื่อนสนิทอีกสองคนต้องหันมามองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มตามเพื่อนรัก
“ตกลงคบกันแล้วว่างั้น” รมิตาถามขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับชูนิ้วข้างซ้ายให้ดูแทน พร้อมกับตอบเสียงเบา
“จดทะเบียนกันแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน พวกแกอย่าโกรธฉันนะที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ คือฉันก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ เพราะเราพึ่งเจอกันไม่ถึงสองเดือนเลย”
“นี่ขนาดยังไม่แน่ใจนะ ก็ไปจดทะเบียนกับเขาแล้ว” นาธานพูดขึ้นเสียงติดงอน ทำเอารมิตาอดที่จะรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน เพราะเธอเองก็มีเรื่องปิดบังเขา
“เอาน่า คนเราจะรู้สึกดีมันไม่เกี่ยวกับเวลาหรอก บางคนต่อให้อยู่ด้วยกันทุกวัน ก็ใช่ว่าจะรักกันได้เลย ทุกอย่างมันอยู่ที่จังหวะ ความรักมันไม่ได้เกิดตอนเรารู้จัก แต่มันเกิดตอนเรารู้สึกต่างหากล่ะ เวลาไม่ใช่ปัญหาซักนิด”
เสียงหวานเอ่ยบอก เธอพูดไปแบบนั้นเพราะนึกถึงตัวเอง ที่จนถึงตอนนี้ระหว่างเธอกับการันต์ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า และทุกอย่างมันดูจะห่างออกไปทุกที จนเธอรู้สึกเฉยๆ ไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ยิ่งได้ยินว่าเขากำลังจะหมั้นเร็วๆ นี้ด้วยแล้ว ตอนแรกคิดว่าใจเธอคงเจ็บมากแน่นนอน แต่เปล่าเลยมันดูสงบจนน่าใจหาย เหมือนเธอไม่เคยรู้สึกพิเศษอะไรกับเขาอย่างที่คิด
“หู๊ย!คำคมก็มาโว๊ย” นาธานพูดขึ้นทันที
“นี่อย่าบอกว่ามึงอกหักจากพี่หมอจนกลายเป็นแม่ชีนะเว๊ย” เขายังคงพูดแซวเพื่อนสาวต่อ เพราะรู้ดีว่าเธอแอบชอบหมอการันต์ รมิตามองค้อนอีกฝ่ายทันที
“พี่เขาเจอคนที่ใช่แล้ว แกก็อย่าไปลากเขามาเกลือกกลั้วกับลูกเมียน้อยอย่างฉันเลย จะมีใครอยากเอาไปร่วมวงศาคณาญาติกันล่ะ” เสียงตัดพ้อน้อยใจดังขึ้น ทำเอาเพื่อนสนิทถึงกับหน้าเสีย เพราะรู้สาเหตุเรื่องนี้ดี
“โอ๋โอ๋ ฉันขอโทษนะแก แต่ถ้าไม่มีใครเอา อีกสองปีเดี๋ยวฉันเป็นเจ้าบ่าวให้เองเอาไหม” นาธานพูดขึ้น
“หมดเวลาพักแล้วยังจะมานั่งเม้ากันอยู่อีกเหรอ” เก่งพูดขึ้นเสียงดัง เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มีภารัญยืนอยู่ด้วย พร้อมกับสายตาตำหนิที่ส่งมาให้นาธาน ซึ่งกำลังโอบไหล่ภรรยาเขาอยู่ ทำให้ทั้งสามลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารทันที
“ขอโทษครับพอดีคุยกันเพลินไปหน่อย” นาธานพูดขึ้นก่อนจะปลีกตัวออกไป ทิ้งให้สองสาวรับหน้าเจ้านายแทน
“งั้นเคที่ขอตัวก่อนนะคะ” สาวสวยในชุดเดรสสีดำรีบเดินเลี่ยงออกไปอีกทางทันที รมิตาเลยคิดจะกลับไปทำงานเหมือนกัน แต่ก็ถูกคนตัวโตจูงแขนให้เดินตาม โดยมีสายตาของพนักงานที่มองมาอย่างสงสัย
“คุณปล่อยนะ ฉันเดินตามได้มีอะไรก็พูดมาสิ ไม่เห็นหรือไงคนมองกันใหญ่แล้ว” รมิตาเอ่ยเตือนสติอีกฝ่ายทันที เพราะดูเหมือนเขาจะลืมตัวในสิ่งที่เคยพูดเอาไว้ ว่าห้ามทำทีสนิทสนมกับเขาเด็ดขาด แต่การกระทำนี้มันอะไรกัน ทำไมเขาถึงปฎิบัติตรงกันข้ามทุกอย่างในช่วงหลังๆ มานี้
“ทำไม กลัวคนรู้ความจริงหรือไง” ภารัญพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ
“ชิ! คุณเองไม่ใช่เหรอที่กลัวคนอื่นรู้สถานะของเรา” คนน้องย้อนทันที เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยมือจากแขนเธอเลย แถมยังพาเดินไปทั่วราวกับว่าจะเปิดตัวเสียอย่างนั้น เก่งเดินตามทั้งคู่พร้อมกับยิ้มขำท่าทีของเจ้านาย ที่ตอนนี้ไม่รู้ตัวเองเลยสักนิด ว่ากำลังหึงภรรยาจนคิดจะประกาศตัวเป็นเจ้าของเธอ
“ไอ้ภามมึงจะพาน้องขิมไปไหน” จินตัยแหกปากเรียกทันที เมื่อเพื่อนสนิทพาคนตัวเล็กเดินรอบคาสิโน
“เรื่องของกู คนของกู” คำตอบของภารัญทำเอารมิตาถึงกับชะงัก เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดแบบนี้ออกมา ทั้งสีหน้าและแววตาดูจริงจังมาก
“เชี้ย!! น้องไปเป็นคนของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไอ้ภาม” กันตะร้องถามเสียงหลง ซึ่งเพื่อนทั้งสามก็ยืนรอคำตอบเหมือนกัน ไม่ต่างจากคนที่ยืนล้อมรอบรอฟังด้วยความอยากรู้ รมิตาถึงกับยิ้มแห้งก่อนจะพูดขึ้นเอง
“เอ่อ! คือนายคงหมายถึงลูกน้องน่ะค่ะ งั้นขิมขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” รมิตารีบแกะมือคนตัวโตออก ก่อนจะเดินเลี่ยงหนีฝูงชนกลับไปยังห้องทำงานชั้นบน
“เออ! แค่ลูกน้องทำยังกะเป็นเมีย ท่าทางก็ดูเกินเจ้านายกับลูกน้องนะแกเนี่ยะ” กันตะพูดขึ้น ก่อนจะเดินหันไปไล่นักพนันที่ดูจะสนใจเรื่องนี้ซะเหลือเกิน
“นั่นสิ กูก็ว่าจะจีบขิมแบบจริงๆ จังๆ สักที” จินตัยพูดขึ้น เพราะตอนนี้รู้แล้วว่ารมิตายังไม่มีแฟน
“งั้นมึงต้องรีบแล้วนะ เพราะไอ้สิงมันก็เล็งน้องมานาน แค่ยังไม่แน่ใจว่าเธอโสดชัวร์หรือเปล่าเท่านั้น” กันตะพูดขึ้น ทำเอาเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยกันหันไปหาคนที่พูดถึงทันที แต่ตอนนี้สิงหาไม่ได้อยู่ตรงนี้
“ไอ้สิงมันไปไหน อย่าบอกนะว่าตามน้องขิมไปแล้ว” จินตัยพูดขึ้นยังไม่ทันจบเลย ร่างสูงของภารัญก็หายไปทางเดียวกับที่รมิตาเดิน ทำให้ทั้งคู่ตั้งใจจะตามไปเหมือนกัน แต่ก็ถูกเก่งขวางเอาไว้ซะก่อน
“วันนี้คุณอำพลมา ยังไงผมฝากคุณสองคนรับรองหน่อยนะครับ ไม่งั้นเขาจะว่าเราได้”
“แต่! เออ!ก็ได้งั้นมึงไปกับกูไอ้กัน” จินตัยหันมารั้งเอาเพื่อนเดินไปยังห้องวีไอพีด้วย เพราะลูกค้าคนนี้สำคัญมาก เพราะพวกเขาเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ ต้องเข้าไปดูแลลูกค้าช่วยกัน รายได้ที่นี่ดีกว่าบริษัทของตัวเองซะอีก
รมิตาเดินเลี่ยงกลับมาที่ห้องทำงาน แล้วนั่งฟุบลงบนโต๊ะ ตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างมาก ตั้งแต่ได้ยินคนตัวโตบอกว่าเธอเป็นคนของเขา ใบหน้าสวยเงยขึ้นเป็นจังหวะพอดีที่สิงหาก้มลงไปมอง ทำให้หน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก จนดูเหมือนกำลังจะจูบกัน
“ไอ้สิงมึงจะทำอะไรรมิตา” เสียงดุดันบ่งบอกให้รู้ถึงอารมณ์ของคนพูด ทำเอาสิงหารีบหันมาทันที รมิตานั่งตัวแข็งทื่อก่อนจะเอียงคอมองคนตัวโต เพราะสิงหายืนบังเธออยู่
“ขิมมานี่” เสียงออกคำสั่งดังขึ้น ทำให้คนน้องต้องรีบลุกออกจากเก้าอี้ และกำลังจะก้าวเท้าเดินมาหาสามี
“ไม่ต้องไป และไม่ต้องกลัวมันด้วย ถ้ามันไล่ออกพี่จะรับขิมเข้าทำงานที่บริษัทเอง” เสียงทุ้มของสิงหาดังขึ้น
“รมิตา!! ฉันบอกให้เดินมานี่ แล้วก็บอกกับไอ้สิงด้วยว่าเธอกับฉันเป็นอะไรกัน มันจะได้ไม่เข้ามายุ่งอีก” ภารัญยังไม่วายพูดเสียงแข็งใส่ทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้ทำหน้างงพอๆ กัน
“คุณสั่งไม่ให้บอกใครไม่ใช่เหรอ อยากบอกก็บอกเองสิ อย่าเอาขิมเข้าไปเกี่ยว” รมิตาได้ทีก็ย้อนกลับ เขากำชับมาตลอดไม่ให้บอกเรื่องแต่งงานกับใครแม้กระทั่งเพื่อนเธอ ทีตอนนี้กลับมาสั่งให้เธอพูดซะงั้น เรื่องอะไรจะทำตาม ร่างเล็กเดินผละออกจากคนทั้งคู่ไปโดยไม่แยแส เพราะไม่อยากเข้าไปเป็นตัวแปรให้เพื่อนรักทะเลาะกัน
“มึงมีอะไรจะพูดไหม น้องเขาโบ้ยให้มึงแล้วนี่” ภารัญไม่ตอบอะไร เขาเดินตามคนน้องที่กำลังจะลงลิฟต์ไปตรวจงานข้างล่าง ก่อนจะช้อนอุ้มขึ้นมาโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ซึ่งสิงหาเองก็เดินตามมาเหมือนกัน แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลยทำเพียงแค่ยืนมองและยักคิ้วใส่เท่านั้น
“นี่เมียกูห้ามยุ่งเด็ดขาด” ภารัญหันมาตอบ พร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออกมาพอดี และยังมีร่างสูงของนาธานยืนอยู่ด้านในด้วย ทำเอารมิตาช็อคถึงสองช็อต ครั้งแรกคือคนตัวโตประกาศต่อหน้าเพื่อนเขา ครั้งที่สองคือเพื่อนสนิทเธอมาได้ยินพอดี ทำเอาใบหน้าสวยเจื่อนลงทันที
“ขึ้นชั้นบนสุด” ภารัญหันมาสั่งคนที่ยืนอยู่ในลิฟต์ นาธานรีบทำตามทันที ก่อนจะเหลือบมามองเพื่อนสาวที่อยู่ในอ้อมกอดเจ้านาย
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังนะแก เรื่องมันยาว” รมิตาบอกเสียงสั่น ตอนนี้เธอทั้งอายทั้งกลัวเพื่อนจะโกรธ
“ฉันกับรมิตาแต่งงานกันมาครึ่งปีแล้ว ฉันสั่งไม่ให้เธอบอกใครเอง ถ้าจะโกรธก็มาลงที่ฉันแทน” เสียงทุ้มของเจ้านายที่พูดขึ้น ทำเอานาธานถึงกับรีบพยักหน้า ตอนนี้เขาก็ช็อคไม่ต่างจากรมิตาหรอก แต่ดูเหมือนเพื่อนสนิทจะหนักกว่า เพราะตาโตเท่าไข่ห่านไปแล้ว และยังถูกอุ้มพาเข้าห้องโดยที่เขาได้แต่ยืนมอง
“กูว่าแล้วเชียว ทำไมเวลาเข้าใกล้ไอ้ขิม คุณภารัญถึงได้ชอบดุตลอด ที่แท้ก็หวงเมียนี่เอง เดี๋ยวเราค่อยมาเคลียร์กันรมิตา” นาธานพูดอยู่คนเดียว ก่อนจะกดลิฟต์กลับไปที่ห้องทำงานอีกครั้ง และเขาก็ยังเจอหุ้นส่วนของเจ้านายยืนอยู่ที่เดิม จนอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“คุณสิงรอใครเหรอครับ”
“รอนายนั่นแหละ ไปดื่มกันหน่อยสิ” สิงหาพูดขึ้นพร้อมกับโอบรอบคอคนที่ตัวสูงแค่หูของเขา
“เดี๋ยวครับผมเหลือเวลาอีกตั้งสามชั่วโมงที่ต้องทำงานนะ ออกไปตอนนี้โดนหักเงินแน่” นาธานท้วงทันที
“หึ! ไปกับฉันใครจะกล้าหักฮึ” สิงหาบอกเสียงจริงจัง ทำเอาคนฟังถึงกับยิ้มร่า เรื่องดื่มน่ะเขาชอบมาก