บทย่อ
บาร์บาร่า ตกอยู่ในภาวะหัวใจแหลกสลายเพราะ จ๊อค มอลลี่ ทอดทิ้งเธอไป หาก ทอดด์ เกย์เนอร์ก็เข้ามากอบกู้หัวใจของเธอให้กลับคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะวางหัวใจไว้ในอุ้งมือของเขา เธอจึงรับหมั้นเขาในเวลาที่รวดเร็ว แล้วอะไรจะเกิดขึ้น... เมื่อเธอได้รู้ความจริงว่าจ๊อค คือพี่ชายของ ทอดด์ และประการสําคัญก็คือ...จ๊อคยังรักเธออยู่ !!! -------------------------------
บทที่ 1
ยานพาหนะที่สัญจรอยู่บนท้องถนนค่อยบางตาลง เมื่อหลุดพ้นตัวเมืองไมอามี่ออกมาทําให้ทอดด์ เกย์เนอร์ ซึ่งนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก บาร์บาร่าเลื่อนกายเข้าไปใกล้ และเขาก็โอบแขนลงรอบไหล่ รั้งร่างเธอเข้ามาแนบกาย ฝ่ามือลูบไล้อยู่กับกับปอยผมสีดําสลวยที่ตัดไว้เป็นทรงบ๊อบสั้น ๆ อย่างรักใคร่
เขาถอนสายตาจากเส้นทางหลวงเบื้องหน้า หันมามองศีรษะที่พิงอยู่กับช่วงไหล่ เอ่ยถามขึ้นว่า “เพลียหรือ”
“อือม์...” เธอทําเสียงปฏิเสธแผ่ว ๆ จากแผงขนตาที่กึ่งหลุบอยู่นั้น บาร์บาร่ามองเห็นแสงอาทิตย์ในยามบ่ายสาดส่องฉาบผิวหน้าของทะเลสาบโอคีโชบีอยู่ และทําให้พื้นน้ำนั้นดูราวกับทองคําที่กําลังหลอมละลาย
“ตื่นเต้นหรือเปล่า” ทอดด์จุมพิตเบา ๆ ลงบนเรือนผม
“นิดหน่อยค่ะ” เธอยอมรับตามตรง แต่ที่จริงบาร์บาร่าก็มองไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องรู้สึกตื่นเต้นเลย ทอดด์นั้นเปรียบประหนึ่งภูผา คราใดก็ตามที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดเขา เธอจะต้องรู้สึกปลอดภัยเหมือนได้รับการคุ้มครองป้องกันอย่างดีเสมอ ไม่ได้มีสภาพเหมือนเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายแห่งการเสี่ยง ไม่รู้ว่าจะหล่นโครมลงมาเมื่อไร พลัง ของเขาทําให้เธอบังเกิดความกล้าหาญ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ทุกอย่าง แม้ว่ามันจะเป็นอะไรบางอย่างที่มีศักยภาพอันรุนแรง เช่นการพบกับครอบครัวของเขาเป็นต้น
“มีความสุขหรือเปล่า” เป็นครู่ ที่น้ำเสียงทุ้ม ๆ นุ่มนวลนั้นทําให้หัวใจของเธอประหวัดไปถึงน้ำเสียงของบุรุษอีกผู้หนึ่ง บาร์บาร่ารีบเบียดกายเข้าไปชิดทอดด์ไว้ พยายามปัดความคิดนั้นออกไปให้พ้นจากสมอง
“ค่ะ” รู้สึกเหมือนว่าเธอออกจะตอบคําถามเขาเร็วไปหน่อย อาจจะเป็นเพราะความตั้งใจที่จะขับไล่ความทรงจำอันไม่พึงปรารถนาให้พ้นไปจากใจโดยเร็วที่สุดก็เป็นได้
“ผมเองก็กําลังมีความสุขนะ...อย่างที่สุดเลยด้วย”
“จริงหรือคะ” ร่างของเธออบอุ่นในวงแขนของเขามันเป็นการง่ายสําหรับบาร์บาร่าที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับน้ำเสียงและความแจ่มใสใจเย็นของบุรุษผู้นี้
