บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

มันเป็นสิ่งที่ทั้งเธอและจ๊อคได้ประจักษ์อยู่แก่ใจว่า เธอไม่ได้เล่าให้ทอดด์ฟัง ว่าเขานั่นเองคือผู้ชายคนที่เธอเคยมีความสัมพันธ์สวาทด้วย และได้เลิกร้างกันไปในที่สุด พร้อมด้วยหัวใจที่แหลกสลายยับเยินกลับมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องบาร์บาร่ารู้อยู่แก่ใจ และนี่เธอจะเก็บงําความลับเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ทอดด์รู้ไปได้อีกนานสักแค่ไหนกันเล่า จะอีกนานสักแค่ไหนกว่าที่จ๊อคจะเป็นผู้เล่าเรื่องนี้ให้น้องชายของเขาฟัง เขาคิดแบล๊คเมล์เธอหรือไม่หนอ และจะทําไปอีกนานสักแค่ไหน

“หน้าคุณซีดไปนะ บาร์บาร่า” เสียงจ๊อคเอ่ยขึ้น ราวจะตั้งข้อสังเกต ทั้งสีหน้าและแววตาที่คมปลาบราวดวงตาของสุนัขจิ้งจอกเป็นประกายขึ้นด้วยความกระหยิ่มใจ “เอ...นี่คุณจะอนุญาตให้ผมเรียกคุณว่าบาร์บาร่าได้ไหมนี่” เขายั่วเธอด้วยเรื่องของความลับที่รู้กันอยู่แค่สองคน ว่าก่อนหน้านั้น เขาเคยเรียกเธอด้วยสรรพนามต่าง ๆ มากมาย ขณะที่สัมพันธ์สวาทระหว่างเธอกับเขาดําเนินอยู่ด้วยความราบรื่นเมื่อหกเดือนก่อน “ทําไม คุณรู้สึกไม่สบายขึ้นมาอย่างนั้นหรือ”

“ฉัน... เอ้อ...” เธอกลืนกล้ำก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาตันอยู่ในลําคอลงไว้ “ฉันเพียงแต่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้นละค่ะ” เส้นประสาทดูจะปวดตุบ ๆ ขึ้นมาจริง ๆ “คงจะเป็นเพราะจากการเดินทางนั่นเอง ฉันมักจะเมารถเสมอเวลานั่งไปไหนมาไหนนาน ๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว”

“นั่งลงเสียก่อนเถอะ บาร์บาร่า” ทอดด์ประคองพาเธอไปยังโซฟา ซึ่งบนนั้นมีหมอนนุ่ม ๆ วางรายเรียงกันอยู่หลายใบ เมื่อเธอนั่งลงแล้ว เขาก็วางมือลงตรงช่วงไหล่บีบนวดกล้ามเนื้อที่ตึงตัวอยู่เบา ๆ “เส้นตึงเหลือเกินนี่ แข็งอย่างกับเส้นลวดแน่ะ”

“สงสัยจะประสาทเสียแล้ว” ภายใต้สายตาคู่คมปลาบที่คอยจับจ้องมองอยู่ในทุกอิริยาบถนั้น บาร์บาร่ารู้ดีว่าเธอไม่มีทางจะรู้สึกสบายใจขึ้นได้แน่ แต่เพื่อเห็นกับทอดด์ เธอก็จําเป็นที่จะต้องแสดงให้เขาเห็นว่า เธอไม่เป็นอะไรเลย

“อย่างนี้ก็ต้องนวดกันหน่อยสิ ทอดด์” เสียงจ๊อคเอ่ยขึ้น “คนที่เขานวดเก่ง ๆ น่ะ แก้เส้นสายตึงได้ชะงัดทีเดียวนะ” แม้น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นจะราบเรียบราวไร้ความรู้สึก แต่ดวงตาเป็นประกายอย่างมีเลศนัย

“เรื่องนวดนี่ รู้สึกว่าพี่มีฝีมือมากกว่าผมนะ” คําพูดของทอดด์คล้ายจะเป็นการเชื้อเชิญทางอ้อม โดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ

แต่บาร์บาร่ารีบร้องทักท้วงออกมาทันที เมื่อเห็นจ๊อคตั้งท่าจะขยับเท้าก้าวเดินเข้ามายังโซฟาตัวที่เธอนั่งอยู่

“ไม่เอา” เธอปฏิเสธออกไปอย่างลืมตัว แต่แล้วก็รีบอธิบายต่อว่า “ไม่จําเป็นอะไรหรอกค่ะ กินแอสไพรินเม็ดเดียวก็หายแล้ว”

“อ้าว...ทอดด์ ถ้างั้นก็ไปเอายามาให้เขาหน่อยสิ” จ๊อคหันไปสั่งน้องชาย

“ฉันมีอยู่ในกระเป๋าถือแล้วค่ะ” บาร์บาร่ารีบปิดทางที่เธอจะต้องถูกทิ้งให้อยู่ตามลําพังกับผู้ชายคนนั้นลงทันที รู้อยู่แก่ใจว่า ไม่ช้าก็เร็ว เธอจะต้องเผชิญหน้ากับเขา แต่จะต้องไม่ใช่ตอนนี้ เธอจะต้องปรับตัวปรับใจให้มีอํานาจเหนืออิทธิพลของเขาเสียก่อน เพียงแค่การที่เขามาจับตามองหน้าอยู่ในเวลานี้ มันก็เตือนใจให้รําลึกนึกถึงคืนวันเก่า ๆ ที่เกือบจะลืมไปแล้วขึ้นมาอีกจนได้

เมื่อจ๊อคส่งกระเป๋าถือที่ทําจากฟางมาให้นั้น เพียงแค่เห็นมือที่ยื่นส่งมาให้ บาร์บาร่าก็นึกถึงว่า มือนี้ได้เคยปลุกเร้าอารมณ์ของเธอให้กระเจิงมาแล้วด้วยความชํานิชํานาญเพียงไร

“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบเขาอย่างสุภาพ ก่อนที่จะเหลือบตาขึ้นมองหน้า

ริมฝีปากที่ได้รูปคู่นั้นจับความสนใจของเธอไว้ มันแฝงอยู่ด้วยอารมณ์เสน่หาและทําให้ต้องหวนคิดไปถึงเวลาที่มันโลมไล้ไปทั่ว ตามจุดพิเศษต่าง ๆ บนเรือนกาย ซึ่งสร้างความเสียวสะท้านให้บังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้น ทําให้บาร์บาร่าต้องรีบก้มลงมองหาขวดยาแอสไพรินในกระเป๋า

“ทําไม คุณหาของที่ต้องการไม่เจอหรอกเรอะ” เสียงเย้า ๆ ดังขึ้นอีก

ที่จริงแล้ว สิ่งที่เธอต้องการในยามนี้ ก็คือโพรงที่จะมุดเข้าไปซ่อนตัวอยู่ หรือไม่ก็อาจจะหาหนังสัตว์มาคลุมตัวสักผืน แต่สิ่งที่เธอพบจริง ๆ ก็คือขวดยาแอสไพรินนั่นเอง เมื่อเปิดจุกขวดออก บาร์บาร่าก็เทยาสองเม็ดออกใส่ฝ่ามือ และทอดด์ก็ส่งแก้วน้ำเย็นมาให้

“แม่ปรุงน้ำส้มมาให้ หรือว่าคุณจะเอาน้ำเย็นล่ะ” เขาถาม

“ไม่ต้องหรอกค่ะ นี่ดีแล้ว” เธอดื่มน้ำตามยาลงไป “แล้วตอนนี้ คุณแม่ท่านอยู่ที่ไหนล่ะคะ” ในสภาพที่ใจคอกําลังระส่ำระสายเช่นนี้ บาร์บาร่าได้ใช้นิ้วมือพันปลายผมอยู่อย่างใจลอย และเอื้อมไปหยิบกระเป๋าถือขึ้นมาอีกครั้ง

“แม่ขอเวลาล้างหน้าล้างตาสักประเดี๋ยวก่อนที่จะมาพบกับคุณ” ทอดด์ตอบ

บุหรี่มวนหนึ่งซึ่งจุดเรียบร้อยแล้วถูกยื่นมาให้ตรงหน้า ซึ่งก็พอดีกับที่บาร์บาร่าหาซองบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าตัวเองพบ เธอไม่จําเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้อยู่ว่าเป็นมือของใคร เพราะมันเป็นสีน้ำตาลคล้ำ มือที่เต็มไปด้วยความสามารถไม่ว่าจะจับต้องอะไรทั้งสิ้น

“มันจะได้ช่วยสงบประสาทคุณลงอีกหน่อยไงล่ะ” จ๊อคเอ่ยขึ้น

“ฉันมีของฉันแล้วละค่ะ” บาร์บาร่าปฏิเสธอย่างตั้งใจ ไม่สามารถจะสลัดการประชดประชันในหางเสียงลงได้

“มันก็ไอ้ตราเดียวกันนั่นละน่า” หางเสียงนั้นคล้ายจะต่อด้วยคําว่า “จําไม่ได้แล้วหรือ” อยู่ด้วย ซึ่งทําให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาอีก

“ขอบคุณค่ะ” เธอรับบุหรี่มาจากมือเขา ภาพในความทรงจําที่ผ่านเข้ามา ทําให้รู้สึกถึงริมฝีปากของเขาที่ได้ประทับรอยไว้ตรงฟิลเตอร์ขึ้นมาอีก ขณะที่ระบายควันออกมานั้น ดวงตาคู่สีฟ้าเข้มก็เหลือบขึ้นมองใบหน้าที่เป็นสีน้ำตาลคล้ำราวกับแกะสลักด้วยไม้สัก มันดูกร้าวกระด้างอย่างไรพิกล แต่แล้วก็ต้องรีบเบือนหลบ เมื่อเห็นเขาจดจ้องมองเรียวปากของเธออยู่

เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นห้องดังขึ้นเป็นจังหวะ ซึ่งบอกให้รู้ว่า มารดาของทอดด์กําลังเดินตรงมายังห้องที่นั่งรอกันอยู่ เป็นเหตุผลอันดี ที่บาร์บาร่าจะดับบุหรี่ลงในที่เขี่ย

“ขอโทษจ้ะ ที่ช้าไปหน่อย แหม...แต่ทอดด์ไม่ได้บอกให้รู้เนื้อรู้ตัวเลย” สตรีร่างระหง ใบหน้าสวยเก๋เดินเข้ามาในห้องรับแขก เรือนผมสีดํานั้น มีสีเทาแซมอยู่ปอยหนึ่ง ซึ่งทําให้น่าดูยิ่งขึ้น รอยยิ้มอบอุ่นและความสนใจทั้งมวลของเธอมุ่งไปที่บาร์บาร่าแต่ผู้เดียว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหวานนั้นกวาดไปทั้งร่าง แสดงความรู้สึกชื่นชมออกมาอย่างเปิดเผย “ตอนที่ทอดด์เขาบอกว่าเขาจะพาเพื่อนมาด้วยนั้น ฉันคิดว่า...แต่ก็ช่างเถอะ ไม่สําคัญแล้วว่า ตอนนั้น ฉันจะคิดว่ายังไง”

บาร์บาร่าผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่โดยอัตโนมัติ เมื่อสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้โดยมีทอดด์ยืนอยู่เคียงข้าง แต่จ๊อคกลับเอนร่างอยู่ในเก้าอี้ที่นั่งอย่างสบายอารมณ์ รอยยิ้มอย่างขบขันกระจายอยู่ทั้งในสีหน้าและแววตา และเขานั่นเองที่เป็นคนกล่าวคําแนะนําขึ้น

