๓ แผนซ้อนแผน (๓)
‘แลกกับการได้เป็นคุณนาย มึงยอมไหมล่ะ’ ถามกลับพลางยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังหาว สติของเธอไม่เต็มร้อยเพราะถูกปลุกกลางดึก แต่ก็ยังใจดีคุยเป็นเพื่อนไม่ยอมวาง
“ยอม! ขอบคุณมึงมากนะปรางที่ชี้ทางสว่างให้กู คืนนี้แหละกูจะมอมเหล้าเขา...หรือกูจะยอมเสียตัวไปเลยดีวะ ไหนๆ ก็ได้เป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว” ปัดความเขินอายออก หล่อนต้องหน้าหนาเข้าไว้หากอยากได้เขามาครอบครอง
ตั้งมั่นในความคิดของตัวเอง ดวงหน้าหวานหมายมาดเอาไว้แล้วว่าคืนนี้จะต้องเป็นคืนนำโชคของตัวเอง
‘อันนั้นก็แล้วแต่มึง...กูเหมือนเพื่อนชั่วที่แนะนำทางผิดให้มึงเลย เอาเป็นว่าไม่ต้องทำดีกว่า คนจะรักกันต้องมาจากใจ’ จากที่คิดว่าพูดเล่นกลับกลายเป็นปลายสายเอาจริง คนที่ง่วงงุนเริ่มตาสว่างแล้วพยายามตะล่อมให้กนกวดีกลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง
“อย่ามาตอแหลตอนนี้ กูจะสามสิบแล้วมารักจากใจอะไรล่ะ ต้องการผัวเลยค่ะ อยากได้ผัว” ยืนยันเจตนาของตัวเองชัดเจน
อายุขนาดนี้เธอยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน กลายเป็นเจ้าสาวกลัวฝนเพราะเรื่องในอดีตตั้งแต่ยังเป็นเด็ก...
‘แต่เขาไม่ได้รักมึงนะ’ ความจริงที่ตอกย้ำแต่หล่อนก็ยังไม่ยอมแพ้ ปากบางเม้มเข้าหากันกระนั้นยังเลือกเชื่อในความคิดของตัวเอง
“อยู่ไปก็รักกันเองนั่นแหละ แค่นี้นะมึงกูจะไปทำสวย บ้ายบาย” วางสายทันทีทั้งที่ตนไปรบกวนเวลานอนของอีกฝ่าย ปรางทิพย์ถึงกับเฉ่งเพื่อนยกใหญ่แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ปล่อยให้กนกวดีจัดการเรื่องของตัวเอง
เธอเปลี่ยนชุดอีกครั้งแล้วแต่งตัวเพื่อให้ตนดูดีที่สุด แสงแดดที่เคยส่องจ้าค่อยจางลงใกล้ลาลับขอบฟ้า กนกวดีแทบไม่รู้ตัวว่าใช้เวลาไปนานแค่ไหนกับการเลือกชุดสำหรับคืนนี้ คิดแผนดีๆ ออกแล้วเพียงต้องส่งข้อความไปชวนเป้าหมายออกมาข้างแล้ว
จากนั้นค่อยเผด็จศึก!
“แม่ วันนี้จะไปขายของที่งานวัดไหม” แต่งตัวสวยลงมาข้างล่าง เห็นมารดากำลังนั่งดูโทรทัศน์ ขณะที่ยายแม้นนอนหลับอยู่ข้างกัน
“ไม่ไป เหนื่อย...ถามแบบนี้จะไปขายให้เหรอ เอาสิ” แม่วรรณไปช่วยดูงานวัดทั้งวันด้วยตำแหน่งเมียผู้ใหญ่บ้าน กว่าจะได้มาพักก็เมื่อชั่วโมงที่แล้ว จึงไม่อยากทำอาหารไปขายให้เหนื่อย แต่ถ้ามีคนอาสาก็ดีเหมือนกัน
“ไม่ ฉันจะไปเดินเล่นกับเพื่อน ไม่อยากเป็นแม่ค้าทั้งวันทั้งคืนหรอกนะ คืนนี้อาจกลับดึกหน่อยนะแม่ไม่ต้องรอ” โบกมือลาแล้วออกจากบ้านด้วยใบหน้าเบิกบาน นางทำได้แค่มองตามพลางบ่นไล่หลังจนสามีที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งถึงกับส่ายหน้าระอา
“เฮ้อ นังลูกคนนี้ไม่โตกับเขาสักที ไม่เคยทำให้แม่ไว้ใจได้เลย น่าจะเอาดีอย่างพี่สาวหน่อยก็ไม่ได้ แทนที่จะหางานหาการดีๆ ทำ แต่ละวันไม่เห็นจะทำอะไรสักอย่าง”
ไม่ได้ระอาลูกสาวหรอก แต่เริ่มเบื่อเมียตัวเองเนี่ยแหละ
“ไม่ทำอะไรล่ะแม่ งานบ้านกิ่งมันก็จัดการ งานร้านข้าวมันไก่ ไหนจะไปทำงานร้านตัวเองทั้งยังทำบัญชีอีก แม่อย่าไปคิดมากนักเลย ปล่อยมันไปมีความสุขบ้างเถอะ” พ่อพิมานเข้าข้างลูกสาวคนกลางแล้วยื่นขนมไปตรงหน้าภรรยา อย่างน้อยก็กินให้ใจร่มลงหน่อย
“แม่อยากให้มันรับราชการนี่นา” ยังคงยึดติดกับเรื่องนี้ไม่ปล่อยวางสักที
“กล้วยก็รับแล้วไม่ใช่หรือไง ยังจะไปเอาอะไรกับกิ่งอีกล่ะ” เอ่ยถึงลูกสาวคนโตที่เป็นครูตามคำขอของพ่อแม่
“โอ๊ย เข้าข้างกันดีเหลือเกิน ลูกรักพ่อมันนี่เนอะ!” เหลือบมองสามอย่างหมั่นไส้แล้วลุกออกจากห้องนั่งเล่น เหลือเพียงพ่อผู้ใหญ่ที่มองตามพลางทำหน้าสับสน
“อ้าว กูผิดซะงั้น”
ส่งข้อความไปชวนเขาออกมางานวัด ซึ่งภูมิรพีตอบตกลงจึงนัดกันตอนสองทุ่ม หล่อนเลือกไปรอเกือบชั่วโมง ชะเง้อหาอีกฝ่ายเมื่อถึงเวลานัด ก็พบร่างสูงในชุดไปรเวทที่ไม่เซ็ทผม หล่อเหลาจนไม่อาจละสายตาไปทางอื่นได้เลย
ร่างบางรีบโบกมือเรียกเสียงดัง กลัวว่าจะคลาดกันแล้วมีหญิงอื่นคว้าเขาไปซะก่อน
กว่าจะชวนชายหนุ่มมาด้วยกันได้ไม่ง่ายเลย เธอจะไม่ยอมปล่อยโอกาสอันดีงามให้หลุดมือเป็นอันขาด
“คุณอั๋นคะ! ทางนี้ค่ะ” นายอำเภอได้ยินเสียงเรียกก็รีบเดินเข้ามาหาเธอพร้อมยิ้มกว้าง ยังไม่ทันได้ทักทายเธอก็ถือวิสาสะคว้ามือเขามากุม พลางเดินผ่านผู้คนมายังร้านเครื่องดื่มทันที ดวงตาคมมองตามมือของหล่อนที่กอบกุมมือตนเอาไว้
เผลอยกยิ้มยามมองขนาด...
ไม่น่าเชื่อว่ามือเล็กจะกอบกุมมือเขาได้ เหมือนเด็กตัวน้อยกำลังจับมือของพี่ชายตัวโตเลย
“กรุ้งกริ้ง ทำไมชวนผมมาร้านยาดองล่ะครับ” เพียงแค่มองร้านตรงหน้าก็ต้องขมวดคิ้ว ซุ้มที่ทำได้ไม้ไผ่ตอกตรงกลางด้วยแผ่นไม้ขนาดใหญ่ ‘ยาดองเจ๊ไก่’
หากจำไม่ผิดน่าจะเป็นร้านที่กนกวดีบอกว่าจินลดาไปดื่มเป็นประจำ ไม่น่าเชื่อว่ามาขายในงานวัดด้วย ทั้งที่ควรเป็นเขตปลอดอบายมุข...
“อยากให้ลองชิมค่ะ เขาบอกว่าร้านนี้เด็ดมากเลยนะคะ คุณอั๋นต้องได้ลองดูสักครั้ง” ปล่อยมือหนาแล้วจับจองที่นั่งซึ่งมีเพียงสามโต๊ะเท่านั้น หลายคนที่แวะเข้ามาก็ซื้อเป็นแก้วไปดื่ม แต่คนขายบอกว่าแอลกอฮอล์ไม่เยอะ แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ
ซึ่งเธอก็เตรียมเหล้ามาเองเพื่อผสมให้คนตรงหน้าดื่ม...
งานนี้เสร็จกรุ้งกริ้งแน่ท่านนายอำเภอ
“แต่ผมคออ่อนนะ ดื่มมากไม่ค่อยได้” ออกตัวทันทีซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับเธอ รีบพยักหน้าแล้วตะล่อมเขาอย่างใจดี
“สองสามแก้วพอค่ะ แล้วเราค่อยไปเดินรอบงานวัด” พอฟังอย่างนั้นเขาก็ค่อยสบายใจ ยอมพยักหน้าแล้วดื่มเป็นเพื่อนหล่อน ไม่คิดเหมือนกันว่าตนได้ลองอะไรแบบนี้
“ครับ ลองดูก็ได้...ไม่น่าจะเมามากหรอก” ยิ้มให้กนกวดีโดยไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังเดินลงสู่หลุมพรางที่ฝ่ายหญิงเตรียมไว้ดัก
ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า...