บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าสะสวยของผู้เป็นมารดา และแล้วก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด

“ลูกพูดอะไรเหลวไหลอย่างนั้น..?”

“ผมเองก็ตั้งใจจะพูดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่คุณมัวไปไหนต่อไหนตลอดเวลานี่ ทุกครั้งที่ผมอยู่บ้าน คุณก็มีธุระที่จะต้องออกไปไหนอยู่เสมอไม่ค่อยมีเวลาว่างเลยนี่” คำพูดของเขาบอกความรู้เท่าทันอยู่เป็นนัย ไม่จำเป็นจะต้องตัดพ้อต่อว่าออกมาตรงๆ

“แหม..ฉลาดจริง” โอลิเวีย สมิท สวนคำตอบออกมาทันที “ก็ตอนที่คุณอยู่บ้าน คุณก็ใช้เวลาตั้งค่อนวันค่อนคืน ซุกหัวอยู่แต่ในห้องนั่น สิงสู่อยู่กับไอ้พวกหัวสัตว์ที่สตัฟฟ์ไว้กับไอ้ปืนบ้าๆของคุณ..ใช่สิ..การล่าสัตว์มันเป็นชีวิตของคุณ..แต่ไม่ใช่ของฉัน..!

“ใช่..นั่นคือความจริง” ดวงตาสีน้ำตาลสบตาคู่สีเขียวเข้มของภรรยาอย่างเปิดเผย

“แต่จอร์ดันน่ายังเด็กนิดเดียวเท่านั้นนะ เฟลชเชอร์ แค่ที่คุณพาคริสโตเฟอร์ไปเพื่อจะทดสอบความเป็นลูกผู้ชายด้วยวิธีบ้าๆของคุณมันก็แย่พออยู่แล้ว อย่ามาฉุดลากลูกสาวฉันไปอีกคนเชียวนะ”

“แต่..หนูอยากไปนี่คะ” จอร์ดันน่าทักท้วงขึ้นมาทันที

“เงียบไปเลยนะ แล้วก็เลิกคิดถึงไอ้เรื่องบ้าๆนี่ได้แล้ว” เธอตวัดสายตามองหน้าลูกสาว เนื้อตัวสั่นด้วยความขุ่นเคืองที่ไม่อาจควบคุมได้ “นี่เป็นเรื่องระหว่างพ่อกับแม่เท่านั้น”

“ลีฟวี่..คุณมันก็โวยวายเกินเรื่องอย่างเคยนั่นแหละ” คำพูดเรียบๆของสามี ราวน้ำมันที่ราดลงบนกองเพลิงแห่งความโกรธ

“อ๋อ..โวยวาย..อย่างนั้นหรือคะ..?” ท่าทางเธอเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองหน้าสามี เล็บจิกลงในอุ้งมืออย่างลืมตัว “รู้สึกว่าคุณชอบด่าฉันแบบนี้เสมอเลยนะ..โอลีเวีย..คุณน่ะเจ้าอารมณ์เกินไปหน่อยแล้ว..!” ประโยคหลังนั้นเธอทำเสียงเยาะเย้ยประชดประชันอย่างหมั่นไส้เต็มที

“ก็คุณเป็นอย่างนั้นจริงๆนี่” เฟชเชอร์ สมิทพูดเรียบๆ พยายามเก็บความรู้สึกไว้จากน้ำเสียงและอารมณ์ “ก็มองดูตัวเองสิ แค่นี้ก็ต้องเนื้อตัวสั่นด้วย”

“อ๋อ..แล้วคุณหวังจะเห็นฉันเป็นยังไง?” โอลิเวียเถียงอย่างโกรธจัด “ลูกสาวฉันวิ่งเข้ามาหาแล้วก็บอก ว่าจะออกไปล่าสัตว์กับคุณวันหยุดนี่..แกก็ลูกฉันเหมือนกันนะเฟลชเชอร์ แกจะต้องได้รับการยินยอมจากฉันด้วยเหมือนกัน”