“แม่ครับรู้จักลูกสะใภ้ในอนาคตเสียสิ เขาชื่อบาร์บาร่า เฮย์เนส”

“สวัสดีค่ะ คุณนายเกย์เนอร์” น้ำเสียงที่กล่าวทักทายออกไปออกจะแข็ง ๆ อย่างไรพิกลอยู่ แต่ความจริงประการหนึ่งที่ว่า สตรีผู้นี้มีส่วนละม้ายแม้นทอดด์อย่างมากทําให้บาร์บาร่ารู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“เรียกฉันว่าลิเลียนดีกว่า” มารดาของทอดด์กล่าว “ต่อไปฉันจะได้เรียกเธอว่าบาร์บาร่าไงล่ะ เอาละ ขอต้อนรับสู่แซนโดวอลนะ”

“ขอบคุณค่ะ เป็นความกรุณาอย่างยิ่งที่คุณยินดีต้อนรับดิฉัน”

ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเป็นประกาย เมื่อเหลือบมองไปทางลูกชายคนเล็ก

“คู่หมั้นของลูกสวยมากจริง ๆ”

“อย่าทําเสียงแปลกใจอย่างนั้นสิครับ แม่” ทอดด์เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะสอดมือเข้าโอบสะเอวบาร์บาร่าไว้

“เธอต้องยกโทษให้ฉันนะ บาร์บาร่า ถ้าฉันจะยังพูดอะไรไม่ถูก ทั้งนี้เพราะ ว่าการหมั้นระหว่างเธอกับลูกชายฉันน่ะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่รวดเร็วแล้วก็น่าแปลกใจอย่างที่สุดทีเดียว ทอดด์ไม่เคยเล่าเรื่องเธอให้ฉันฟังเลย เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยไม่คิดว่าเขาจะลงเอยอย่างจริงจังกับผู้หญิงคนไหนได้”

เมื่อตระหนักว่า ทั้งลูกชายและคู่หมั้นต้องลุกขึ้นยืนเพราะตัวเอง ลิเลียนก็เอ่ยต่อขึ้นว่า

“เชิญ...เชิญนั่งสิคะ” เธอเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโซฟา “นี่เธอกับลูกชายฉันรู้จักกันมานานเท่าไรแล้วคะ แล้วพบกันได้ยังไงล่ะ”

“โอ้โฮ แม่ครับ” ทอดด์หัวเราะเบา ๆ กับคําถามของมารดา “ผมตอบแทนเองว่าเราบังเอิญเดินไปชนกันเข้าเมื่อสักเดือนหนึ่งมานี่เอง” ทอดด์ตอบ โอบแขนลงบนไหล่ของคู่หมั้น “ที่ผมพูดนี่หมายความตามตัวอักษรเลยนะครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนที่ผมกําลังถอยรถออกจากที่จอดในสนามบิน บาร์บาร่าเขาก็เดินมาชนรถผมเข้า”

“ตายจริง...แล้วได้รับบาดเจ็บอะไรบ้างหรือเปล่าคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“พอผมเห็นหน้าเขาเข้า ผมก็ยืนยันเลยว่าจะต้องพาเขากลับไปส่งบ้านให้” ทอดด์พูดพลางยักคิ้วหลิ่วตากับคู่หมั้น “หลังจากที่ยืนเถียงกันอยู่ตั้งนานแน่ะครับ เขาถึงยอม แล้วหลังจากนั้น ก็ยังอีกตั้งพักใหญ่ ๆ กว่าที่ผมจะเกลี้ยกล่อมให้เขาออกเดทกับผมได้ ตอนนั้น รู้สึกว่าทัศนคติของเขาที่มีต่อผู้ชาย มันไม่ใคร่จะดีเท่าไรนักหรอกครับไม่เช่นนั้น...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel