3) ช่วยหน่อย
“คุณนีน ผมขอกาแฟแก้วนึงครับ”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นเมื่อนีรนารารับสาย เป็นเรื่องปกติที่พอถึงช่วงบ่ายวิกรก็จะโทรออกมาที่โต๊ะเลขาหน้าห้องเพื่อขอกาแฟเป็นแก้วที่สองของวัน
“ได้ค่ะ”
นีรนารารับคำอย่างเคยชินก่อนจะวางสายแล้วลุกไปจัดการให้ทันทีด้วยความคล่องแคล่ว ผ่านมาเป็นอาทิตย์ได้แล้วหลังจากคืนนั้นที่ทำเอาสติรวนจนต้องจัดการตัวเองพักใหญ่ แต่นีรนาราก็ดำเนินชีวิตและหน้าที่การงานต่อได้ด้วยความนิ่งที่มี ทำตัวเป็นปกติที่สุดเพื่อให้ทุกวันผ่านไปได้อย่างดี และไม่เปิดโอกาสใดๆให้วิกรพูดถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมาได้ และดูเหมือนว่าพอเธอทำแบบนี้ วิกรเองก็ไม่กล้าจะรื้อฟื้นอะไรขึ้นมาอีกเช่นกัน
พอเป็นแบบนี้ทุกอย่างก็ดูจะกลับมาปกติสุขเหมือนเคย
“เย็นนี้คุณนีนมีธุระอะไรมั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นช่วยอะไรผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“อะไรคะ”
นีรนาราเงยหน้าถามวิกรด้วยความแปลกใจ เพราะปกตินอกจากสั่งงานแล้วคำว่าขอให้ช่วยไม่เคยออกมาจากปากวิกรเลยสักครั้ง
“ช่วยไปเลือกของขวัญวันเกิดคุณแม่ให้ผมที แล้วก็จะชวนคุณนีนไปที่งานด้วยครับ”
“ได้ค่ะ”
นีรนารารับคำทันทีอย่างไม่ติดใจอะไรเพราะเรื่องที่ขอก็เป็นเรื่องปกติที่เธอเคยทำให้อยู่แล้ว เพียงแค่ที่ผ่านมาเธอไม่เคยต้องไปร่วมงานสักครั้ง ทำเพียงไปหาของขวัญให้เท่านั้น หน้าที่เลขาก็คือสารพัดสิ่งที่เจ้านายจะใช้นั่นแหละ
“ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวเลิกงานแล้วไปพร้อมผมเลยละกัน”
“ค่ะบอส”
—---------------------
“คุณแม่บอสท่านชอบอะไรคะ”
“ของทั่วไปผมก็ไม่ค่อยรู้ แต่ท่านชอบดอกไม้มากๆที่บ้านก็เลยมีสวนดอกไม้ด้วยครับ”
วิกรตอบพลางทำท่าคิดอย่างหนักใจ ความชอบของคนเป็นแม่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายแต่พอนึกดูดีๆเค้ากลับไม่รู้เลยว่านอกจากดอกไม้แล้วมีอะไรอีก
ที่ผ่านมาก็ใช้แค่นีรนารามาสั่งเป็นเครื่องประดับเตรียมไว้แต่ปีนี้ดันงานยุ่งจนลืมไปสนิท พอกะทันหันแบบนี้ก็คิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
“งั้นเลือกเป็นดอกไม้ที่ท่านยังไม่มีดีมั้ยคะ”
“ปัญหาอยู่ที่ผมไม่รู้จักดอกไม้นี่แหละครับ จะมีหรือไม่มีผมก็ไม่รู้อยู่ดี”
วิกรตอบอย่างจนใจ ใบหน้าหล่อเริ่มหงอยลงเรื่อยๆเมื่อความรู้สึกผิดเริ่มก่อตัวในใจ ทั้งเกรงใจนีรนาราที่ช่วยคิดและสมเพชตัวเองที่ไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ด้วย
“ยากเลยนะคะ งั้น เอาเป็นดอกไม้ที่ตั้งในบ้านได้ ต้นเล็กๆเลี้ยงง่ายๆดีมั้ยคะ”
นีรนาราเสนอทางเลือกสุดท้ายที่คิดว่าง่ายที่สุดในตอนนี้ เพราะเธอเองก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน คนที่มีพร้อมทุกอย่างนอกจากคุณค่าทางจิตใจแล้วก็คงไม่ต้องการอะไรอีก
ดีที่เธอคุ้นเคยกับครอบครัวของวิกรเป็นอย่างดีถึงพอรู้นิสัยของแต่ละคนมาบ้าง ถึงจะรวยมากๆแต่คนบ้านนี้ก็ไม่เคยดูถูกความจริงใจที่คนอื่นมอบให้สักครั้งเลย
“งั้นก็ได้ครับ”
วิกรคิดตามก่อนจะตอบตกลงทันทีและเดินตามนีรนาราไปร้านขายดอกไม้ใกล้ๆ
“สนใจต้นไหนดีคะคุณลูกค้า”
เสียงพนักงานดังขึ้นทันทีที่เดินผ่านประตูร้านเข้าไป นีรนารายิ้มตอบก่อนจะมองรอบๆร้านแล้วตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากพนักงานเพราะเธอเองก็ไม่ถนัดเรื่องดอกไม้ขนาดนั้นเหมือนกัน
“ขอเป็นดอกไม้ที่เลี้ยงง่ายๆแล้วก็เอาไว้ในบ้านได้ค่ะ จะให้เป็นของขวัญผู้ใหญ่ค่ะ”
“งั้นแนะนำเป็นดอกเดหลีดีมั้ยคะ ใส่กระถางสวยๆได้ ช่วยฟอกอากาศแถมยังมีสีขาวด้วยค่ะคุณลูกค้า”
นีรนารามองตามที่พนักงานชี้ก่อนจะหันไปถามวิกรที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“แบบนี้โอเคมั้ยคะบอส”
“แล้วแต่คุณนีนเลยครับ”
นีรนาราที่ได้รับคำอนุญาตก็เดินเข้าไปดูใกล้ๆแล้วขอให้พนักงานเตรียมเป็นของขวัญอย่างที่ต้องการอีกที
“งั้นเอาเป็นต้นนี้ก็ได้ค่ะ แต่ขอกระถางแบบนั้นแทนได้มั้ยคะแล้วก็ช่วยผูกริบบิ้นสีขาวกับสีฟ้าให้ด้วยค่ะ”
“ได้เลยค่ะ รบกวนนั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะ”
พนักงานพาทั้งสองคนมานั่งตรงที่นั่งรอสำหรับลูกค้าแล้วรีบไปเตรียมของขวัญให้ด้วยความว่องไว นีรนาราใช้เวลาที่เหลือมองไปรอบๆร้านสำรวจต้นไม้ดอกไม้ที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างอย่างสนใจ
ความจริงเธอเองก็ชอบและคิดอยากเลี้ยงต้นไม้ดอกไม้ไว้ที่ห้องเพื่อเพิ่มความสดชื่นเหมือนกัน ติดที่เวลาทั้งหมดมันไม่พอจะแบ่งไปใส่ใจเรื่องแบบนี้เลยได้แต่ตัดใจ นิสัยที่พอเจอสิ่งที่สนใจก็จะลืมทุกอย่างรอบตัวนั้นไม่เคยหายไปง่ายๆ ตอนนี้เธอถึงไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่มัวแต่สนใจรอบๆร้านนั้น วิกรเอาแต่มองเธอจนแทบไม่ละสายตา
จนเมื่อพนักงานกลับมาทั้งคู่ถึงได้หลุดจากห้วงความคิดของตัวเองกันอีกครั้ง
“ได้แล้วค่ะคุณลูกค้า แบบนี้ชอบมั้ยคะ”
“ชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“ยินดีค่ะ ขอบคุณที่มาอุดหนุนค่ะโอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
“บอสจะซื้ออะไรเพิ่มมั้ยคะ”
“ไม่แล้วครับ แต่เดี๋ยวจะพาคุณนีนไปเปลี่ยนชุดตามมาทางนี้เลยครับ”
วิกรบอกก่อนจะเดินนำนีรนาราไปทางร้านที่โทรมานัดเอาไว้ นีรนาราเงยมองหน้าร้านชุดออกงานแบรนด์หรูที่ไม่เคยคิดจะเฉียดเข้ามาก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจ
“ร้านนี้เหรอคะ”
“ครับ จะไปทั้งชุดทำงานก็ยังไงอยู่เปลี่ยนที่นี่แหละครับ”
“แต่มัน”
นีรนาราชะงักเท้าก่อนจะแย้งออกมาแต่ถูกวิกรที่รู้ทันตัดบททั้งที่ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องห่วงครับเดี๋ยวผมจัดการเอง คุณนีนแค่เปลี่ยนก็พอครับ เอ่อ ช่วยหาชุดที่เหมาะกับคุณเค้าหน่อยครับ งานเลี้ยงเล็กๆในบ้านนะครับ”
ร่างสูงหันไปสั่งพนักงานที่รอต้อนรับอยู่ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โซฟาใกล้ๆ ปล่อยให้ที่เหลือเป็นหน้าที่ของพนักงานจัดการต่อ
“ได้เลยค่ะคุณลูกค้า เชิญทางนี้ค่ะคุณผู้หญิง”
“อ่า ค่ะๆ”
นีรนาราได้แต่รับคำอย่างเกรงใจ เดินตามการจับจูงของพนักงานไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ชุดนี้เหมาะกับคุณผู้หญิงมากเลยค่ะ ผิวสว่างขึ้นมากเลยเดี๋ยวแต่งหน้าทำผมอีกนิดรับรองว่าคนมองจนตาค้างแน่ๆค่ะ”
“ต้องแต่งหน้าทำผมด้วยเหรอคะ”
นีรนาราเบิกตาโตขึ้นเมื่อรู้สึกว่าอะไรๆมันชักจะเยอะเกินกว่าที่คิดเอาไว้มาก
“นิดเดียวค่ะ จะได้ดูเข้ากับชุดไงคะ”
“อ้อ ได้ค่ะ”
นีรนาราตอบรับอย่างไม่รู้จะโต้แย้งอะไรอีกครั้ง นั่งนิ่งๆและปล่อยให้ทุกคนสร้างศิลปะบนใบหน้าเธอตามใจจนเวลาผ่านไปเพียงไม่นานก็เสร็จสิ้น ท่ามกลางสายตาพึงพอใจและสายตาชื่นชมของเหล่าพนักงานที่รุมล้อม
“เรียบร้อยค่ะ โห สวยมากๆเลยค่ะคุณผู้หญิง ขอถ่ายรูปเก็บไว้ได้มั้ยคะ”
“ค่ะ”
นีรนาราพยักหน้าอย่างเขินๆ ใช้ชีวิตมาก็ไม่เคยมีใครมาขอถ่ายรูปแบบนี้สักที ไม่ต้องพูดถึงการแต่งตัวหรูหราหรือแต่งหน้าจัดเต็มแบบนี้เลย เพราะปกติเวลาชีวิตแต่ละวันน้อยจนต้องรีบร้อนตลอดเวลา ทำเพียงแค่ให้ดูดีและเรียบร้อยเหมาะสมกับงานก็ไปได้ทุกที่แล้วจริงๆ
“มาแล้วค่ะ”
พนักงานที่จูงนีรนาราออกมาจากห้องแต่งตัวส่งเสียงบอกวิกรที่นั่งรออยู่
“เสร็จแล้วเหรอ…ครับ”
วิกรเงยหน้าขึ้นมาถามแต่พอเห็นนีรนาราเต็มตาเสียงปลายประโยคก็แผ่วหายไป ก่อนที่จะจ้องมองจนนีรนาราประหม่าขึ้นมาทันที
และสายตาแบบนั้นมันก็เหมือนในค่ำคืนที่วิกรใช้จ้องมองเธอที่ยังจำได้เลือนลางอยู่ในหัว ทำเอานีรนาราที่เผลอนึกไปถึงหน้าร้อนผ่าวจนต้องรีบถามเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน
“เอ่อ มีอะไรแปลกรึเปล่าคะบอส”
“ไม่ครับ สวย เอ่อ คือดูเหมาะกับคุณนีนมากเลยครับ งั้น งั้นเราไปกันเลยดีกว่าครับ”
วิกรหลบสายตาทุกคนที่จ้องมาที่ตัวเองก่อนจะพูดติดๆขัดๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พาให้รู้สึกขัดเขินไปหมดทั้งคู่ ยิ่งมีสายตาและรอยยิ้มกรุ่มกริ่มจากพนักงานที่จับกลุ่มมองมาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่
จนนีรนาราต้องรีบเดินนำหน้าออกมาจากร้านทันที