“ไม่นะคะแม่ หนูไม่ได้พูดจาเหลวไหลเลย” จอร์ดันน่ายืนยัน “พ่อพูดจริงว่าจะเอาหนูไปด้วย พ่อยืนยันด้วยเกียรติยศเลยละค่ะ” ดวงตาของสาวน้อยเป็นประกายกล้า และจากหางตาจอร์ดันน่ามองเห็นความเคลื่อนไหวที่ใกล้ตัวเข้ามาจึงย้ำอีกว่า “ถ้าแม่ไม่เชื่อ แม่ถามพ่อดูก็ได้นี่คะ..พ่อบอกว่าพ่อจะพาหนูไปด้วย จริงไหมคะพ่อ?” สาวน้อยหันไปหาบิดา

“อย่างนั้นรึ..?” ริมฝีปากของเฟลชเชอร์เหยียดออกเหมือนจะยิ้มเยาะ “เอ..เท่าที่ผมได้ยินมา คุณก็ชอบสะสมไอ้พวกสัตว์ 2 ขาตัวผู้อยู่เหมือนกันนี่ ดูเหมือนอยากจะได้รับรางวัลเกียรติยศอยู่เหมือนกันนะ”

“ทำไมไม่พูดออกมาตรงๆเลยล่ะเฟลชเชอร์?” น้ำเสียงที่ชาเย็นนั้นบอกความท้าทายอยู่ไม่น้อย “อยากรู้ไหมล่ะว่าฉันมีชู้อยู่สักกี่คน?”

เฟลชเชอร์ขบกรามจนเป็นสัน ปรายตามองไปทางใบหน้าเผือดซีดของลูกสาว

“ถ้าคุณตั้งใจหรืออยากจะพูดเรื่องนี้จริงๆละก็ ผมแนะนำให้รอก่อนนะ ให้จอร์ดันน่าออกไปจากห้องเสียก่อนดีไหม ขอให้ใช้ความคิดสักหน่อยว่า ลูกอายุเพียงแค่นี้ ยังไม่สมควรจะมาได้ยินเรื่องบัดซบอย่างนี้ แต่คนอย่างคุณไม่ยอมฟังใครง่ายๆหรอก ผมรู้”

“คุณนี่ ช่างเข้าใจทำให้ใครๆมองฉันเป็นผู้หญิงดอกทองจริงๆนะเฟลชเชอร์..”เธอพยายามซ่อนหยาดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาคลอคลองในดวงตาคู่สีเขียวเข้มคู่นั้น หันไปมองลูกสาว

“กลับไปห้องเสียลูก จอร์ดันน่า”

แต่แทนที่สาวน้อยจะปฏิบัติตามคำสั่ง เธอกลับหันไปมองบิดา โอบแขนลงรอบตัวเขาคล้ายจะกอดกระชับไว้กับตัวเอง

“หนูเสียใจจริงๆค่ะพ่อ” น้ำเสียงของสาวน้อยเหมือนสะอื้น “หนูไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่โกรธพ่อเลย”

“ไม่มีอะไรหรอกลูก” เขากอดร่างเล็กๆไว้ชั่วครู่ ลูบไล้เรือนผมสีแดงของลูกสาวเบาๆ ปลดแขนเล็กๆที่เกาะกุมเขาไว้ออกจับตัวให้ถอยห่าง “วิ่งได้แล้วลูก”

“พ่ออย่าให้แม่บังคับให้หนูอยู่บ้านอาทิตย์หน้านะคะ” สาวน้อยออดอ้อน “หนูอยากไปกับพ่อค่ะ”

“พ่อรู้” เขาพยักหน้า ผลัดร่างเล็กๆเบาๆ “ไปได้แล้วลูก”

เด็กหญิงก้าวออกจากห้องช้าๆด้วยท่าทางหดหู่ใจ ความเป็นเด็กว่าง่าย เชื่อฟังคำสั่งสอนแต่โดยดีของเธอมายุติลงเมื่อออกมาถึงภายนอก จอร์ดันน่าแนบร่างเล็กๆเข้ากับผนังห้องเพื่อจะแอบฟัง อยากจะรู้ว่าพ่อกับแม่พูดอะไรกันบ้าง แม้จะไม่ชอบการทะเลาะทุ่มเถียงกันระหว่างผู้ให้กำเนิดทั้งสอง ซึ่งดูเหมือนมันจะทำร้ายเธอเสียมากกว่าที่จะทำร้ายตัวพ่อแม่หลายเท่า

“จอร์ดันน่าไม่มีทางได้ไปกับคุณแน่” โอลิเวียประกาศก้อง “ฉันบอกแล้วไง ว่าแค่ที่คุณพาคริสโตเฟอร์ไปมันก็แย่พออยู่แล้ว แกออกเป็นเด็กที่อ่อนโยน เป็นคนใจอ่อนอย่างนั้น นี่คุณคิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าไม่อาจจะบังคับให้แกโตขึ้นมาแล้วก็เป็นอย่างคุณได้?”

“ก็ดูจากที่คุณเอาอกเอาใจพะเน้าพะนอจนแกเกือบจะเสียเด็กอยู่แล้วน่ะสิ คิดดูสิว่ามันจะยอดเยี่ยมขนาดไหนที่แกจะรู้จักโตเสียที พวกเด็กๆที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแก เขาเริ่มฝึกออกล่าสัตว์กันแล้วทั้งนั้น..ที่ผมรอมาจนถึงวันนี้ ก็เพราะคุณพูดอยู่เสมอไม่ใช่หรือ ว่าแกยังเด็กเกินไป..คิทน่ะมันอยากจะไปกับผมตลอดเวลา เลิกตามใจด้วยการเอาความรักมาอ้างเสียทีเถอะ ลีฟวี่ ปล่อยให้แกโตด้วยตัวแกเองบ้าง”

“จริงๆแล้ว คริสโตเฟอร์ไม่ได้อยากจะไปหรอก ถึงแกจะพูดว่าอยากไปก็เถอะ แต่เป็นเพราะแกรู้ว่าคุณอยากได้ยินเท่านั้น”

“คุณเข้าใจผิดถนัด” เฟลชเชอร์ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแม้จะขุ่นเคืองลึกๆอยู่ในใจก็ตาม “พวกเพื่อนๆของแกที่โรงเรียนเขาออกล่ากวางกันทั้งนั้น แล้วก็กลับมาเล่าถึงความสนุกสนานให้แกฟัง คิทถึงได้ตื่นเต้นอยากจะไปขึ้นมา”

“ก็เพราะแกยังไม่รู้น่ะสิ ว่าคุณหวังจะให้แกไปล้มกวางมาให้ได้จริงๆ แกอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องสนุกๆเท่านั้นละเฟลชเชอร์ คิทไม่ใจร้ายพอที่จะฆ่าสัตว์ที่น่าสงสารไม่มีทางสู้อย่างเลือดเย็นได้หรอก คุณไม่ได้พูดให้แกรู้ความจริงน่ะสิ”

“เมื่อไหร่คุณจะเลิกเปรียบเทียบการล่าสัตว์กับการเป็นฆาตกรเสียทีนะ?”

“ก็ต่อเมื่อคุณเลิกพยายามเสี้ยมสอนให้ลูกชายของฉันเป็น ในสิ่งที่คุณคิดว่าผู้ชายควรจะเป็น” โอลิเวียกระแทกเสียงตอบโกรธๆ “ฉันควรจะยับยั้งตั้งแต่ตอนที่คุณซื้อปืนกระบอกแรกให้คริสโตเฟอร์แล้ว..!”

