๑ ตกหลุมรักขึ้นไม่ไหว (๒)
“แม่! ขนลุกเลย ไอ้เสือเนี่ยนะเหมาะ แหวะ เป็นแค่เจ้าของร้านซ่อมรถซอมซ่อ ฉันไม่เอามาทำผัวหรอก เกลียดขี้หน้ามันจะตาย ทำเหมือนตัวเองหล่อ อวดเบ่งไปวันๆ หน้าตาแค่พอไปวัดไปวา บรื้อ แค่พูดถึงก็อยากจะอาเจียนแล้ว” แทบทิ้งอาหารตรงหน้าด้วยซ้ำ
เสือ ก้องคำราม เพื่อนที่เรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงชั้นประถม ก่อนที่อีกฝ่ายจะสอบเข้าโรงเรียนอันดับหนึ่งของจังหวัดได้จึงย้ายไปเรียนในตัวจังหวัด ส่วนเธอก็เรียนที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ หายใจหายคอได้บ้างไม่ต้องคอยระแวงว่าจะโดนแกล้งอะไรอีก
เห็นว่าอีกฝ่ายเข้าทำงานบริษัทใหญ่โต แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรังที่บ้านเกิด เปิดร้านซ่อมรถเล็กๆ ที่เป็นเหมือนแหล่งรวมพวกนักแว๊นสร้างความรำคาญให้คนทั้งหมู่บ้าน แค่คิดก็ต้องส่ายศีรษะ คิดไว้แล้วว่าสามีในอนาคตจะต้องดูสุภาพเรียบร้อย เป็นผู้ดีเท่านั้น
ไม่ใช่ดูถ่อยสถุนเหมือนไอ้เสือ!
“คนนี้พ่อไม่เห็นด้วย ดีแล้วที่ลูกไม่ชอบ กินข้าวนะคนสวยของพ่อ กินเยอะๆ” พ่อพิมานเห็นด้วยทันที ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเสือ แต่ไม่ถูกกับพ่อของอีกฝ่ายที่มาแย่งตำแหน่งกำนันที่ใฝ่ฝันไปต่างหาก
ผิดจากแม่วรรณที่สนิทกับเมียของกำนันเนื่องจากเรียนด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไปมาหาสู่ประจำถึงผัวและลูกจะไม่ถูกกันก็ตาม
“จ้ะพ่อ” สองพ่อลูกเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเมื่อพูดถึงคนบ้านก้องคำราม ทำเอาคนเป็นแม่ต้องส่ายศีรษะระอาแล้วรับประทานอาหารอย่างเดียว ไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ดองกับเพื่อนสนิท ทั้งที่อุตส่าห์สัญญาว่าถ้ามีลูกอยากให้แต่งงานกันแท้ๆ
แต่ต้องเอาความรู้สึกเด็กทั้งสองเป็นที่ตั้ง...
วันประชุมผู้ใหญ่บ้านมาถึง พ่อพิมานแต่งตัวด้วยชุดสีกากีแต่เช้าเพื่อเข้ามาในตัวอำเภอพร้อมภรรยาที่ต้องไปเปิดร้านเช่นเดียวกัน คราวนี้ลูกสาวเป็นคนขับรถมาส่งแม่แล้วค่อยวนไปส่งพ่อ ส่วนตนก็นำรถมาจอดไว้ข้างร้าน เพื่อที่ตอนเย็นจะได้กลับพร้อมกันเพราะอย่างไรพ่อผู้ใหญ่ก็ต้องมาช่วยเมียขายข้าวมันไก่อยู่แล้ว
ประชุมแค่ครึ่งวันเพื่อรับรู้ปัญหาในแต่ละหมู่บ้าน พร้อมกับมีโครงการใหม่ที่ต้องคัดเลือกบ้านสวยเมืองสุขเพื่อไปประกวดระดับจังหวัดแข่งกับอีกหลายอำเภอ
กว่าจะพูดคุยกันเสร็จก็ถึงเวลาเที่ยงวัน จึงพากันออกจากหอประชุมใหญ่ด้วยใบหน้าอิดโรย หลายคนจับกลุ่มเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับลูกบ้านของตัวเอง ส่วนพ่อพิมานเห็นลูกสาวเดินส่งยิ้มมาแต่ไกลจึงรีบทักทาย
“ร้อยวันพันปีไม่เห็นโผล่มาหาพ่อ ทำไมวันนี้มาได้ล่ะ” การเป็นผู้ใหญ่บ้านของตนไม่ใคร่จะถูกใจลูกสาวนัก เพราะอีกฝ่ายบอกว่างานหนักและต้องเข้าไปไกล่เกลี่ยให้ชาวบ้าน ไหนจะต้องรับผิดชอบงานอีกหลายอย่างอีก
เธออยากให้พ่อตีไก่หรือช่วยแม่ขายของในแต่ละวันมากกว่า
“เอาข้าวมาส่งคุณอั๋น” ชูถุงอาหารที่เตรียมมาจากร้าน คนเป็นพ่อที่คิดว่าลูกมาหาตนก็ยิ้มเจื่อน
ที่แท้ก็มาหาผู้ชายนี่เอง...ลูกหนอลูก
“นายอำเภอเหรอ”
“ใช่” พยักหน้าไม่มีการโกหก เธอกวาดสายตาผ่านผู้คนเพื่อมองหาหนุ่มในดวงใจของตัวเอง ถึงมารดาสั่งห้ามแต่มีหรือที่คนอย่างกนกวดีจะเชื่อ เรื่องแบบนี้ต้องลุยให้สุดอย่าไปหยุดเพียงเพราะผู้ใหญ่บอก
“แม่รู้หรือเปล่า” รีบถามทันที
“ไม่รู้สิ ถ้ารู้หนูจะมาได้ยังไงล่ะ...นายไปไหนเหรอพ่อ” แม่วรรณห้ามเสียงแข็งขนาดนั้น ลูกสาวคงทำได้แค่แอบจีบลับหลัง ค่อยบอกท่านตอนตกลงเป็นแฟนกันเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานแน่นอนเพราะคนสวยอย่างเธอใครบ้างจะต้านทานไหว
ยิ้มกระหย่องอยู่ในใจแล้วมองหานายอำเภอ ภูมิรพี ธนบดีคือชื่อของเขา แค่อ่านนามสกุลก็ใจสั่นอยากขอร่วมใช้ด้วยแล้ว
กนกวดี ธนบดี...เข้ากันเป็นอย่างมาก!
“อยู่นั่นไง คุยกับลุงป้างอยู่เห็นหรือเปล่า คนนี้เอาจริงแน่เหรอลูก...พ่อว่าพวกใส่ชุดกากีไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ เจ้าชู้ประตูดิน” เตือนตามความคิดของตัวเอง กลัวลูกสาวจะน้ำตาเช็ดหัวเข่าซะก่อน ท่านไม่อยากเห็นอีกฝ่ายร้องไห้เพราะผิดหวังในความรัก
“หนูเอาอยู่น่า พ่อไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ขอแค่ตอนนี้จีบติดก็พอแล้ว หนูไปก่อนนะ” พอเห็นหน้าหนุ่มหล่อก็ไม่ได้สนใจบิดาอีก รีบบอกแล้วปลีกตัวออกไปหาเขาทันทีจนพ่อพิมานทำได้เพียงทอดถอนใจขณะมองตาม
เมื่อลูกชอบพ่อก็ต้องช่วยเต็มที่ อย่างน้อยก็เป็นถึงนายอำเภอตำแหน่งใหญ่โต ดีกว่าได้ดองกับบ้านก้องคำรามที่เมียเขาชอบ และเอ่ยทาบทามลูกชายบ้านนั้นให้ลูกสาวของบ่อยครั้งจนต้องห้ามตลอด
ใครจะอยากได้คนตระกูลนั้นมาเป็นลูกเขยกันล่ะ
“สวัสดีค่ะคุณอั๋น” รอจนเขาคุยเสร็จจึงรีบเข้าไปทักทาย ดวงหน้าหวานยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า ไม่มีท่าทีเขินอายนอกจากจะงัดเสน่ห์เพื่อมัดใจนายอำเภอ ส่องกระจกก่อนออกจากบ้านเชื่อว่าอย่างไรก็ต้องจับใจคนมอง
“อ้าว กรุ้งกริ้ง มาหาพ่อเหรอครับ” เพียงแค่เขาเรียกชื่อ ใจของเธอก็ล่องไปไกลเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ
“คุณอั๋นรู้ด้วยเหรอคะว่าพ่อกริ้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน!”
“ก็แม่วรรณเป็นภรรยาพ่อพิมานไม่ใช่เหรอครับ กรุ้งกริ้งเป็นลูกแม่วรรณก็ต้องเป็นลูกพ่อพิมานด้วยสิ ผมก็ประติดประต่อเก่งนะ” คนที่สำคัญตัวมากเกินไปถึงกับพยักหน้าแล้วยิ้มแหย่ หล่อนอุตส่าห์คิดฝันไปไกลว่าเขาศึกษาเรื่องของตน
แต่ไม่เป็นไร...ขอเพียงต่อจากนี้ชายหนุ่มสนใจเรื่องของเธอก็พอแล้ว
สืบจากคนใกล้ชิดรู้มาว่ามีหญิงสาวหลายคนหมายปองท่านนายอำเภอ ยิ่งรู้ว่าโสดหัวกระไดบ้านก็ไม่เคยแห้ง บรรดาหญิงสาวต่างหาข้ออ้างมาหากันจ้าละหวั่น ภูมิรพีแทบไม่มีเวลาส่วนตัวซะด้วยซ้ำ
“อ้อ ค่ะ...กริ้งเอาข้าวเที่ยงมาให้ค่ะ” ยื่นถุงอาหารที่แอบนำมาจากร้านของมารดาไปตรงหน้าเขา ได้รับรอยยิ้มจากคนตรงหน้าจนดวงตาคมหยีเล็ก เห็นแล้วให้ความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมากที่ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้
นอนคิดทั้งคืนว่าชอบเขาจริงหรือเปล่า คำตอบก็ค่อนข้างชัดเจนไม่ต้องทบทวนว่าตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าเต็มเปา
นอกจากตำแหน่งนายอำเภอ ยังมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาจนคนมองเหลียวหลัง ถ้าเธอได้ครอบครองสาวต้องอิจฉาทั้งอำเภอแน่
แค่คิดก็หุบยิ้มไม่ลงแล้ว...
“ผมว่าจะไปกินที่ร้านพอดีเลย ขอบคุณสำหรับอาหารเที่ยงมากนะครับ” รับมาถือไว้ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณ ซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันมาก กลับมีสาวหน้าตาดีอีกคนเข้ามาแทรก
ใบหน้าหวานที่ยิ้มแย้มกลับบึ้งตึงเมื่อพบคู่อริของตัวเองที่แข่งขันกันมาตั้งแต่เด็ก...จินตนา!
“ท่านนายอำเภอคะ! จินนี่เอาอาหารเที่ยงมาส่งค่ะ” ปิ่นโตขนาดสี่ชั้นยื่นไปตรงหน้าท่านนายอำเภอที่มีสีหน้าปั้นยาก เพราะเขาถือถุงอาหารของกนกวดีเอาไว้ด้วยจึงค่อนข้างเกรงใจ
“นังจิ้งหรีด” พึมพำเสียงเบาพลางทำแอบทำปากมุบมิบเมื่อได้ยินชื่อที่อีกฝ่ายเรียกตัวเอง
ใครบอกว่าเธอเปลี่ยนชื่อคนเดียว คนตรงหน้าก็เปลี่ยนเหมือนกันนั่นแหละ จินตนา อาจศรีหาญหรือจิ้งหรีด กลายเป็นจินลดา อาจศรีหาญหรือจินนี่
สาวบ้านนาเปลี่ยนเป็นสาวหวานทันที...