4. ห้ามวอแว
ตอนนี้รมิตาอายกับสภาพตัวเอง จนต้องหันมามุดหน้าลงบนอกแกร่งของสามีแล้ว ถ้าเขาจะดุด่าก็ขอให้หลังจากนี้เถอะ เพราะหมอที่มารักษาดันเป็นคนที่เธอแอบชอบซะงั้น เก่งยื่นผ้าห่มผืนเล็กให้เจ้านาย โดยที่ไม่กล้ามองเลยด้วยซ้ำ
เพราะเจอสายตาดุที่ภารัญจ้องอยู่นี่แหละ พอคลุมผ้าให้คนน้องเรียบร้อย ถึงได้อนุญาตให้หมอการันต์เดินเข้ามา รมิตาไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่อีกฝ่ายก็จำเธอได้เลยเอ่ยทัก
“น้องขิมยังกลัวเข็มอยู่เหรอ พี่หมอฉีดไม่เจ็บหรอกครับ” เสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้น ทำเอาภารัญอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทกัน แต่ก็เป็นเก่งที่ถามให้แทนเจ้านายที่นั่งนิ่งอยู่
“รู้จักกันด้วยเหรอ”
“จำผมไม่ได้สินะครับ ตอนงานแต่งผมก็อยู่ด้วย ส่วนน้องขิมบ้านเราอยู่ติดกันครับ น้องเขากลัวเข็มมาตั้งแต่เด็ก นายช่วยจับแขนน้องด้วยนะครับ” หมอหนุ่มเอ่ยบอกให้เจ้านายหายสงสัย
ภารัญเลยทำตามอย่างที่เขาบอก แม้จะแปลกใจที่อีกฝ่ายรู้ว่าคนในอ้อมกอดเขาคือรมิตาก็เถอะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องเก็บมาคิด ถ้าสองคนนี้ชอบกันเขาก็ไม่ขวางหรอก ดีเสียอีกจะได้อย่าเร็วๆ
“เรียบร้อยครับ สงสัยจะกลัวจนหลับไปแล้ว ยังไงให้ผมพาไปที่เตียงไหมครับ ดูท่านายคงจะเมื่อย” การันต์อาสาทันที เพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชอบคนตัวเล็ก เขารับรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคนที่เขาชอบ เพราะเขามักจะเข้าไปรักษาแม่ของรมิตาอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งตายไป
“ไม่เป็นไร พวกนายกลับไปเถอะ เมียคนเดียวฉันดูแลได้” ภารัญพูดขึ้นมาทันที จนตัวเขาเองก็งงเหมือนกัน ว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ออกไป
“พูดอะไรของกูวะเนี่ยะ คงเพราะรมิตาแต่งตัวไม่เรียบร้อยล่ะมั้ง” เขาค้านคำพูดตัวเองในหัว ก่อนจะหันมาทำหน้าตาปกติใส่สองหนุ่มที่ยืนมองอย่างงงๆ ก่อนจะผละออกไปจากห้องทิ้งให้เจ้านายนั่งกอดภรรยาหลับคาอก
ภารัญกอดคนน้องไว้ด้วยมือข้างเดียว อีกมือก็กดเปิดทีวีดูข่าวสาร น่าแปลกที่ปกติเขาควรจะบ่นว่าเมื่อย แต่นี่เปล่าเลย เหมือนเขานั่งอยู่คนเดียวมากกว่าบางครั้งก็หันมามองใบหน้าหวาน ที่ตอนนี้ผื่นมันค่อยๆ จางลง แต่เพราะดึกจนจะตีสามเข้าไปแล้ว เขาเลยต้องอุ้มเอาคนน้องไปนอนที่เตียง เตียงที่ไม่เคยมีใครได้ขึ้นมาทิ้งรอยเอาไว้ รมิตาคือคนแรกที่ได้เข้ามาในห้องนี้
“ตัวเบายังกับนุ่น” เขาบ่นออกมาเล็กน้อย ก่อนจะจับหัวเธอให้ตรงหมอน ทำให้เขาได้สังเกตุใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มตา ขนตายาวงอนเป็นแพ จมูกเรียวสวย ปากอิ่มรูปกระจับสีแดงอ่อนๆ แค่มองก็รู้ว่าเธอสวยธรรมชาติ แต่ข้างล่างนี่สิไม่รู้ว่าทำมากี่ซีซี
เพราะความอยากรู้เลยทำให้เสือตัวร้ายคิดทำเรื่องไม่ดี เขาดึงปมผ้าภายใต้เสื้อเชิ้ตออกช้าๆ เพราะกลัวคนน้องจะรู้สึกตัว แต่คงไม่เป็นอย่างที่เขาคิดหรอก เพราะรมิตาเหนื่อยกับการทำงานวันแรก และฤทธิ์ยาที่ถูกฉีดเข้าไป เลยทำให้เธอหลับลึกจนไม่รู้ว่าสามีทำอะไรกับเธอบ้าง
11:00 รมิตารู้สึกตัวตื่นมาก็อยู่ในอ้อมกอดของสามี เธอมองเขานิ่งเพราะตกใจ ก่อนจะพยายามขยับแขนอีกฝ่ายออก เธอเบี่ยงตัวออกทีละนิดจนพ้นร่างแกร่ง แล้วลุกออกจากเตียงมาเบาๆ
“บ้าจริงอยู่ในสภาพนี้ได้ไงเนี่ยะ” เธอนึกในใจก่อนจะมองซ้ายขวาในห้อง พอเห็นห่อผ้าของตัวเองถึงได้รีบหยิบเอามาเปลี่ยน แล้วออกจากห้องนี้ทันที
“ฟู่ว!!” เสียงพ่นลมหายใจดังขึ้น พร้อมกับรีบตรงมาที่ลิฟต์เพื่อกลับบ้าน อันที่จริงรมิตาก็อยู่บ้านเดียวกันกับภารัญ แค่ตั้งแต่แต่งงานเขาก็มานอนอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปอีกเลยเพื่อรอให้ครบสองปีตามกำหนด
“กลับมาแล้วเหรอคะ นี่ถ้าเจ้าเก่งไม่โทรมาบอกป้าก่อนคงได้เป็นห่วงกันแย่เลย”
“ขิมขอบคุณนะคะป้าแจ่ม พี่รันมาฉีดยาให้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ดูสิคะผื่นหายหมดแล้ว” รมิตายกแขนให้อีกฝ่ายดู
“งั้นขึ้นไปนอนพักอีกสักหน่อยนะคะ ทานอะไรมาหรือยัง เดี๋ยวป้าต้มข้าวให้” เสียงอ่อนโยนของแม่บ้านวัยห้าสิบถามอีกฝ่าย รมิตาส่ายหัวเพราะเธออยากนอนต่อมากกว่า รอเวลาไปทำงานตอนเย็นค่อยลงมากินทีเดียว
เธอเดินขึ้นห้องมาทางปีกซ้ายของบ้าน ซึ่งมันใหญ่โตจนน่าจะเรียกคฤหาสน์มากกว่า เธอตรงขึ้นเตียงทันทีก่อนจะหลับไปอีกครั้งจนกระทั่งบ่ายสาม ถึงได้ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ซึ่งก็อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ตามปกตินั่นแหละ
เธอมาถึงโรงแรมหรูก่อนเวลาเริ่มงานครึ่งชั่วโมง โดยมีคนขับรถของภารัญซึ่งทำหน้าที่ดูแลเธอในทุกวันตั้งแต่รมิตาแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านเขา นี่ก็เข้าห้าเดือนแล้ว และเมื่อคืนก็เป็นครั้งแรกที่เธอกับภารัญพูดกันเกินสิบคำ
“มาแล้วเหรอมึง อาการหนักเลยเหรอถึงต้องตามพี่หมอเลย ว่าแต่เจ้านายยอมให้แกพักห้องแขกข้างบนเลยเหรอวะ โชคดี จริงๆ” นาธานพูดขึ้นเพราะเก่งบอกแค่ว่ารมิตาพักอยู่ข้างบน เขาและคนอื่นๆ เลยเข้าใจว่าพักห้องลูกค้าตามปกตินี่แหละ
“อืม คันไปทั้งตัวอ่ะ” เสียงหวานตอบก่อนจะเดินไปตอกบัตรเหมือนพนักงานคนอื่นๆ ก่อนที่เสียงมือถือจะดังขึ้น เธอมองเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก่อนจะยิ้มออกมา
“แหม! ยิ้มหวานขนาดนี้สงสัยจะเป็นพี่รันล่ะสิท่า” เคที่ร้องแซวขึ้นทันที เพราะรู้ว่าสองคนนี้กุ๊กกิ๊กกันมานานแล้ว เพียงแต่ครอบครัวของการันต์ไม่ค่อยชอบรมิตาเท่านั้น ความสัมพันธ์เลยไม่คืบหน้าไปไหน
“ฉันขอตัวก่อนนะ” รมิตาไม่ปฎิเสธเลยสักนิด เธเดินเลี่ยงไปที่ระเบียงของคาสิโน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานของภารัญ เสียงพูดคุยกันอย่างสนิทสนมของเธอกับปลายสาย ทำเอาร่างสูงที่ยืนหลบมุมอยู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“นี่มันห้าโมงแล้วนะ ยังไม่เริ่มงานอีกเหรอ” เสียงดุของผู้บริหารหนุ่มดังขึ้น ทำเอารมิตาถึงกับหน้าเสีย เพราะอีกฝ่ายพูดเสียงดังมาก จนคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ต่างก็รีบพากันก้มต่ำเดินเลี่ยงออกไป รมิตามองเขาเพียงเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ จะรีบกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้ แค่นี้ก่อนนะคะพี่รัน” ประโยคแรกเธอบอกกับเจ้านาย ต่อมาเธอยกมือถือขึ้นกรอกเสียงลงไป เพียงเท่านั้นมือเรียวก็คว้าหมับที่ข้อมือเล็กทันที ก่อนจะดึงเอาเครื่องมือสื่อสารของคนน้องมาหย่อนใส่ในกระเป๋าเสื้อตัวเอง
“เลิกงานแล้วค่อยกลับไปเอาที่ห้อง” พูดจบภารัญก็เดินหนีไป ทิ้งให้รมิตายืนงงอยู่แบบนั้น
“อะไรของเขาเนี่ยะ” เธอบ่นออกมาก่อนจะเดินไปทำงาน โดยมีนาธานยืนเกาหัวสงสัยไม่ต่างจากเธอ
“แกไปทำอะไรให้เจ้านายโกรธวะ หรือว่าเรื่องเมื่อวาน” คำถามของเพื่อนสนิททำเอารมิตาถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลย
ตั้งแต่เห็นหมอการันต์เดินเข้ามาในห้องของสามี เธอหลับคาอกเขาตั้งแต่ยังไม่ฉีดยาด้วยซ้ำ ตอนนั้นเธอรู้สึกอบอุ่นเวลามือเรียวลูบหลังให้ อาจเป็นเพราะเธอคันมากมันเลยสบายตัวนั่นแหละ นี่คือสิ่งที่รมิตาคิด
“ไม่รู้ รีบไปทำงานเถอะ เดี๋ยวก็โดนอีกกระทงหรอก” เธอบอกก่อนจะรีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง จนกระทั่งห้าทุ่มก็มีวอเรียกให้เธอขึ้นไปตรวจเช็คบนเพ้นเฮาส์ของเจ้านาย
“เอ๋! ทำไมเป็นขิมล่ะค่ะ ทำไมไม่ให้พี่เมฆไป” เธอถามทันที เพราะอีกฝ่ายเจาะจงระบุชื่อรมิตา
“พอดีพี่เก่งเป็นคนสั่งมาน่ะ รีบขึ้นไปเถอะเห็นว่าถูกดุด้วยไม่ใช่เหรอเมื่อเช้า” หัวหน้าแผนกย้ำ ทำให้รมิตาต้องรีบทำตาม เธอขึ้นไปยังห้องที่พึ่งออกมาเมื่อตอนกลางวัน ในใจก็อดที่จะกังวลไม่ได้ กลัวว่าจะถูกคนตัวโตต่อว่าอีก
“เฮ้อ! ทำไมต้องเป็นเราด้วยเนี่ยะ เดี๋ยวอีตามาเฟียบ้าอำนาจนี่ก็หาว่าเรามาวอแวกับเขาอีกน่ะสิ เมื่อคืนก็ไม่รู้จะโดนคาดโทษอะไรไว้หรือเปล่า หวังว่าเขาคงไม่อยู่ห้องนะ”
เธอยืนบ่นอยู่หน้าประตู ก่อนจะทำใจอยู่สักพักแล้วกดกริ่งด้านหน้า ไม่นานมันก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของสามี ที่นุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว มันดูหมิ่นเหม่จนเห็นไรขนแพยาวจนถึงสะดือ ลำคอสวยกลายเป็นละลอกคลื่นทันทีเมื่อเห็นภาพแบบนี้ สายตาเธอมันหยุดอยู่ที่ซิคแพกแน่นของเขาจนลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองยืนจ้องอีกฝ่ายอยู่
“จะมองอีกนานไหม ฉันเคยบอกเธอว่ายังไงห๊ะ” ภารัญพูดเสียงเข้มเมื่อเห็นสายตาคนน้อง
“เอ่อ ขอโทษค่ะ พี่เก่งบอกให้ขึ้นมาเช็คที่นี่ คือหัวหน้าบอกว่าคนอื่นไม่ว่าง คุณถามพี่ชาญดูก็ได้นะคะ” รมิตาตอบเสียงสั่น เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อคำพูดเธอ ภารัญแอบยิ้มก่อนจะพูดขึ้นราวกับว่าขี้เกียจรอ
“ช่างเถอะมาแล้วก็ไปตรวจดูหน่อย ทำไมน้ำไม่ไหล” เขาไม่พูดเปล่าแต่ยังดึงเอาแขนเล็กให้เดินเข้ามาในห้องด้วย ก่อนจะใช้เท้าดันประตูให้ปิด
“ดะ เดี๋ยวนะคะ ขิมไม่ใช่ช่างซ่อมปะปานะ จะได้รู้ว่าทำไมน้ำไม่ไหล” เธอท้วงเสียงหลงทันที เพราะมันคนละหน้าที่กัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง
เขารั้งเอวคนน้องให้เดินไปที่ห้องน้ำทันที รมิตาถึงกับหน้าเสียเพราะเธอสู้แรงเขาไม่ไหว ตัวเธอก็เล็กสูงแค่ไหล่เขาเท่านั้น ตอนนี้เลยได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ เขาจะได้ไม่หาว่าเธอเรื่องมากอีก เพราะคนคนนี้ตั้งท่าจะหาเรื่องเธออยู่แล้ว ยังไงคงหนีไม่พ้นแน่ๆ
## อืมห้ามเขาแต่ทำเองนี่มันยังไง แล้วเมื่อคืนทำอะไรน้องเหรอพี่ภาม