พลาดรักสัมพันธ์ลวง

137.0K · จบแล้ว
เพลิงนารา /zabzeed
47
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ความผิดพลาดแค่คืนเดียวนำพาความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตไม่หยุด จากที่ต่างคนต่างทำเฉยกับความสัมพันธ์ที่เกินเลยไปไกล กลับต้องมาร่วมมือกันโกหกคำโตเพื่อให้รอดจากการจับคู่และบังคับใจไม่ให้หวั่นไหวที่ต้องใกล้ชิดกัน

นิยายรักโรแมนติกประธานเลขาสัญญาทางรักเศรษฐีโรแมนติก18+

1) คืนที่ผิดพลาด

แสงไฟสีส้มภายในห้องที่ถูกหรี่ลงจนเหลือเพียงความสว่างน้อยนิด ไม่อาจบดบังใบหน้างดงามที่บัดนี้ภายในดวงตาที่เคยกลมโตกลับหรี่ปรือและหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความรู้สึก มันระคนไปด้วยความเจ็บปวดและสุขสมจนดูยั่วยวนชวนมองมากกว่าในยามปกติ มากเสียจนคนที่มองอยู่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้

และเผลอโจนจ้วงเข้าใส่ด้วยความลืมตัว

“อื้อ”

เสียงหวานครางกระเส่ายามถูกเคล้นคลึงและขบกัดด้วยริมฝีปากร้อน เรียวลิ้นที่ทำหน้าที่อยู่นั้นสร้างความหวามไหวไปทั่วร่าง ไม่ต่างจากจุดอ่อนไหวด้านล่างที่ถูกโจนจ้วงเน้นหนักราวจะตราตรึงความซ่านเสียวให้เธอจนแทบขาดใจ

เรือนร่างเย้ายวนขาวผ่องบิดเร่าไปตามคลื่นความกระสันที่สาดซัด แอ่นหน้าอกเข้าหาสัมผัสอย่างไม่อาจควบคุม

ขณะที่เอวบางกลับถูกกดตรึงติดที่นอนนุ่ม รับการตอกอัดที่เร่งเร้าหนักหน่วงจนต้องแหงนเงยหน้าครวญครางอย่างสุดจะกลั้น

“ไม่ ไม่ไหว”

มือขาวทั้งจิกทั้งข่วนเข้าที่แขนแกร่งด้วยความกระสันที่เกินต้าน ยิ่งถูกความแข็งแกร่งที่เร่าร้อนตอกอัดเข้ามาจนจุกแน่น ใบหน้าสวยยิ่งบิดเบ้กัดปากส่ายหน้าราวกับจะทนไม่ไหวเข้าจริงๆ

“อา อีกนิด”

เสียงทุ้มกระซิบพร่าตรงใบหู ก้มลงจูบแก้มเนียนอย่างปลอบประโลม สวนทางกับส่วนล่างที่ยังคงตอกตรึงเน้นหนักไม่ผ่อนปรน

“บะ บอส อ๊า”

เสียงหวีดครางแหบแห้งดังขึ้นก่อนที่ร่างกายจะกระตุกเกร็งเมื่อแตะถึงฝั่งฝัน ดวงตาพร่างพราวระยิบระยับกับความสุขสมที่ปลดปล่อยออกมา

ความแข็งขืนถูกตอดรัดจนปวดหนึบ วาวใสไปด้วยธารแห่งความสุขที่ร่างบางปลดปล่อยออกมา กลับยิ่งสร้างเสียงดังน่าอายยามขยับเข้าออกให้ชัดเจนขึ้นในห้องกว้าง

เมื่อทนรับความทรมานไม่ไหวร่างแกร่งก็เร่งจังหวะถี่รัวและปลดปล่อยออกมาในที่สุด

—----------------------

“โทรมาทำไมแต่เช้าวะ”

“เช้าบ้านมึงสิแดดตรงหัวขนาดนี้ไอ้คี”

วิกรด่าสวนทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย แสงแดดแทบจะเผาไหม้ขนาดนี้เอาอะไรมาเช้าก่อน

“รบกวนกูแล้วยังกล้าด่ากูอีกนะไอ้สัส มีอะไรก็พูดกูจะนอน”

“มึงไม่เคยนอนรึไง กูเครียดมากนะมึงตื่นมาฟังกูดีๆเถอะขอร้อง”

วิกรแทบจะอ้อนวอนเพื่อนตัวดีที่ไม่สนใจความร้อนรนในน้ำเสียงที่แสดงออกไปสักนิด ไม่รู้ว่าอัคคีใจเย็นเกินหรือว่าไม่ได้สนใจกันแน่

“เอาเลยกร เชิญมึงพูดให้สาแก่ใจก่อนที่กูจะไม่ทน”

“กูว่ากูน่าจะงานเข้าแล้วว่ะ”

“ทำไมวะ”

“กูแบบ เมื่อคืนนี้กู…”

“โอ้ยไอ้ห่านี่ ลีลาชิบหายเลยพูดให้มันจบๆเถอะกูขอร้อง”

คราวนี้อัคคีลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงแล้วขยุ้มหัวตัวเองอย่างสุดจะทน หากทะลุจอออกมาตบหัวเพื่อนได้ก็คงทำไปแล้ว

“เออๆรู้แล้วหัวร้อนง่ายจังมึงนี่ กูนอนกับคนที่ไม่ควรนอนด้วยว่ะ ตอนนี้กูไม่รู้จะยังไงต่อเลย เครียดจนจะบ้าตายแล้วมึง”

“มึงจะเครียดทำซากอะไร ทำเป็นไม่เคยไปได้ที่ผ่านมาทำยังไงก็ทำยังงั้นแหละจะยากอะไรนักหนา”

อัคคีบ่นออกมาพร้อมพ่นลมหายใจยาวๆด้วยความเอือมระอากับปัญหาที่วิกรปรึกษา ดูตรงไหนก็ไม่น่าเป็นปัญหาได้สักนิด คนโสดแบบวิกรนอนกับใครก็ไม่แปลกทั้งนั้นแหละก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นไม่รู้จะกลัวอะไร

“ก็เค้าไม่เหมือนคนอื่นไง ถ้าทำได้กูจะโทรหามึงเพื่อ”

“อย่าบอกนะว่ามึงไปหิ้วเด็กมัธยมมาอ่ะ เหี้ยนะกร”

“มึงสิเหี้ยไอ้คี กูไม่แดกเด็กไอ้ห่านี่ พูดซะกูชั่วเลย”

วิกรด่าสวนเสียงดังอย่างลืมตัวเพราะโมโห ก่อนจะต้องหันไปมองประตูห้องนอนด้วยความระแวงและเดินไปที่ระเบียงข้างนอกแทน

“แล้วมันยังไงล่ะเค้าเป็นใครมึงถึงแยกย้ายไม่ได้”

“เลขากู”

“ห้ะ!?”

คราวนี้อัคคีเป็นฝ่ายตกใจจนแทบตกเตียงเมื่อได้ยินคำตอบที่แสนจะน่าเหลือเชื่อนั่น

“อือ ตกใจได้รึยังล่ะทีนี้”

วิกรทำหน้าเอือมก่อนถามออกมาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง คิดดูละกันว่าขนาดเพื่อนอย่างอัคคียังตกใจแล้ววิกรจะทำเป็นไม่ทุกข์ไม่ร้อนได้ยังไงก่อน

“มึงหมายถึงคุณนีนเลขาของมึงอ่ะนะ”

“แล้วมึงว่ากูมีเลขากี่คนล่ะไอ้คี ถามมาได้”

วิกรย้อนกลับอย่างหงุดหงิด มาย้ำชื่อที่ทำให้อยากกระโดดตึกหนีความจริงอยู่ได้

“ชิบหายมาก”

อัคคีพึมพำออกมาเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า เพราะตอนนี้ก็ยังรู้สึกช็อคกับสิ่งที่เพื่อนบอกมากๆ มันเกิดขึ้นได้ยังไงวิกรกับเลขาสุดเนี้ยบหน้าห้องมันน่ะนะ บอกว่าแมวออกลูกมาเป็นไข่ยังน่าเชื่อกว่าอีกเถอะ

“อือ กูก็ว่างั้นแหละ”

วิกรพึมพำเสียงแผ่วไม่ต่างจากอัคคีก่อนใบหน้าหล่อเหลาที่สาวๆต่างพากันลุ่มหลงจะเงยขึ้นมองฟ้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“กูขอเวลาทำใจแป้บ”

“อย่านานมาก กูว่าเค้าน่าจะใกล้ตื่นแล้ว”

วิกรบอกพลางมองเข้าไปทางประตูห้องนอนด้วยใจที่ยังลุ้นระทึกอยู่ คิดยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างเมื่อคืนไม่ใช่ฝัน

“มึงคงไม่ใช่คนแรกของเค้าหรอกใช่มั้ยไอ้กร”

“เหมือนจะเป็นอย่างงั้นแหละ จริงๆก็ใช่เลยไม่ใช่แค่เหมือน”

“เออ ฟังแล้วอึดอัดใจมากกว่าเดิมดีไอ้สัส มึงทำอะไรลงไปไอ้กรไอ้คนชั่ว นั่นเลขาสุดเทพของมึงเลยนะ มึงกำลังลบหลู่เบื้องสูงเหรอวะ”

“โอ้ย กูก็ไม่ได้ตั้งใจมั้ย ด่าเหมือนกูไปฆ่าใครตายเลยแค่นี้ก็รู้สึกผิดจะตายห่าแล้วเนี่ย ช่วยกูคิดก่อนเถอะว่าควรทำยังไง”

วิกรโวยวายออกมาบ้างเมื่อถูกเพื่อนด่าซะจนรู้สึกเหมือนเป็นคนชั่วขึ้นมาจริงๆ

“ถามจริงๆนะ มันเกิดขึ้นได้ยังไงก่อน มันไม่น่าเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำมึงกับเค้าทำงานด้วยกันมาตั้งกี่ปีแล้วอยู่ดีๆจะมาปิ๊งกันตอนนี้เนี่ยนะ”

“ปิ๊งที่หน้ามึงสิไอ้คี คำพูดคำจาแย่มาก ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละก็เมาทั้งคู่เมื่อคืนไปงานลูกค้ามาแล้วคุณนีนเค้าเมามากกูไม่รู้จักบ้านเค้าเลยพามาพักที่ห้อง แล้วทีนี้กูก็เสือกไปชวนเค้าดื่มอีกไงเห็นว่าวันหยุดพอดี ไปๆมาๆก็แบบนั้นแหละ”

“โคตรแย่”

“อือ แย่มาก กูตื่นมาแล้วสร่างเมาเลย ตอนนี้อยากร้องไห้ด้วย”

“ร้องไปก็ย้อนเวลาไม่ได้ไอ้กร คุณนีนดูเป็นคนจริงจังขนาดนั้นมึงก็คุยไปเลยให้จบๆ”

“กูไม่แต่งนะ กูไม่พร้อม”

วิกรทรุดลงนั่งพิงกำแพงราวกับว่าเพื่อนจะพูดคำที่ไม่อยากฟังออกมาจนอัคคีที่ฟังอยู่กรอกตาด้วยความเอือมระอา เล่นตัวขนาดนี้เรียกมั่นหน้ารึเปล่านะ

“อย่าเยอะไอ้กร เค้าอยากแต่งกับมึงมั้ยก่อน นอนด้วยกันคืนเดียวแต่งงานกันได้ที่ไหนมึงบ้ารึเปล่า กูให้ไปคุยว่าจะยังไงต่อเชื่อเถอะว่าเค้าไม่เอามึงหรอก ขอแค่เค้าไม่ลาออกหนีมึงไปก็พอ”

“ไม่ได้นะ ถ้าเค้าลาออกกูจะหาเลขาเก่งๆแบบนี้ที่ไหนอีกวะ”

คราวนี้วิกรลุกขึ้นมายืนย่ำเท้าราวกับเด็กเมื่อได้ยินคำว่าลาออก กว่าจะทำงานจนรู้ใจกันได้ขนาดนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ใครจะยอมให้ลาออกกัน

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับมึงแล้ว ไปคุยดีๆเค้าไม่น่าคุยยากหรอก อย่างแรกก็ไปขอโทษก่อนเลยถึงเค้าจะเต็มใจแต่มึงก็ผิดที่พามาจนเกิดเรื่องแบบนี้”

“เออ รู้แล้วสอนยิ่งกว่าพ่อกูอีก”

“มึงชอบปัญญาอ่อนกับเรื่องง่ายๆไงกร มึงน่ะฉลาดแค่ตอนทำงานแค่นั้นแหละ”

อัคคีด่าอีกครั้งอย่างรำคาญ นักธุรกิจสุดหล่อแสนเพอร์เฟคที่คนจ้องอยากทำข่าวไม่เว้นวันอย่างวิกรพอเป็นเรื่องง่ายๆกลับชอบทำให้ยุ่งยากอัคคีไม่เคยเข้าใจเลย

“ไปนอนเถอะคี ถ้ามึงจะด่ากูขนาดนี้กูไม่กวนมึงแล้วก็ได้”

“เออ มีอะไรก็ไม่ต้องโทรมาอีกนะรำคาญ”

“เออ!”