บท
ตั้งค่า

3. สมบทบาท

ริมฝีปากอิ่มยิ้มแหยเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเคยอ่านมา ความอยากรู้เลยทำให้นางต้องเอ่ยออกไปเสียงเบา

“เอ่อ…ข้าขอถามได้หรือไม่ พวกเจ้าเป็นสตรีที่ติดตามอย่างแนบชิดของท่านอ๋องหรือเปล่า คือข้าไม่อยากพรากช่วงเวลาอะไรแบบนั้นของพวกเจ้าหน่ะ” เอ่ยอย่างรู้สึกผิด มองทั้งคู่สลับกันไปมา แม้แต่ซานเป่ายังนึกขำตามท่าทางผู้เป็นนาย

“ไม่ใช่เพคะ เราสองคนมีหน้าที่ดูแลเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องเสวยของท่านอ๋อง เรื่องพวกนั้นจะมีคนจัดการต่างหากเพคะ ท่านอ๋องไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับบ่าวในจวน” สาวใช้นางหนึ่งรีบเอ่ยบอก ท่าทางนางยังดูตื่นกลัวเจ้านายคนใหม่อยู่

‘งั้นก็เป็นคนของท่านอ๋องจริง ๆ แบบนี้ก็ดี ขอแค่กำจัดสาวใช้ที่มาจากแคว้นเหลียงได้ เราก็น่าจะปลอดภัยจนถึงเมืองหลวง แต่ถึงยังไงเราก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมสาวใช้สองคนนั้นกับองครักษ์เหวินอยากเอาชีวิตเรา แล้วองครักษ์ที่ยืนอยู่ตรงนี้หล่ะ ถ้ายังไขข้อสงสัยทั้งหมดไม่ได้ วันข้างหน้าเราไม่มีทางได้อยู่อย่างสงบสุขแน่ ในขบวนเดินทางก็ไม่รู้ใครหวังดีใครหวังร้าย หรือเราจะขอความช่วยเหลือจากท่านอ๋องคนนั้นดี’ หลังจากฟังคำบอกเล่าของสาวใช้คนใหม่ มินซูก็เงียบอยู่พักใหญ่

“องค์หญิงคิดสิ่งใดอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” ซานเป่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นผู้เป็นนายนิ่งเกินไป

“เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่พวกเจ้าชื่ออะไรหรือ บอกอายุมาด้วยนะ ข้าจะได้เรียกถูก” เอ่ยถามเสียงอ่อน

“หม่อมฉันเสี่ยวถง อายุสิบเก้าปีเพคะ” เอ่ยแล้วก็ก้มหน้า

“หม่อมฉันจูเหยียน อายุยี่สิบปีเพคะ” คนหลังกลับกล้าสบตา ท่าทีนิ่งสุขุมต่างจากอีกคน

“แล้วเจ้าล่ะ” หันไปหาองครักษ์หนุ่มที่ยืนอยู่ ซานเป่ายกนิ้วชี้หน้าตนเองทันทีด้วยความมึนงง

“กระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงทรงแกล้งกระหม่อมเล่นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ถามย้ำพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้

นางมีท่าทางเลิ่กลั่ก “ก็บอกแล้วไงว่าสาวใช้สองคนนั้นเอาอะไรให้ข้ากินก็ไม่รู้ ตื่นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่เรื่องราวของตนเอง เจ้ามีหน้าที่พูดก็พูดมาเถอะน่า” บอกเสียงห้วนกลบเกลื่อน ท่าทางนางในตอนนี้ดูไม่เหมือนองค์หญิงเลยสักนิด ทั้งที่หน้าตาก็ออกจะงาม หวานหยดย้อยราวกับเทพธิดาก็ไม่ปาน

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงทรงล้อเล่นเรื่องที่จำอะไรไม่ได้ นี่มวยลี่และม่านลี่เอายาพิษให้พระองค์เสวยจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มไม่ได้สนใจจะตอบคำถามผู้เป็นนาย ทว่าเขากลับตั้งคำถามเสียเอง

มินซูเหลือบมองสาวใช้สองนางที่เงยหน้ารอฟัง คาดว่ารุ่ยอ๋องอะไรนั่นคงสั่งให้สืบความเป็นไปของตนด้วยกระมัง

ก็ดี อาศัยอำนาจบารมีเขาจัดการกับภัยที่อยู่รอบตัวไปเสียเลย หากเดาไม่ผิด การเชื่อมสัมพันธไมตรีนางอาจตกเป็นหมากให้ใครอยู่ก็ได้ คนในขบวนถึงได้หมายจะเอาชีวิตเช่นนี้

หากองค์หญิงที่เดินทางไปเชื่อมสัมพันธ์เกิดตายขึ้นมา ความรับผิดชอบทั้งหมดก็ต้องตกอยู่ที่เจ้าของแคว้น หากรุ่ยอ๋องรู้ว่ามีการวางยาตน เขาไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้เป็นแน่

“เมื่อเช้าที่ข้าตื่นขึ้นมาแล้วหนีออกไป ก็เพราะจับได้ว่าสาวใช้สองคนนั้นวางยาข้า และพวกนางยังเป็นพวกเดียวกันกับองครักษ์เหวิน พอข้าฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินพวกนางวางแผนกันอีก บอกว่าจะวางยาข้าอีกครั้งก่อนถึงเมืองหลวง หากไม่เชื่อให้คนไปตรวจดูก็ได้” บอกเสียงเครือพร้อมกับทำท่าจะร้องไห้

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ กระหม่อมจะไปจับพวกนางมาสอบสวนพ่ะย่ะค่ะ” ซานเป่าเอ่ยแล้วก็รีบเดินออกไป

“องค์หญิงเหตุใดสาวใช้สองคนนั้นถึงอยากให้ท่านตายเพคะ พวกนางไม่รู้หรือว่ามันอาจสร้างข้อพิพาทให้สองแคว้นได้”

“ขนาดนั้นเลยหรือ” ยังแสร้งทำเสียงเครือ ตาก็เหลือบมอง

“เรื่องเหล่านี้พวกเราก็ไม่ค่อยรู้เพคะ แต่เคยได้ยินมาบ้าง” สาวใช้สองนางสลับกันออกความคิดเห็น

“หากเป็นเช่นที่เจ้าว่า ข้าคงอยู่ไม่ถึงได้เห็นเมืองหลวงแคว้นเป่ยเป็นแน่ ฮึก…ฮือฮือ” บีบน้ำตาให้ไหลออกมา พร้อมกับยกมือปาดจนใบหน้าเปื้อนเปรอะน่าสงสาร

“โถ…องค์หญิง ต้องจากบ้านเมืองมาก็น่าเวทนาพอแล้ว ยังมาถูกคนปองร้ายหมายจะเอาชีวิตอีกหรือนี่” เสี่ยวถงเอ่ยเสียงเครือ นางเป็นคนขี้ใจอ่อนจึงอดสงสารนายใหม่ไม่ได้

“หม่อมฉันมีข้อชี้แนะเพคะ หากองค์หญิงอยากรอดก็ลองทูลขอให้ท่านอ๋องของเราช่วยสิเพคะ” จูเหยียนเอ่ยขึ้นบ้าง

ใบหน้างามที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตาเงยขึ้นมองอีกฝ่าย ก่อนจะเปล่งเสียงเครือปนสะอื้น “ดะ…ได้หรือ ท่านอ๋องช่วยได้หรือ ฮึก…ข้าไม่อยากตาย เจ้าช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้าทีนะ” ขยับลงมานั่งแหมะอยู่ตรงหน้าสาวใช้

พร้อมกับยื่นมือออกมากุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น ส่งสายตาเว้าวอนจนจูเหยียนต้องรีบรับคำ “เพคะ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้” สิ้นคำนางก็ลุกขึ้นย่อตัวแล้วออกไปจากกระโจมทันที

เสี่ยวถงจึงช่วยประคององค์หญิงให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงตามเดิม “เสวยอะไรหรือยังเพคะ”

มินซูส่ายหัวไปมา “ข้าไม่กล้ากิน กลัวมีพิษ” ประโยคนี้มันจริงอย่างที่นางว่า มินซูไม่กล้ากินอะไรจริง ๆ แม้แต่น้ำ

“โถ…เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปหาอะไรมาให้เสวยนะเพคะ”

“เจ้าไปเอาที่กระโจมท่านอ๋องได้หรือไม่ ข้าไม่ไว้ใจคนของข้า ไม่รู้ใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู” บอกไปตามจริง

“ได้เพคะ รอประเดี๋ยวนะเพคะ” เสี่ยวถงรับคำแล้วก็รีบออกไป เพียงแค่ม่านกั้นปิดลงน้ำตาที่ไหลเมื่อครู่ก็เหือดแห้ง

“เห้อ! แสดงเก่งขนาดนี้ ทำไมไม่เป็นนักแสดงนะมินซู แกมาเป็นทหารหน่วยรบพิเศษทำไม” พึมพำกับตนเองพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะลุกไปส่องที่ทางเข้าอีกรอบ

นางมองตามร่างของสาวใช้ที่กำลังมุ่งหน้าไปทางกระโจมซึ่งอยู่ห่างออกไปมากพอสมควร “หวังว่าจะสำเร็จนะ” พึมพำออกมา ก่อนจะมองหาองครักษ์หนุ่มที่บอกจะไปจัดการสาวใช้ที่วางยา ทว่าด้านนอกกลับไร้เงาเขารวมถึงองครักษ์คนอื่นด้วย มีแค่ทหารเดินวนไปมาไม่กี่คน พอนางจะก้าวออกไปยามที่เฝ้าอยู่ก็ขวางไว้ ทำให้หญิงสาวต้องเดินกลับเข้ามาอีก

เมื่อออกไปไม่ได้ มินซูก็มองหาอาวุธเพื่อใช้ป้องกันตัว นางไม่รู้ว่าสิ่งที่วางแผนไว้จะสำเร็จหรือไม่ ทว่าหากเกิดเหตุที่เป็นผลร้าย นางก็จะขอสู้ตายดีกว่าทนอยู่บนความหวาดระแวงแบบนี้ ไม่แน่อาจจะหนีไปจากที่นี่ได้

ทุกอย่างยังคงสงบนิ่ง แม้แต่สาวใช้สองนางที่มาใหม่ก็เงียบหายไป ใจดวงน้อยเริ่มกังวลขึ้นมา แต่ยังไม่ทันไรเสียงเอะอะด้านนอกก็ดังขึ้น “ต่อสู้กันงั้นเหรอ”

“เอาตัวพวกมันไปให้หมด ข้าจะเป็นคนสอบสวนเอง” เสียงกังวาลทรงอำนาจดังขึ้น นำพาให้คนด้านในสนใจเป็นอย่างมาก นางจึงรีบลุกออกไปยืนแง้มผ้าม่านดู

ทว่าภาพเบื้องหน้าคือร่างกายกำยำของใครบางคนยืนบดบังทัศนียภาพอยู่ ดวงตากลมโตจึงมองไล่ขึ้นไปจนสบเข้ากับนัยน์ตาคมดุของเขา “เอ่อ…คุณ…เอ้ย…ท่านคือ” เสียงติดขัดทันที เพราะคนตรงหน้าหล่อเหลือหลาย ในหัวมินซูคิดว่าเขาคือพระเอกซีรี่ย์แนวเทพเซียนเลยด้วยซ้ำ แต่งตัวสง่างาม เกล้าผมขึ้นทำให้ดูองอาจ แม้จะดูมีอายุแล้วทว่าเขาก็ยังดูดีมาก

“ข้าคือรุ่ยอ๋อง ส่วนคนของเจ้าถูกจับไว้หมดแล้ว” เอ่ยเสียงเรียบ แววตาก็ไม่ค่อยเป็นมิตร ผู้ที่โผล่ออกมาแค่ลูกกะตาจึงได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย ไม่กล้าเผยตัวตนออกไปเผชิญหน้ากับเขา

ทว่าเฟิงหรานนั้นคิดต่างออกไป ‘กลัวข้าจะถูกตาต้องใจเจ้าสินะ หึ! สตรีต่างแคว้นข้าไม่มองให้เสียลูกตาหรอก’ ปรามาสคนในกระโจมในใจ แม้เขาจะเจ้าชู้ ถูกชะตาหญิงงามไปเรื่อย ทว่ากับสตรีต่างแคว้นเขาไม่มีทางแยแสแน่

#อย่าให้เห็นว่าแอบหอนนะท่านอ๋อง 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel