บทที่ 7
บาร์บาร่ามีความรู้สึกว่า ขณะนี้ ดวงตาสีน้ำตาลแกมทองอีกคู่หนึ่ง กําลังจับจ้องมองเธออย่างพินิจพิจารณา จึงรีบขัดขึ้น
“ทอดด์คะ...” เธอเรียกชื่อเขาไว้เป็นเชิงเตือน ไม่อยากจะให้ทอดด์เล่าถึงความรู้สึกของคนที่หัวใจกําลังสลายอยู่ในตอนนั้น ให้มารดาของเขาฟังโดยไม่ตั้งใจ เสียงที่เรียกชื่อนั้นทําให้ทอดด์ชะงักไปในทันที
“ไม่เช่นนั้นผมก็คงจะไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้หรอกครับ” เขาเปลี่ยนคําพูดที่ต้องการจะพูดเสีย
“ขอฉันดูแหวนหน่อยได้ไหมคะ” ลิเลียนเอ่ยปากออกมา และบาร์บาร่าก็ยื่นมือข้างที่สวมแหวนหมั้นไว้ให้เธอดู “แหม.....เพชรนี่น้ำงามจริง แล้วนี่ตั้งใจไว้ว่าจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ กําหนดวันกันหรือยัง”
“ยังเลยครับ ให้เวลาเราหน่อยสิครับ แม่” ทอดด์ล้อเลียนมารดาอย่างรักใคร่ “เราตกลงกันแล้วละครับว่าจะต้องหมั้นกันให้นานสักหน่อย แล้วก็จะต้องแต่งงานให้มันใหญ่ ๆ ไปเลย”
“อันที่จริง เมื่อมาถึงยุคสมัยนี้แล้ว ก็ไม่เห็นจําเป็นจะต้องเร่งรัดเรื่องการแต่งงานกันเลย” ไม่มีผู้ใดที่จะแปลความหมายในข้อความประโยคที่จ๊อคกล่าวออกมาให้ผิดไปได้ แต่กระนั้น ใบหน้าของบาร์บาร่าก็มีสีแดงเข้มขึ้น และทอดด์ก็ตวัดสายตามองหน้าพี่ชายอย่างเคร่งขรึม
ลิเลียนนั่นเองเป็นที่แก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
“นี่จ๊อค แม่คิดว่าแทนที่ลูกจะมานั่งเสียดสีถากถางอยู่อย่างนี้ ลูกควรจะทําตามอย่างทอดด์ได้แล้วนะ”
“ผมทําแน่ครับ” เขาพูด “แต่ผมว่าทอดด์เขาคงไม่อยากจะแบ่งคู่หมั้นมาให้ผมขอยืมแต่งงานด้วยหรอก” เขาตอบหน้าตาเฉย
ปฏิกิริยาต่อคําพูดประโยคนั้นของเขาบังเกิดขึ้นกับบาร์บาร่าทันที ท้องไส้ดูจะปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาของเขาในยามนี้เตือนใจให้เธอต้องนึกไปถึงอัญมณีสีส้มแกมทองอันสุกใสที่เรียกกันว่า “ไทเกอร์อายส์” จ๊อคนั้นมีความเป็นผู้ชายอยู่เต็มตัว และเธอก็เข้าไปติดอยู่ในสนามแม่เหล็กที่เขาส่งออกมาดึงดูดอยู่ ไร้พลังไร้อํานาจที่จะปฏิเสธความตื่นเต้น เขาชวนเชิญอยู่ตลอดเวลาด้วยการใช้เสน่ห์แห่งความเป็นชายหลอกล่อ
“แน่นอนที่สุดเจ.อาร์.ผมไม่มีวันที่จะแบ่งเธอให้กับพี่หรอก” ทอดด์แถลงความรู้สึกของตัวเอง มองเห็นคําพูดของจ๊อคว่าเป็นการพูดเล่นให้เห็นขันมากกว่า
“แน่นอนอย่างที่สุดทีเดียวเรอะ” เขาเลิกคิ้วสูงอย่างหยันเยาะน้องชาย “ว่าแต่ตอนนี้ กิจการทางโรงแรมเป็นยังไงบ้างล่ะ การประชุมของออสเตรเลียนเขาใช้โรงแรมของเราไม่ใช่หรือ” เขาเปลี่ยนไปพูดเรื่องงานอย่างไม่มีใครคาดคิด
“ครับ แล้วก็ยังมีนักทัศนาจรกับนักธุรกิจอีกกลุ่มหนึ่งด้วย” ทอดด์เล่าให้พี่ชายฟัง “แต่ส่วนใหญ่ก็คงจะเช็คเอ้าท์กันเช้าวันนี้แล้วละ”
ทอดด์อาจจะไม่ทันได้สังเกตเห็นบรรยากาศแห่งความตึงเครียดที่เกิดอยู่ระหว่างจ๊อคกับบาร์บาร่า แต่ลิเลียนสังเกตเห็นได้ด้วยสายตาของคนที่ผ่านโลกมามาก เธอหันไปมองบาร์บาร่าอย่างกังวลใจ มีความรู้สึกว่าลูกชายคนโตของเธอกําลังสร้างความหวั่นไหวให้เกิดกับคู่หมั้นของลูกชายคนเล็กอย่างมาก แม้จะไม่รู้ว่าสาเหตุนั้นเนื่องจากอะไรก็ตาม
“จ๊อค จะไม่ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนหรือลูก” ลิเลียนเอ่ยขึ้น
จ๊อคไม่ได้มีท่าว่าจะรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจกับเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยคราบไคลเท่าใดนัก และดูเหมือนสิ่งนั้นกลับจะช่วยส่งเสริมความเป็นคนเถื่อนของเขาให้หนักแน่นยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังลุกขึ้น เดินไปหยิบหมวกปีกกว้างที่ค้างอยู่บนเก้าอี้อีกตัวหนึ่งขึ้นมาถือไว้
“แล้วพบกัน” เขาเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง และบาร์บาร่าก็มีความรู้สึกคล้ายกับว่า เขาได้กล่าวคําพูดประโยคนั้นกับเธอเพียงผู้เดียว
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของเขาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน มันเป็นเสียงที่สม่ำเสมอไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด บาร์บาร่ารู้ดีว่า ขณะนี้ เขาเพียงแต่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น และเธอแทบจะไม่มีเวลาพอที่จะหาข้ออ้างอันจะช่วยให้ตัวเองปลอดภัยจากสถานการณ์อันล่อแหลมนี้ได้เลย
“เออ...ทอดด์เอาเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่ฉันปรุงไว้มาให้หรือเปล่าคะ” ลิเลียนเอ่ยถามขึ้น แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นแก้วเครื่องดื่มที่ละอองน้ำแข็งยังเกาะพราว ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างตัวบาร์บาร่า “อ๋อ...เอามาแล้วสินะ”
“อร่อยมากทีเดียวค่ะ” บาร์บาร่าเอื้อมไปหยิบแก้วขึ้นมาถือไว้ และจิบเครื่องดื่มต่อ “น้ำส้มนี่ใส่ส่วนผสมอะไรลงไปบ้างคะ”
“ก็มีน้ำส้มคั้นสด ๆ ไข่ไก่ แล้วก็น้ำผึ้งค่ะ รสชาติของมันดีกว่าเครื่องปรุงแต่ละอย่างที่นํามาผสมกันเข้ามากทีเดียว” สตรีสูงอายุหัวเราะเบา ๆ แต่ขณะนี้ บรรยากาศของการสนทนาดูดีขึ้นมาก หลังจากที่คุยกันต่อไปอีกครู่ใหญ่ลิเลียนก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะพาเธอไปดูห้องที่จะพักดีกว่านะบาร์บาร่า ตอนนี้ เธอก็คงอยากจะจัดเสื้อผ้าเข้าที่เข้าทางแล้วก็ล้างหน้าทาปากให้สดชื่นขึ้นมากกว่า”
“ใช่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” บาร์บาร่ารับสนองตอบในทันที อย่างน้อย เธอก็จะมีโอกาสอยู่ตามลําพังบ้างแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ยังดี
“ครับ”
ขณะที่ทอดด์เดินออกจากห้องไป บาร์บาร่าก็เดินตามลิเลียน เกย์เนอร์ ขึ้นบันไดไปชั้นบนของตัวบ้าน พื้นชั้นบนนั้นปูด้วยไม้สักที่ขัดไว้เป็นเงาระยับ ตัดกับสีขาวที่ฉาบผนังทุกด้านไว้ บันไดทรงโค้งนั้นมาสิ้นสุดลงตรงระเบียงด้านหน้าของห้องโถงขนาดใหญ่ ห้องนอนทุกห้องจะเปิดประตูออกมาสู่ห้องโถงนี้ ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในสมองของบาร์บาร่าก็คือห้องไหนกันแน่ที่เป็นห้องส่วนตัวของจ๊อคแต่เธอก็ยืนยันกับตัวเองว่า ที่คิดเช่นนั้น อาจจะเนื่องมาจากความรู้สึกที่ต้องการจะคุ้มครองตัวเองให้พ้นจากเงื้อมมือของเขามากกว่า
“ฉันคิดว่าเธอคงจะชอบห้องนี้นะคะ” เสียงลิเลียนเอ่ยขึ้นกับเธอ ขณะที่เดินตรงไปยังประตูห้องที่อยู่ทางด้านขวามือของบันได “ห้องนี้ โดยปรกติแล้วเราเก็บไว้สําหรับรับรองแขกพิเศษ ทั้งนี้เพราะ มีทั้งห้องน้ำ และระเบียงที่ยื่นออกไปอย่างเป็นส่วนตัวอยู่ สําหรับในโอกาสนี้เธอคือแขกพิเศษของเรานะ บาร์บาร่า”
“ขอบพระคุณอย่างที่สุดเลยค่ะ” หญิงสาวไม่อาจจะกล่าวคําพูดใดที่จะอธิบายความรู้สึกในใจได้มากกว่านั้น แต่ขณะเดียวกัน ก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า ถ้าลิเลียน เกย์เนอร์ได้รู้ว่าเธอนั้นมีความสัมพันธ์อยู่กับลูกชายคนหนึ่ง และกําลังหมั้นหมาย พร้อมที่จะแต่งงานกับลูกชายอีกคนหนึ่งแล้วเธอจะต้อนรับขับสู้ถึงขนาดนี้หรือไม่
สีที่นํามาใช้แต่งห้องนี้ มีส่วนผสมอยู่ระหว่างสีเขียวอมฟ้า กับสีขาว โดยเครื่องเรือนทุกชิ้นเป็นไม้สีดํา ซึ่งตัดกันอย่างงดงาม ก่อให้เกิดบรรยากาศที่เคร่งขรึมแกมสดใสอยู่ เครื่องเรือนแต่ละชิ้นนั้นจะถูกจัดไว้ตามตําแหน่งต่าง ๆ ตามสมควรและพองาม ทั้งนี้เพราะ เป็นเครื่องเรือนแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่ค่อนข้างจะทําให้ห้องดูมีบรรยากาศที่หนักอึ้งมากเกินไป และจะทําให้ความล้ำค่าตามธรรมชาติของมันต้องสูญเสียไปด้วย ผ้ากํามะหยี่สีเขียวอมฟ้าเข้มคลุมอยู่เหนือเตียงนอนแบบสี่เสา ซึ่งพนักเหนือหัวนอนเตียงนั้นแกะสลักเป็นลวดลายอ่อนหวาน และสีเดียวกันนั้นก็ยังถูกนํามาใช้กับพรมผืนสั้นที่ปูอยู่บนพื้นไม้สัก และเป็นผ้าคลุมพนักเก้าอี้นั่งเล่นด้วย มีประตูบานคู่อยู่สองประตู โดยที่ประตูหนึ่งนั้นเปิดเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้าขนาดใหญ่ กับอีกประตูหนึ่งที่เปิดเข้าไปสู่ห้องน้ำ ที่พื้นปูไว้ด้วยกระเบื้องโมเสก มีเครื่องสุขภัณฑ์ทันสมัยติดตั้งไว้ภายใน ส่วนที่เลยประตูกระจกเลื่อนออกไปนั้น คือระเบียงส่วนตัวของห้องนี้ สมบูรณ์แบบด้วยราวระเบียงที่เป็นเหล็กดัด และกับเก้าอี้สีสดที่ตั้งอยู่บนระเบียงนั้น
“ห้องนี้น่าอยู่มากทีเดียวค่ะ” บาร์บาร่ากล่าวอย่างจริงใจ
“ฉันดีใจค่ะ ที่เธอชอบ”
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาตามขั้นบันไดทําให้ลิเลียนหันไปมองทางประตูห้อง
“อ้อ...ทอดด์เอากระเป๋าเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาแล้ว ถ้าเช่นนั้น ฉันเห็นจะต้องขอตัวก่อน เธอจะได้มีเวลาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย”
ทอดด์สวนกับมารดาตรงหน้าประตูห้อง ในมือมีกระเป๋าเดินทางทั้งสามใบของบาร์บาร่าหิ้วเข้ามาด้วย
“คุณจะให้วางตรงไหนล่ะ”
“ตรงข้างเตียงดีกว่าค่ะ”
เมื่อมือเป็นอิสระ เขาก็เดินเข้ามาโอบร่างเธอไว้
“คุณชอบแม่ผมไหม”
“ท่านเหมือนคุณมากเลยนะคะ เพราะฉะนั้น มันก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะที่ฉันจะต้องรักท่านด้วย” บาร์บาร่ากล่าวอย่างเต็มใจ ลูบไล้ปลายนิ้วอยู่กับปกเสื้อของเขา สายตาจับอยู่กับปกเสื้อนั้น มากกว่าจะอยากเงยขึ้นมองหน้าทอดด์
และดูเหมือนเขาเองก็จะสัมผัสกับความห่างเหิน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตใจของเธออยู่ ทอดด์จึงใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้น แววตาบอกความห่วงใยในความรู้สึกของเธออยู่ไม่น้อยเลย
“เป็นอะไรไป บาร์บาร่า มีอะไรผิดปรกติเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอยืนยัน แต่กระนั้น ก็ไม่สามารถจะขจัดความเย็นชาออกไปจากน้ำเสียงได้ เธอเพียงแต่ไม่รู้สึกอบอุ่นในวงแขนของทอดด์อีกต่อไปเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อเขาไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องจ๊อคเช่นนี้
“เพราะเจ.อาร์.ใช่ไหมนี่” ทอดด์อ่านความคิดในใจเธอได้อย่างง่ายดาย “ผมไม่อยากจะคิดว่าคุณยังรู้สึกเสียใจกับการที่เขาล่วงเกินคุณตอนที่พบกันหรอกนะ ใช่ไหมที่จริงแล้ว คุณไม่ควรจะปล่อยให้เขาเข้ามารบกวนจิตใจคุณเลย”
“เอ๊ะ...ใครไปรบกวนจิตใจใครด้วยเรื่องอะไรไม่ทราบ” เสียงเยาะของจ๊อคดังมาจากประตูทางเข้า ซึ่งทําให้บาร์บาร่าต้องผละออกจากวงแขนของทอดด์ทันที ด้วยความตกใจแกมละอาย ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกําลังหัวเราะเยาะเธออยู่ ทั้งนี้เพราะ จ๊อครู้อยู่แก่ใจว่า เขารบกวนจิตใจของเธอด้วยเรื่องอะไร