๒ ตบมือข้างเดียวมาตลอด (๒)
ลับหลังสร้อยบุษบา เธอก็ย่อกายลงเพื่อให้มองสิงห์ได้ง่าย เห็นตั้งแต่ยังตัวแบเบาะไม่คิดว่าจะโตเร็วขนาดนี้ ดวงหน้าหวานแย้มยิ้มอย่างใจดีขณะมองอีกฝ่าย เอ่ยทักทายเป็นกันเองด้วยความเอ็นดูที่น้องมองหล่อนตาแป๋ว
“ไงสิงห์ อยู่ป.ไหนแล้ว”
“ป.4 แล้วพี่กิ่ง” ชูสี่นิ้วให้หล่อนขณะอธิบาย หน้าตาน่าเอ็นดูผิดกับพี่ชายที่เป็นตัวแสบ ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นถึงความแตกต่างของสองพี่น้อง
มั่นใจแล้วล่ะว่าเสือต้องเป็นลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยงอย่างแน่นอน
“เรียนยากไหม”
“ไม่ยาก พี่เสือสอนการบ้านทุกวันง่ายมากเลย” ได้ยินชื่อบุคคลที่สามก็ทำให้เธอต้องถอนหายใจหนัก ส่ายศีรษะแล้วเริ่มใส่ไฟทันทีแม้รู้ว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดีแต่ก็อดไม่ได้นี่น่า
“เหอะ อย่าไปเชื่อให้มากพี่ชายเราน่ะ ทำเป็นเก่งไปงั้นแหละความจริงกว่าจะอ่านหนังสือออกก็จะจบป.6 อยู่แล้ว” ไม่ทันได้ดูว่ามีคนเดินผ่านซุ้มหน้าบ้านเข้ามา ทันได้ยินสิ่งที่หล่อนพูดชัดเต็มสองหู ใบหน้าคมจึงบึ้งตึง
เธอนั่งหันหลังให้เขาจึงไม่รู้ว่าเจ้าของชื่อยืนอยู่ด้านหลัง แต่สิงห์ก็เหลือบมองพี่ชายแล้วเงียบ ร่างบางจึงเริ่มเอะใจค่อยเหลียวหลังมามอง พบเสือยืนเป็นยักปักหลั่นมองหล่อนด้วยแววตาอาฆาตจนต้องรีบลุกมาเผชิญหน้า
เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยไม่ยอมทำตัวเป็นคนผิดทั้งที่ตนเองผิดเต็มๆ
“อะไร จะนินทาฉันช่วยให้ข้อมูลที่ใกล้กับความจริงด้วย ให้เกียรติอันดับสามที่ฉันได้ตลอดหกปีตอนเรียนประถมหน่อย ฉันไม่ใช่เธอที่จองตำแหน่งรองบ๊วยตั้งแต่ป.1ถึงป.6หรอกนะ” ได้ทีก็ตอกย้ำความจริงให้คนที่ไม่ค่อยสนใจการเรียนช่วงประถม เพิ่งมาเร่งขยันศึกษาตอนมัธยมจนพอเชิดหน้าชูตากับเขาได้บ้าง
“ไอ้เสือ!” ตะโกนเสียงดังพร้อมกำหมัดแน่นอย่างแค้นเคือง ดวงตาปิดไม่มิดว่าเกลียดชายหนุ่มมากเพียงใด
“ทำไมยัยกิ่งก้านใบ มีปัญหาเหรอ” เธอเกลียดที่อีกฝ่ายตั้งฉายเหมือนตนเป็นต้นไม้ อีกเหตุผลที่เปลี่ยนชื่อก็เพราะคนตรงหน้าเนี่ยแหละ
เธอไม่อยากเป็นกิ่งก้านใบสักหน่อย!
“ไอ้ปากเสีย”
“โธ่ ด่าคนอื่นไม่ดูตัวเอง ทีเธอล่ะ ชอบนินทาชาวบ้านชาวช่องเขาไปทั่ว สักวันจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเอง” แสยะยิ้มมุมปากขณะมองคนตรงหน้า ร่างบางถึงกับอ้าปากพะงาบ อยากด่าชายหนุ่มแต่คิดคำไม่ออก กำลังอึ้งที่ตนโดนต้อนจนมุม
“ไอ้ ไอ้...” เสือเลิกคิ้วหลิ่วตา รอฟังคำด่าเหมือนกำลังรอรับพรยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้กนกวดีมากกว่าเดิม
ยังดีที่สร้อยบุษบาเข้ามาห้ามทัพด้วยการนำของหวานที่เพิ่งทำเสร็จส่งให้แก่ลูกสาวเพื่อนสนิท เกรงว่าถ้าช้ากว่านี้อาจมีการวางมวยของคู่อริที่ไม่ถูกกัน เพราะหล่อนก็จ้องเขาตาวาวอย่างหาเรื่อง ชายหนุ่มเองก็ไม่แพ้กันเลยสักนิด
ขิงก็รา ข่าก็แรง...ไม่มีใครยอมลงให้ใครเลย
“เสร็จพอดีเลย นี่จ้ะ น้าฝากกล้วยบวชชีไปให้แม่เราด้วยนะ แลกกับต้มไก่ที่อุตส่าห์เอามาให้ซะเยอะ” ยื่นของหวานที่ตักใส่ถุงกันร้อนให้หญิงสาว ใบหน้าของท่านแย้มยิ้มเต็มไปด้วยความใจดีผิดกับลูกชาย
กนกวดีกล้ำกลืนฝืนทนความโมโห แม้ใบหน้าจะแดงก่ำควันแทบออกจากหูตลอดเวลาก็ตาม ยังหันไปรับของแล้วยกมือไหว้น้าสร้อยที่ตนเคารพ
“ค่ะน้าสร้อย หนูไปนะคะ สวัสดีค่ะ” ไม่แม้แต่จะมองหน้าเสือซึ่งกอดไหลน้องชายตัวเล็กเอาไว้ เขายิ้มเยาะที่เห็นเธอไม่อาจโต้แย้งชนะ สงสัยคงโกรธจนจุกอก กลัวว่ามันจะระเบิดออกมาน่ะสิ จึงทำเพียงมองตามแล้วส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมารดาตีเข้าที่ไหล่ ยังดีที่แม่สร้อยไม่ได้ใช้แรงมากนัก ทำเพียงส่งสายตาปรามบุตรชายแล้วถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงหลานสาว
“ไงเรา ไปพูดอะไรกับเพื่อน ดูสิเขาทำหน้างอเชียว ปากเรานี่นะเสือ แม่บอกแล้วให้พูดกับหนูกิ่งดีๆ หน่อย ยังชอบชวนทะเลาะอยู่นั่น” รู้ว่าลูกของตนปากดีแค่ไหน เจอกันทีไรเป็นต้องได้ปะทะฝีปากกันตลอดไม่เคยญาติดีกันได้เลย ทั้งที่เธอและมณีวรรณเป็นเพื่อนรัก
แต่ทั้งสามีและลูกกลับเป็นคู่แค้นกันซะอย่างนั้น
“ก็ยัยกิ่งใส่ร้ายผมก่อน มีที่ไหนบอกว่าผมอ่านหนังสือออกตอนป.6 บ้าหรือเปล่า คนอะไรโง่ขนาดนั้น มันเรื่องของตัวเองยังเอามาโบ้ยคนอื่นอีก ใครได้เป็นเมียซวยทั้งชาติบอกเลย เหมือนตกนรกน่ะแม่” แค่คิดก็นึกสงสารชายผู้นั้นแล้ว ยังจำได้ว่าหญิงสาวอ่านหนังสือผิดๆ ถูกๆ ให้เขาได้เอามาล้อตลอด
พอมาตอนนี้ดันใส่ร้ายคนอย่างไอ้เสือที่เรียนเก่งจนครูต่างเอ่ยชม แถมยังพูดต่อหน้าน้องชายของเขาอีก มีหรือที่จะยอมอยู่เฉย
เดี๋ยวสิงห์ก็ไม่เชิดชูพี่ชายอย่างเขาน่ะสิ
“เสือ! ปากไม่ดี หนูกิ่งออกจะน่ารัก ชอบช่วยเหลือ มีน้ำใจ ยิ้มแย้มก็เก่ง หน้าตาดีอีกต่างหาก...แบบนี้แหละที่แม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้” พูดชมกนกวดีให้ลูกชายฟังเผื่อจะคล้อยตามบ้าง แต่คนจิตใจมั่นคงก็ส่ายศีรษะจนแทบจะหลุดจากบ่า ไม่เห็นด้วยสักนิดกับคำพูดนั้น แถมยังโยนไปให้น้องชายวัยสิบขวบอีกต่างหาก
“เหอะๆ งั้นแม่ก็รอไอ้สิงห์มันโตก่อนแล้วกันค่อยใช้มันไปจีบยัยนั่น กว่าจะถึงตอนนั้นยัยกิ่งคงแก่หงำเหงือกไม่มีใครเอาหรอก สบายใจได้ยังไงลูกชายคนเล็กแม่ก็จีบติด” พูดจบก็ขึ้นบนบ้านเพื่อไปล้างไม้ล้างมือรอรับประทานอาหารเย็น ปล่อยแม่สร้อยมองตามแล้วเรียกเสียงดัง แต่คนตัวสูงก็ไม่ยอมเหลียวมามองท่าน
“เอ๊ะเสือ!”
“สิงห์ไม่เอานะแม่ ไม่อยากได้คนแก่” สิงห์รีบคว้าแขนแม่แล้วส่ายศีรษะเมื่อได้ยินพี่ชายบอกอย่างนั้น สร้อยบุษบาจึงพาลูกชายคนเล็กเข้าบ้านทันทีพร้อมรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เรานี่ก็แก่แดด ไปๆ เข้าบ้านจะได้กินข้าวเย็นสักที” ความหวังที่จะได้กนกวดีเป็นสะใภ้เริ่มเลือนรางเต็มทน
ถ้าแต่งงานกันไปคงเหมือนหนูกับแมว วิ่งไล่กัดกันทั้งวันแน่นอน
ช่วงเที่ยงของทุกวันเจ้าของร้านถ่ายเอกสารมักส่องกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อย เติมสีปากให้สว่างชัดเจนแล้วค่อยถือถุงอาหารร้านแม่วรรณเพื่อไปส่งยังที่ว่าการอำเภอ ฮัมเพลงไปตลอดทางอย่างมีความสุข แย้มยิ้มทักทายคนรู้จักไม่ขาดสาย
คาดว่าหากเธอลงสมัครสส.ก็คงได้ตำแหน่งไม่ยาก คนรู้จักเต็มไปหมด...
ก้าวเข้ามาในตึกสองชั้นซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ตรงไปยังชั้นสองทันทีจุดหมายคือห้องทำงานของนายอำเภอ หล่อนทักทายปลัดที่นั่งหน้าห้องอย่างเป็นกันเอง เคาะประตูสองครั้งก็ได้ยินเสียงเข้มที่เอ่ยอนุญาตจึงได้ผลักประตูเข้ามา
“คุณอั๋นคะ กริ้งเอาข้าวเที่ยงมาส่งค่ะ วันนี้นออกจากข้าวมันไก่...” วันนี้เธอมาช้ากว่าปกติ ยิ้มกว้างแล้วเอ่ยทักทายเขาก่อนเสียงหวานจะขาดหายเมื่อดวงตาเหลือบมองไปยังโต๊ะอาหารที่มีปิ่นโตวางเต็มไปหมด
ภูมิรพีไม่น่าจะห่อข้าวมากินเอง...
“เอ่อ ผมขอบคุณมากนะครับ แต่ แต่ว่าอาหารเที่ยงวันนี้ค่อนข้างเยอะหน่อย กริ้งสนใจกินข้าวด้วยกันไหม” ท่านนายอำเภอลุกยืนเพื่อต้อนรับ เขาผายมือไปยังอาหารมากมายซึ่งมีคนนำมาฝากตั้งแต่ยังไม่เที่ยงด้วยซ้ำ
“สองคนเหรอคะ!” ตื่นเต้นจนเผลอยิ้มกว้างไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเอง