บทที่ 3
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก มีมีความโกรธแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเฟลชเชอร์ “ผมเองก็ไม่เข้าใจนะว่าคุณจะมาโวยวายเอาอะไรกับผม พอรู้ว่าผมจะเอาจอร์ดันน่ากับคิทไปกับผมทั้งสองคนตอนวันหยุดนี่ ก็คุณจะได้มีเวลาถึง 2 วัน ไว้สำเริงสำราญกับใครก็ได้ ที่มันเป็นชู้รายล่าสุดของคุณยังไงล่ะ..!”
“น่าสมเพทนะที่ฉันไม่ได้คิดเลยไปถึงเรื่องพรรค์นั้นเลย” โอลีเวียฝืนหัวเราะ แต่เป็นเสียงที่แปร่งปร่าอะไรเช่นนั้น..!
“ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะคิดยังไง ลีฟวี่” เขากระชากไหล่เธอเข้ามา อยากจะเขย่าให้สะใจ “ถึงยังไงคุณก็ยังเป็นเมียผมอยู่”
โอลีเวียยืนตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนนั้น แต่ไม่ได้แสดงท่าว่าจะต่อต้านกับการรุกรานด้วยความโกรธของเขา
“ฉันเลิกคิดที่จะรักคุณมานานแล้ว เฟลชเชอร์” เธอเบี่ยงตัวออกจกอ้อมแขนของเขาช้าๆ ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่เฟลชเชอร์ระงับอารมณ์ลงได้ โอลีเวียเป็นฝ่ายผละออกจากเขาเอง “เอาเถอะ สำหรับเรื่องจอร์ดันน่า เมื่อคุณจะเอาไปด้วยก็เอาไป ฉันจะใช้เวลา 2 วันนั้นอย่างที่ตัวองต้องการ..คุณเป็นฝ่ายชนะแล้วยังไงล่ะ เฟลชเชอร์ มันก็เหมือนกับทุกครั้งนั่นแหละที่คุณจะต้องเป็นฝ่ายชนะเสมอ..!”
“ผมให้สัญญากับคุณได้นะลีฟวี่ ว่าจอร์ดันน่าจะไม่ยิงสัตว์ตัวไหนทั้งสิ้น แกเพียงแค่ตามผมกับคิทไปเท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอก”
สาวน้อยจอร์ดันน่าได้รับคำตอบที่เธอต้องการแล้ว เธอจะได้ออกไปล่าสัตว์เช่นที่ต้องการในที่สุด แต่ไม่ได้เกิดความยินดีปรีดาในคำตอบที่ได้รับในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย มีแต่หยาดน้ำตาที่ไหลพรากลงอาบแก้ม รู้สึกปั่นป่วนมวนท้องขึ้นมาในทันทีทันใด ขณะคอยๆถอยออกจากห้องนั้น เดินกลับไปยังห้องส่วนตัว
แสงแรกของดวงอาทิตย์เริ่มสาดส่องผ่านแนวพุ่มพฤกษ์ลงสู่พื้นป่าเวอร์มอนท์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงัดเงียบ มีเพียงเสียงนกที่ขับขานอยู่บนยอดไม้ บุรุษหนึ่ง เด็กชายและเด็กหญิง ต่างปักหลักกันอยู่ใกล้กับต้นไม้ที่ขึ้นบนพื้นดินกลางป่า บุรุษนั้นนั่งนิ่งเงียบอยู่ในท่าคู้ตัว ปืนไรเฟิลกระหนาบอยู่ในอ้อมแขน ปากกระบอกเบนไปยังทิศทางที่ห่างจากตัวเด็กทั้งสอง เด็กชายนั่งอยู่ในท่าคุกเข่า ปืนไรเฟิลของตนวางพาดอยู่บนต้นไม้ เช้าวันนี้ คริสโตเฟอร์อยู่ในชุดล่าสัตว์ใหม่เอี่ยม กำลังจับตามองเส้นทางที่สัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กวางจะต้องเดินผ่าน ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่ซ่อนตัวกัน
ส่วนเด็กหญิงนั้น นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นดิน ซุกมืออยู่ในกระเป๋าเสื้อ ทียกปกสูงขึ้นมาถึงต้นคอ ผ้าพันคอไหมพรมสีขาวโพลนพันอยู่รอบศีรษะ ปิดบังเรือนผมสีแดงของเธอไว้เกือบหมดสิ้น และตลบชายผ้าทั้งสองข้างมาขมวดเป็นปมไว้ใต้คาง อากาศยามเช้าของฤดูใบไม้ร่วงนี้เยือกเย็นนัก แต่จอร์ดันน่าไม่กล้าแม้แต่จะปล่อยให้เนื้อตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ คำสั่งของพ่อเป็นสิ่งที่จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งเธอและคริสโตเฟอร์จะต้องไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว หรือทำให้เกิดเสียงดังใดๆทั้งสิ้น พ่อได้ออกสำรวจรอบบริเวณนี้ ก่อนหน้าที่ฤดูกาลล่าสัตว์จะเปิดขึ้นและได้ให้ความมั่นใจว่า กวางหางขาวจะต้องผ่านมาตรงจุดที่ซุ่มรอกันอยู่นี้แน่นอน
คิทค่อยๆลดตัวลงนั่งบนส้นเท้าอย่างระมัดระวังและเงียบกริบ เด็กหนุ่มปรายตาเป็นเชิงถามไปทางบิดาโดยไม่หันศีรษะไปมอง ความระวนกระวายใจกับการรอคอยปรากฏอยู่บนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เฟลชเชอร์ สมิทยิ้มอย่างมั่นใจแทนคำตอบให้ลูกชายและด้วยการเคลื่อนไหวเพียงดวงตา เขาได้ใช้สายตานั้นตอบคำถามด้วยการพยักหน้าเบาๆให้ลูกชายมองดูรอยเท้าสัตว์ตรงหน้า
จอร์ดันน่า ทันเห็นดวงตาของคิทที่เป็นประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น เธอจึงมองไปตามทิศทางที่คิทจับตาอยู่ แต่ก็ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น สาวน้อยเบิกตาโพลงคอยจับจ้องมองดูความเคลื่อนไหวที่กำลังจะเกิดจนกระบอกตาปวดร้าว และแล้วก็นึกถึงคำเตือนของบิดาที่บอกไว้ว่า..ให้เปลี่ยนเป้ามองไปรอบๆบ้าง..
ในวินาทีต่อมา เธอก็เริ่มจะมองเห็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นแวบหนึ่ง จึงตั้งสมาธิให้แน่วแน่จับตาอยู่เพียงจุดนั้น และทันใดก้มองเห็นตัวการที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวขึ้น มันเป็นกวางตัวเมียตัวเล็กๆน่ารักยิ่งนัก สูงไม่เกินบั้นเอวพ่อ
บนใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นทับถมกันอยู่บนพื้นดินจนเหมือนจะเป็นพรมผืนใหญ่ ภายใต้พุ่มไม้ที่ขึ้นอยู่ตามใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งจัดเป็นฉากกำบังอย่างดียิ่งนั้น แม่กวางไม่ได้ก่อให้เกิดเสียงแต่อย่างใดทั้งสิ้นขณะย่ำเท้าไปเรื่อยๆ ถัดจากแม่กวางตัวนั้นเป็นกวางตัวเมียอีก 2 ตัวและลูกกวางตัวเล็กๆ จอร์ดันน่าพยายามสะกดกลั้นไม่ยอมให้ตัวเองถอนหายใจออกมาดังๆ ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้นเหลือจะกล่าว แต่ไม่กล้าเปล่งเสียงใดๆออกมา
ประกายตาที่เต้นเร่าด้วยวามยินดีนั้นสบสายตากับผู้เป็นบิดา ซึ่งเขาก็หลิ่วตาตอบด้วยความเข้าใจกับความตื่นเต้นของลูกสาว ที่ได้เห็นสัตว์ป่าเหล่านั้นเดินผ่านหน้าไป เสียงถอนหายใจของคิทเหมือนจะเป็นเสียงสะท้อนก้องแห่งความตื่นเต้นในหัวใจไปด้วย เพียงแค่ภาพที่แลเห็นนี้ ก็มีคุณค่ามากพอที่จะขจัดความหนาวเย็นของอากาศ ความรู้สึกไม่สบายกายที่จะต้องมานั่งทรมานจนแทบจะเหน็บไปทั้งตัว
แม่กวางเหล่านั้นหายลับไปบนเส้นทางสัตว์ผ่านนั้นแล้ว และกำลังเดินไปตามเส้นทางที่สูงชันของภูเขา แม่กวางเหล่านั้นไม่ใช่เป้าที่จะล่าในครั้งนี้ สิ่งที่พวกเขากำลังรอคือ กวางตัวผู้ที่มีเขาสง่างามที่จะผ่านมาทางนี้มากกว่า..และแล้ว..ช่วงเวลาก็ค่อยๆผ่านไปจนถึงขณะหนึ่ง ที่ความตื่นเต้นอันพิเศษสุดได้บังเกิดขึ้น
เฟลชเชอร์วางมือลงบนไหล่ลูกชายเบาๆ ตรงจุดที่เมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนั้น บัดนี้ปรากฏร่างของกวางตัวผู้ตัวหนึ่งยืนสง่าอยู่ มันส่ายหัวไปมาคล้ายจะพิจารณาเส้นทางที่เพิ่งผ่านมา เงยจมูกขึ้นเพื่อสำรวจทิศทางและกลิ่นในสายลมอ่อน เฟลชเชอร์กระดิกนิ้วเป็นสัญญาณให้ลูกชายคอย จนกว่าเจ้ากวางตัวนั้นจะผ่านเข้ามาในวิถีกระสุน
หัวใจของจอร์ดันน่าเต้นรัวแรง จนเธอออกจะแน่ใจว่าเจ้ากวางผู้ตัวนั้นจะต้องได้ยินแน่ๆ หางสีขาวของมันสะท้านไหวขณะที่มันเดินล้ำออกมาข้างหน้า..ลักษณะท่าทางของมัน ช่างองอาจผึ่งผายและสง่างามยิ่งนัก ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยการระวังไพร ฝีเท้าที่เหยียบย่างลงบนพื้นหญ้านั้น ไม่ได้ทำให้ใบไม้แต่ละใบกระดิกขึ้นเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเจ้ากวางตัวนั้นผ่านเข้ามาในวิถีกระสุน มือที่เกาะอยู่บนไหล่คิทก็กระชับแน่นเข้า ในนาทีนั้นคิทก็นึกถึงสิ่งที่ซักซ้อมกันไว้ขึ้นมาได้ มือที่กระชับอยู่กับไกปืนกระดิกนิ้วลั่นไกออกไปทันที เสียงปืนระเบิดเปรี้ยงขึ้น เจ้ากวางตัวนั้นถลาแล่นเข้าไปในพุ่มพฤกษ์ทันทีพร้อมกันกับที่คิทกระโดดขึ้นยืน
“ผมยิงมันถูก..ผมยิงถูกมันใช่ไหมครับพ่อ?” เสียงถามที่แสดงความมั่นใจในตอนแรกดูจะคลายความมั่นใจลงในคำถามหลัง บัดนี้ เจ้ากวางเคราะห์ร้ายตัวนั้นหายลับไปจากสายตาแล้ว
“ลูกยิงถูกแล้ว” เฟลชเชอร์ให้ความมั่นใจกับลูกชาย “แต่คงจะต้องยิงซ้ำอีกนัด เพราะไปยิงถูกตรงท้องมันเข้า”
“หนูก็มองอยู่ตลอดเวลาเลยนะคะพ่อแต่ไม่ทันเห็นเลย พ่อรู้ได้ยังไงคะว่าคิทยิงถูกมันตรงไหน?”
“ก็ฟังจากเสียงลูกปืนเวลาเข้าเป้าน่ะสิ” เฟลชเชอร์ตอบตอบเป็นเชิงอธิบาย “มันจะมีเสียงไม่เหมือนกัน เวลาที่เราถูกส่วนต่างๆของร่างกายมัน อีกไม่นานลูกก็จะเรียนรู้แล้วก็จำได้เอง ว่าถ้ายิงถูกส่วนไหนเสียงจะดังยังไง”
“อา..มันยอดเยี่ยมจริงๆด้วย” คิทร้อง ในน้ำเสียงนั้นบอกความภาคภูมิใจกับฝีมือการยิงของตัวเองอยู่ไม่น้อย “เหมือนกับที่พวกเพื่อนๆเอามาคุยกันที่โรงเรียนเลยครับ มันเป็นกวางใหญ่จริงๆ..ใช่ไหมครับพ่อ?”
“รู้สึกว่าขนาดกำลังเหมาะทีเดียว แล้วก็ต้องนับว่าเก่งพอดูนะที่ยิงครั้งแรกก็ใช้ได้แล้ว” เฟลชเชอร์ยกย่องลูกชายพร้อมกับยิ้มกว้าง “พ่ออยากให้แม่แกเขาได้มาเห็นตอนนี้จริงๆ รู้สึกเขามั่นใจจริงๆจังๆว่าลูกไม่ชอบการล่าสัตว์”
“มันเยี่ยมจริงๆครับพ่อ” ความภาคภูมิใจประสมอยู่ในน้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กชาย “ไปกันเถอะครับพ่อ ไปเอาเจ้ากวางตัวนั้นกัน”
เฟลชเชอร์ สมิท ออกเดินนำอย่างรวดเร็วตามความตื่นเต้นของลูกชายไปด้วย ส่วนจอร์ดันน่าก็ไล่ตามหลังไปติดๆ การที่พ่อเอ่ยถึงแม่เหมือนจะเตือนใจให้สาวน้อย นึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่น่าพอใจขึ้นมาอีกจนได้ แต่แล้วเธอก็ยักไหล่ ปัดความเศร้าลึกๆออกจากใจให้หมดสิ้น