3. ห้ามเข้าใกล้
00:30 หลังจากภารัญรู้ความจริงว่าคนที่เขาหิ้วมาเป็นสาวสอง ความทรงจำที่ถูกหลอกลวงมันก็ตีตื้นขึ้นมาอีก
“เก่ง สั่งคนของเราห้ามเธอคนนั้นเข้ามาที่นี่อีก” เขาบอกก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันจนหมดแก้ว
“พวกมึงรู้อยู่แล้วทำไมไม่บอกกูวะ ปล่อยให้กูพาเข้าห้องได้ยังไง” เขาหันมาบ่นให้เพื่อนทั้งสามทันที
“หยุดเลยมึง เดินเข้าไปหาน้องเขาเอง แต่มาโทษคนอื่น พวกกูก็ทำงานไหมครับ ใครจะว่างเหมือนเจ้าของโรงแรมล่ะ หาเหยื่อทั้งทีก็ไม่ดูตาม้าตาเรือ” กันตะสวนกลับทันที ทำเอาภารัญถึงกับหน้าหงอย
“พอดีไอ้เก่งมันได้ยินเด็กใหม่คุยกันว่าน้องคนนั้นเป็นสาวสอง ป่านนี้คงเม้ากันสนุกปากแล้วล่ะว่าแกมีรสนิยมแบบไหน หึหึ” สิงหาพูดขึ้นก่อนจะมีเสียงขำในลำคอตามมา ภารัญขมวดคิ้วทันทีก่อนจะถามออกไป
“ใครไอ้เก่ง ไปเรียกตัวมาสิ แอบไปเล่าให้ใครฟังบ้างแล้วก็ไม่รู้ ต้องรีบจัดการ” เขาบอกเสียงเข้ม คนสนิทเลยรีบทำตามทันที ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง จนคนในห้องเกือบจะลืมไปแล้วว่าให้ไปตามคน
ก็จะไม่ให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อรมิตาขึ้นไปเช็คช่องลมด้านบนซึ่งมีฝุ่นหนาเขรอะ และขนาดของมันก็เล็กคนที่ทำงานส่วนนี้ไม่มีใครเข้าไปได้ เธอเลยอาสาขึ้นไปดูให้ สภาพของรมิตาตอนนี้เลยดูมอมแมมมากจนคนในห้องอดขำไม่ได้ รวมถึงภารัญยังกลั้นไม่อยู่
“น้องขิมทำไมเป็นแบบนี้ครับ” จินตัยถามพร้อมกับกลั้นขำไปด้วย นาธานเองก็ขำจนท้องแข็งมาก่อนแล้ว พอมาเจอคนนำอีกก็ยิ่งอดไม่ได้ เลยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง รมิตามองเพื่อนสนิทตาขวางทันที
“ไม่เหนื่อยเหรอมึง” เธอถามเสียงเรียบ แต่มันก็ดังพอให้คนในห้องหุบเสียงลงด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ทุกคนเลยได้แต่เม้มปากเอาไว้ เพราะกลัวจะหลุดเสียงออกมา
“ตามมามีอะไรเหรอคะ คือขิมคันอยากไปอาบน้ำล้างคราบฝุ่นแล้ว” เธอถามเสียงเรียบ พร้อมกับมองไปยังคนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงกลางของโซฟารูปตัว U
“เธอบอกใครเรื่องที่ฉันพาผู้หญิงคนนั้นเข้าห้องบ้าง” ภารัญถามเสียงเรียบกลับมาเช่นกัน
“แค่นาธาน ส่วนคนอื่นจะได้ยินอีกไหม ไม่รู้” เสียงของคนตัวเล็กหนักแน่น ทำเอาภารัญถึงกับนิ่งไป เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างที่พูด
“ผมว่าคุณขิมเธอคงตั้งใจจะพูดให้ผมได้ยินครับนาย เพราะตรงนั้นไม่มีใครอยู่นอกจากผมที่กำลังจะชงกาแฟ มันไม่ใช่มุมอับยังไงก็เห็นผมแน่นอน” เก่งก้มลงกระซิบบอกเจ้านาย ทำเอานัยน์ตาคมของมาเฟียหนุ่มเริ่มอ่อนลง
รมิตายืนมองคนตัวโตนิ่ง เธอรอฟังว่าเขาจะว่ายังไงต่อ แต่ดูแล้วคงคิดว่าเธอป่าวประกาศเรื่องนี้ไปแล้วแน่ๆ ก็เขาไม่เคยมองเธอในทางที่ดีเลยนี่หน่า แต่ตอนนี้รู้สึกคันเนื้อตัวมากและอยากล้างเนื้อล้างตัวที่สุด
“จบเรื่องหรือยังคะ ขิมจะได้ไปอาบน้ำ” เธอบอกเสียงเรียบ เพราะตอนนี้นอกจากจะมอมแมมแล้ว ดูท่าเธอจะกลายเป็นลิงด้วยแน่ๆ เพราะมือเริ่มอยู่ไม่สุกเกาไปทั่ว