“ก็จริงนะสิ เวลานี้ผมกําลังมีความรักกับผู้หญิงคนหนึ่งรู้ไหมล่ะ.....ผู้หญิงคนนั้นน่ะมีผมดําสลวยเหมือนเส้นไหมแล้วก็มีดวงตาสีฟ้าใสน่ารักมากทีเดียว”
“ฉันหวังว่าเธอคงจะทําให้คุณมีความสุขได้มาก ๆ นะคะ” เธอเอื้อมมือไปยังแขนที่โอบอยู่กับช่วงไหล่สอดนิ้วเข้าประสานกับเขา น่าแปลกนักที่การกระทําเช่นนั้นทําให้เธออดที่จะหวนรําลึกไปถึงความหลังครั้งเก่าอีกไม่ได้ ครั้งกระนั้น มือของผู้ชายอีกคนหนึ่งก็ประสานอยู่กับอุ้งมือของเธอในลักษณะเดียวกันนี้ ความทรงจําดังกล่าวทําให้บาร์บาร่าตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมความรู้สึกของตัวเองไว้ได้
“เอ๊ะ...คุณหนาวหรือนี่” น้ำเสียงที่ถามบอกความอาทรอย่างลึกซึ้ง “ลดแอร์ลงอีกหน่อยดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันสบายดีไม่ได้เป็นอะไรหรอก” เธอยืนยัน เงยศีรษะที่พาดอยู่กับช่วงแขนขึ้นเล็กน้อย เพื่อที่จะได้มองหน้าเขาได้อย่างถนัด “บางครั้งนะคะ ฉันก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่า เคยได้รู้จักคุณมาตลอดชีวิต แทนที่จะเป็นเพียงแค่ช่วงเดือนสั้น ๆ อย่างนี้” น้ำเสียงของเธอแหบพร่าลงคล้ายกับว่า ความรานร้าวใจได้แทรกตัวเข้ามาอย่างที่เธอไม่อาจจะควบคุมมันไว้ได้ “ถ้าฉันได้พบคุณก่อนหน้านี้ก็คงจะดีหรอกนะคะ...อยากให้เป็นอย่างนั้นจัง”
เขาเหลือบตามองหน้าเธอแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเบือนกลับไปยังเส้นทางหลวง
“คุณอยากจะพูดถึงเขาหรือ” มันเป็นคําถามที่อ่อนโยน สุภาพ ไม่ได้คาดคั้นที่จะเอาคําตอบ แต่ก็คล้ายจะชวนเชิญให้เธอพูดออกมา ถ้าต้องการที่จะทําอย่างนั้นจริง ๆ
ความเงียบอันน่าอึดอัดใจบังเกิดขึ้น บาร์บาร่าไม่ได้รู้ตัวเลย ขณะที่ไล่สายตาไปตามเสี้ยวหน้าด้านข้างที่คมสัน ซึ่งเตือนใจให้ต้องคิดไปถึงจ๊อค ออกจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่โครงสร้างใบหน้าของบุรุษทั้งสองคนนี้ออกจะคล้ายคลึงกันมาก แต่มันก็ยุติอยู่แค่นั้น เรือนผมกับดวงตาของทอดด์นั้นเป็นสีน้ำตาล ไม่ได้เป็นประกายสีทองอย่างเช่นของใครอีกคนหนึ่งนั้น และแม้อายุจะสามสิบเอ็ดปีแล้ว แต่ทอดด์ก็ไม่ได้มีรอยยับย่นเกิดขึ้นตรงปลายหางตาและมุมปากเช่นจ๊อค ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ได้มีเสน่ห์อันรุนแรงเช่นผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่เคยทําให้บาร์บาร่าเคยถึงกับต้องกลั้นลมหายใจมาแล้วในครั้งแรกที่เธอได้พบกับจ๊อคบนชายหาด
มันทําให้เธอถึงกับต้องหลับตาลง เมื่อรําลึกไปถึงเรือนกายที่เปี่ยมไปด้วยพลังของชายชาตรี ยามที่แนบชิดกับเรือนกายของเธอ และฝ่ามือที่แฝงไว้ด้วยพลังแห่งความมั่นใจยามที่โลมไล้ลงบนเรือนร่าง
“ยังมีอะไรที่จะต้องพูดถึงอีกล่ะคะ” ความขมขื่นเจ็บช้ำที่บาร์บาร่าคิดว่าได้ซ่อนเร้นอย่างดีแล้ว ฉาบอยู่ในน้ำเสียง “เขาเขี่ยฉันทิ้งอย่างกับก้อนหินที่ไร้ค่าอย่างนั้น”
มันไม่ได้มีผลดีแต่อย่างใดที่จะอ้างว่า การกระทําของเขาทําให้เธอมีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิง ไร้ค่า และเธอก็พูดไม่ได้ด้วยว่า เขาไม่ได้ถือประโยชน์จากความเป็นผู้หญิงของเธอ ทั้งนี้เพราะ ความสัมพันธ์ดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเธอเอง ไม่เคยคิดฝันด้วยว่ามันจะจบลงในเวลาอันแสนสั้น เพียงไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น แต่สําหรับเธอแล้วมันมีความหมายอย่างเหลือที่จะกล่าวจริง ๆ
เสียงของเขายังก้องอยู่ในหู ยามที่กล่าวคําพูดซึ่งเธอได้ยินมาเมื่อหกเดือนก่อน
“ผมเป็นคนพูดเรื่องไร้สาระไม่เป็นหรอกนะ คนสวย เพราะฉะนั้น ก็อยากจะบอกกับคุณตรง ๆ เลยว่า ผมต้องการจะร่วมรักกับคุณ” คําพูดตรง ๆ ประโยคนั้นไม่ได้ทําให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองหรือไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย จ๊อค มอลลี่เพียงแต่พูดถึงสิ่งที่เธอเองก็กําลังคิดอยู่ในใจออกมาเท่านั้น ยามที่เขาเป็นหนึ่งมิตรชิดใกล้ของเธอ
“ฉันเคยเล่าให้คุณฟังหรือเปล่าคะว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยขอให้ฉันไปเยี่ยมบ้านของเขาด้วย ตอนที่เขาจะกลับ” มันเป็นคําถามสั้น และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ประหนึ่งจะเย้ยหยันตนเอง เธอได้ใช้ความคิดอย่างหนักกับข้อเสนอนั้นและรวมทั้งปฏิกิริยาของตนเองที่แสดงออกด้วย บาร์บาร่ายิ้มขื่น ๆ เมื่อพูดต่อว่า
“ตอนนั้น ฉันเกือบจะตกลงใจแล้วด้วยซ้ำ...อยากจะตามเขาไปเหมือนกัน...แต่ฉันก็อดจะเป็นห่วงเรื่องงาน กับเรื่องอพาร์ตเม้นท์ที่พักอยู่ไม่ได้ คุณลองคิดดูก็แล้วกันว่า ฉันจะต้องพบกับความยุ่งยากขนาดไหน ถ้าฉันเกิดตามเขาไปแล้วเขาเกิดความเบื่อหน่ายในตัวฉันขึ้นมา แล้วก็ทอดทิ้งฉัน ระหว่างที่นี่กับเท็กซัส หรือเมื่อไปถึงไร่ปศุสัตว์ของเขาแล้ว...ฉันหมายถึงว่าถ้าเขามีไร่อยู่ที่นั่นจริง ๆ น่ะค่ะ”
ในตอนนั้น เรื่องของรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับตัวเขาดูจะไม่ใช่เรื่องสลักสําคัญแต่อย่างใดเลย บาร์บาร่ามีความรู้เพียงแค่ว่า จ๊อคเดินทางมาพักผ่อนในไมอามี่ และบ้านพักชายหาดหลังที่เขาพักอยู่นั้น ก็เป็นบ้านของเพื่อนคนหนึ่ง ช่างเขลาเสียจริง ที่เธอไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขานั้น มันเป็นเพียงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น และมันจะต้องยุติลงทันทีที่เขาจากไป บาร์บาร่ามั่นใจอย่างที่สุดว่าความสัมพันธ์นั้นจะต้องยืนยง ไม่ได้คิดที่จะตั้งคําถามใด ๆ เอากับเขาทั้งสิ้นทั้งเขาและเธอดูจะไม่ใคร่สนใจในเรื่องการพูดคุยกันเท่าไรนัก
หลังจากที่เรื่องราวทั้งหลายแหล่ได้ยุติลงแล้วบาร์บาร่าก็รู้สึกยินดียิ่งนัก ที่เธอไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น มากไปกว่าการรู้จักชื่อ และกับความรู้ที่คลุมเครือเต็มทีว่า เขามีไร่ปศุสัตว์อยู่
“แต่คุณก็ไม่ได้ไปกับเขานี่” ทอดด์เอ่ยขึ้น อ้อมแขนรัดร่างเธอแน่นเข้าราวกับจะปลอบใจ
“ค่ะ” บาร์บาร่าระบายลมหายใจออกมาแรง ๆ “ทําไมฉันถึงจะต้องมาเล่าเรื่องพรรค์อย่างนี้ให้คุณฟังด้วยนะ”
“การสารภาพน่ะมันช่วยให้จิตวิญญาณของคนเราดีขึ้นนะ” เขาก้มลงยิ้มกว้างให้เธอ
“ฉัน.....ฉันไม่.....” เธอกระถดกายออกห่างจากวงแขนของเขา กลับไปนั่งอยู่ในที่นั่งเดิมของตน บาร์บาร่าไม่เคยคิดว่า เธอจะต้องเล่าเรื่องนี้ให้ทอดด์ฟังเลย อันที่จริงในตอนนี้ก็ใช่ว่าเขาจะตั้งคําถามเอากับเธอ เพียงแต่แสดงความเต็มใจที่จะรับฟังเท่านั้น และการที่เธอแสดงอาการปฏิเสธที่เปิดเผยให้เขาฟัง แต่ทอดด์ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้น บาร์บาร่าหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าจุดสูบ ระบายควันออกมาอย่างคนที่ใจคอไม่เป็นปรกติ
“ทําไมคะทอดด์ ทําไม คุณไม่เคยถามฉันเรื่องผู้ชายคนนั้นเลย คุณไม่ถามแม้แต่ชื่อของเขา หรือว่าเราพบกันได้ยังไง...หรือว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทําไมล่ะคะ” เธอปรายตามองหน้าเขาอย่างจะจับสังเกต แววคาดหวังฉายอยู่ในความลุ่มลึกของดวงตาคู่สีฟ้านั้น
“ก็เพราะผมรู้ว่า สักวันหนึ่งคุณจะต้องเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจผมมากพอที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังเองน่ะสิ” เขาตอบอย่างไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
“ฉันไว้วางใจคุณอย่างที่สุดเลยค่ะ” บาร์บาร่าก้มลงมองแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวที่สอดสวมอยู่ในนิ้วนางข้างซ้าย แหวนหมั้นวงนี้ คือเครื่องหมายแห่งความวางใจในตัวเขาอย่างแน่นอนที่สุด เท่ากับเธอได้ให้สัญญาแล้วว่าจะวางหัวใจไว้ในอุ้งมือคู่นี้ หัวใจที่แตกสลายตอนที่เธอได้พบกับทอดด์ แต่เขาคือผู้ที่กอบกู้หัวใจดวงนี้ให้กลับฟื้นคืนมีชีวิตขึ้นมาใหม่ เขาได้ให้เธอมาแล้วอย่างมากมายอย่างที่บาร์บาร่าไม่แน่ใจเลยว่า ในชีวิตนี้เธอจะมีทางชดใช้คืนได้หรือไม่ “คุณไม่รู้สึกอะไรเลยจริง ๆ น่ะหรือคะที่ได้รู้ว่าฉันยังมีใครอีกคนหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะได้พบคุณ”
“ไม่หรอก ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อายุล่วงมาจนถึงยี่สิบห้าปีได้ โดยที่หัวใจไม่เคยได้รับความเจ็บช้ำมาก่อน ซึ่งผมก็ยอมรับในเรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ผมพบกับคุณ” เขาเอื้อมมาจับมือเธอไว้