ภารัญมองภรรยาในนามก่อนจะบอกให้เก่งพาเธอขึ้นไปอาบน้ำบนห้องพักด้านบน เก่งรีบทำตามทันที เพราะมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ฐานะของรมิตา
“เชิญครับคุณขิม” ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีครีมกับกางเกงยีนส์เดินตามคนสนิทสามีไปทันที เธอตามอีกฝ่ายมาจนถึงชั้นบนสุด ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นที่นี่
“ห้องนี้ครับ ส่วนที่เหลือมีแขกพัก ยังไงเดี๋ยวผมให้แม่บ้านเอาเสื้อผ้ามาวางให้นะครับ ขอบคุณที่ช่วยนายไม่ให้ถูกหลอกอีก” เก่งบอกพร้อมกับโค้งให้เธอด้วย แม้เจ้านายจะไม่ชอบใจที่ต้องแต่งงานกับเธอ แต่ก็ไม่เคยสั่งให้ทำเรื่องแย่ๆ กับภรรยาในนาม ยกเว้นตัวภารัญเองที่ทำ
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าขิมไม่รู้เรื่องนี้มาจากคุณป้าก่อน ก็คงปล่อยให้เขาเจอปัญหาเอง ขิมไม่ได้ทำเพื่อเขานี่คะ”
เธอตอบเสียงใส ซึ่งมันเป็นปกติเวลาที่รมิตาพูดกับคนอื่น เว้นแต่ภารัญเท่านั้น เพราะอีกฝ่ายตั้งแง่กับเธอก่อน เก่งเดินออกจากห้องไปแล้วเสียงล็อคประตูอัติโนมัติดังขึ้น เธอเลยเดินเข้าห้องอาบน้ำเพื่อล้างเนื้อตัวที่มอมแมม
รมิตายืนอยู่ใต้ฝักบัวอยู่นาน เพื่อล้างคราบฝุ่นบนหัวด้วย ผมที่มัดรวบเอาไว้เพื่อจะได้สะดวกต่อการทำงาน เปียกชุ่มไปด้วยแชมพูที่มีกลิ่นหอม แม้จะแปลกใจที่ในห้องน้ำมีเครื่องใช้ครบหมดทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีใครอยู่ให้ถาม อีกอย่างคันไปทั้งตัว ตอนนี้ผิวเนียนสวยกำลังขึ้นผื่นแดงเป็นจ้ำตามตัวแล้ว
เธออยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง ได้ยินเสียงประตูด้านนอก เลยเข้าใจว่าแม่บ้านคงเอาเสื้อผ้ามาให้แล้ว พอเป่าผมเสร็จเธอก็แง้มประตูออกมา เพื่อสำรวจด้านนอก
“ไหนล่ะเสื้อผ้า?” เธอสอดสายสายตาไปรอบห้องก่อนจะสะดุดลงที่ร่างสูงของสามี เขากำลังยืนอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มซึ่งมีเอาไว้เวลาที่ภารัญชอบอยู่คนเดียว
รมิตายืนชะงักอยู่กลางห้อง เพราะไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ ตอนนี้เนื้อตัวก็มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวห่อไว้ แถมยังมีผื่นขึ้นเต็มตัวจนภารัญรีบเดินตรงเข้ามาดู
“ชิ! แพ้ฝุ่นขนาดนี้ยังจะมุดเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวอีก” เสียงบ่นดังขึ้นเมื่อเห็นร่างกายของอีกฝ่าย ถึงเขาจะไม่ใยดีเธอก็เถอะ แต่นึกถึงคำพูดของนาธานเขาเลยคิดว่าจะยอมพูดดีกับเธอสักนิดแล้วกัน
“อันที่จริงขิมมันตั้งใจจะบอกพี่เก่งนั่นแหละครับ เลยพูดเสียงดังให้พี่เขาได้ยิน คือมันย้ำผมไม่ให้พูดต่อหลายหนมาก คงกลัวคนจะเอาคุณภารัญไปนินทา ทั้งที่มันก็เรื่องปกตินะครับ ทำอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่นักหนา แล้วนี่ก็แพ้ฝุ่นแต่ก็ยังอาสามุดขึ้นไปซ่อมช่องลมให้ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง เรื่องอึดถึกทนต้องยอมให้มันจริงๆ”
นี่คือคำพูดของนาธานเล่าบอกพวกเขา หลังจากที่เธอออกจากห้องมาแล้ว เลยบอกให้เก่งหายามาให้เธอด้วย แต่ไม่คิดว่าคนสนิทจะพาขึ้นมาอาบน้ำบนห้องเขา
แต่พอเห็นผื่นที่ขึ้นเต็มตัวและใบหน้า ก็อดสงสารเธอไม่ได้ มือเรียวขึ้นลูบแก้มเนียนใสที่มีรอยจ้ำ พร้อมกับทำหน้าตาราวกับกลัวว่าสัมผัสนี้จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บ จนลืมคำพูดของตัวเองที่บอกเอาไว้ว่าไม่ให้เธอเข้าใกล้เขา
“เจ็บหรือเปล่า” เขาถามเสียงเบา รมิตาถอยหลังออกจากสัมผัสของคนตัวโต
ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง พอยืนห่างสายตาของสามี เขาก็จ้องลงมาที่เนินเขาแทน จะไม่ให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่ออีกฝ่ายตัวเล็กนิดเดียว แต่หน้าอกมันกลับใหญ่เกินตัว
“หึ! ทำไม อายซิลิโคนงั้นเหรอ” เขาถามเสียงหยัน เพราะใหญ่เกินตัวขนาดนี้ยังไงก็ทำมาแน่ๆ รมิตาถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปทางห้องน้ำ เพราะดูท่าเสื้อผ้าคงยังไม่มา เธอไม่ได้นึกกลัวอีกฝ่ายหรอก เพราะทุกอย่างเขาตั้งกฎขึ้นมาเอง แน่นอนคนอย่างภารัญคงไม่มีทางแหกมันเองแน่ๆ
“เอาใส่คลุมไว้ก่อน เดี๋ยวจะโทรเร่งไอ้เก่งให้”
เขาโยนเสื้อเชิ้ตใส่หัวอีกฝ่ายที่กำลังเดินกลับไปยังห้องน้ำ รมิตามองค้อนทันที ก่อนจะสวมมันทับผ้าขนหนูด้านใน เธอเดินอ้อมไปยืนมองวิวด้านนอก แต่อาการแพ้ที่มีมันก็เริ่มทำให้เธออึดอัดและทนไม่ไหว
“เออ พี่ภามคะช่วยถูหลังให้ขิมหน่อยได้ไหม” เธอเดินเข้ามาหยุดตรงโซฟาที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ ภารัญเงยหน้ามองคนตัวเล็กนิ่งเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้ารับ ร่างเล็กรีบนั่งลงหันหลังให้เขาทันที พร้อมกับรวบเอาผมมาไว้ข้างหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆ บวกกับกลิ่นตัวเธอ มันทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ทีแรกกะว่าจะถูหลังให้แล้วก็บ่นไปด้วยนั่นแหละ แต่มาตอนนี้เขาเลยได้แต่นิ่งทำหน้าที่ไปเงียบๆ มือของรมิตาเองก็ถูตามตัวด้านหน้าเช่นกัน อาการแพ้ของเธอดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอถอดแว่นออกพร้อมกับยกมือขึ้นจะลูบหน้า เพราะรู้สึกคันไปทั้งตัวแล้วตอนนี้
“อย่านะ เดี๋ยวก็หน้าบวมหรอก”
ภารัญพูดพร้อมกับกุมมือเล็กเอาไว้ ทำให้รมิตาหันหน้ามาหาเขาทันที พร้อมกับส่งเสียงอ้อนร้องขอ
“อื้อ! พี่ภามขิมคันนี่คะ ขอเกาหน่อยนะ” ริมฝีปากอิ่มเผยอพูดเสียงอ้อน พร้อมกับนัยน์ตาสวยเย้ายวนสีฟ้าครามสบเข้าพอดีกับคนตัวโต
ภารัญกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ทันที เขาไม่เคยเห็นใครมีดวงตาสวยขนาดนี้มาก่อน แต่พอคนน้องดื้อจะเกาหน้าให้ได้ เขาเลยกอดเธอล็อคเอาไว้ซะเลย เป็นจังหวะที่เก่งเปิดประตูเข้ามาพอดีพร้อมกับหมอ
“โอ๊ะ! ขอโทษครับนายเดี๋ยวผมมาใหม่”
“มาใหม่บ้าอะไรไอ้เก่ง หยิบผ้าห่มตรงนั้นมาด้วย หมอรีบมาฉีดยาเลย เฮ้ย! เดี๋ยวมึงเอาผ้ามาก่อน” ภารัญร้องสั่งทันที แต่อ้อมแขนก็ยังไม่ยอมปล่อยคนน้อง
# อืม!! อีพี่เข้าห้ามน้องไม่ให้เข้าใกล้แหละ แต่ไม่ได้สั่งห้ามตัวเองไง