“ไรเฟิล..”เขากล่าวแก้การเรียกผิดๆของเธอออกไปโดยอัตโนมัติ

“จะเรียกไรเฟิลหรือเรียกปืน มันจะแตกต่างกันตรงไหนไม่ทราบ..คุณนั่นแหละที่น่าจะขอร้องให้ฉันอนุญาตให้แกเก็บปืนกระบอกนั้นไว้ ฉันเองก็เห็นด้วยตอนที่คุณสอนให้แกยิงปืนเป็น..แต่การที่คุณมาพูดให้ฉันอนุญาตให้จอร์ดันน่าเรียนยิงปืนให้เป็นอีกคนนั้นเป็นเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ..คุณชอบทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเลยนะเฟลชเชอร์ อันที่จริงฉันเองก็เห็นด้วยกับการที่คุณจะพาคริสโตเฟอร์ออกไปล่าสัตว์ แต่ต้องไม่ใช่จอร์ดันน่า ฉันไม่ยอมให้แกไปกับคุณเด็ดขาด”

“ก็ลูกทั้งสองคนอยากไป แล้วผมก็ต้องการให้พวกแกไปด้วย ผมเองก็ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดพวกแกบ่อยครั้งนัก ถ้าพวกแกไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนกัน ผมก็บังเอิญไปอยู่ที่อื่นเสีย บางครั้งผมก็อยากให้มันดูเป็นครอบครัวบ้าง อย่างน้อยเราก็ยังได้ทำอะไรร่วมกัน”

“อ้าว..ถ้าอย่างนั้นคุณก็อยู่บ้านสิคะ หยุดตะลอนไปทั่วโลกอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้เสีย” โอลีเวียขึ้นเสียงอย่างโกรธจัด “ฉันไม่ได้ขอร้องอะไรเพื่อตัวเองอีกแล้วแต่ฉันขอเพื่อลูก เลิกเรื่องการไล่ล่าฆ่าฟันนั่นเสียทีสิ”

“แต่มันเป็นความสุขของผมนี่..แล้วอันที่จริงผมก็ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้เป็นความสุขเท่าไรนักหรอก”

“นี่คุณประชดฉันใช่ไหม..ฉันเป็นคนที่ทำให้ชีวิตคุณต่ำช้าลงไปหรือยังไง..เฟลชเชอร์..?..แต่มันก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละ เพราะชีวิตฉันเองก็เหมือนกับตกนรกเหมือนกัน นับแต่วันที่แต่งงานกับคุณมา”

“ลีฟวี่..ทำไมเราจะต้องมาทะเลาะกันด้วยนะ ทำไมเราถึงจะปรึกษาหารือกันดีๆไม่ได้?” เฟลชเชอร์ยกมือขึ้นลูบไปตามแนวผมสีเทาเหนือขมับ

“ก็ทำไมคุณถึงเลิกล่าสัตว์ไม่ได้ล่ะ?”

“ลีฟวี่ จริงๆแล้วคุณไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการล่าสัตว์เลยนะ คุณคิดแต่เพียงว่ามันเป็นกีฬาแห่งการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต คุณทำให้มันดูสยดสยองเกินไป..คุณก็คิดแต่ในแง่ของคุณ คิดอย่างคนที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้..มันเป็นการล่า..เข้าใจไหม..ไม่ใช่การฆ่า..อาทิตย์หน้านี้ไปด้วยกันสิ แล้วคุณจะได้รู้และเข้าใจว่าความจริงมันเป็นยังไงเสียที”

“หลังจากที่ฉันถูกทอดทิ้งให้ต้องอยู่คนเดียวมานานนับปี..มาถึงวันนี้..ในที่สุดแล้วคุณก็มาขอให้ฉันไปกับคุณ..มันสายเกินไปแล้ว..”น้ำเสียงที่ตอบสะท้านอยู่ด้วยความรู้สึก “คุณไม่เคยอยู่บ้านเลยเวลาที่ฉันต้องการตัวคุณ เฟลชเชอร์..คุณเข้าป่าเข้าดง ไปอยู่ที่โน่น..ไปอยู่ในดินแดนที่พระเจ้าเองก็ไม่รู้จัก ไปอยู่ในที่ซึ่งฉันเองก็ตามคุณไปไม่ถึง คุณเป็นคนผลักไสฉันเองนะ เพราะฉะนั้นมันน่าแปลกนักหรือที่ฉันจะไปหาคนอื่น แต่ถึงยังไงคุณก็ยังโทษว่าเป็นความผิดของฉันอยู่ดี แล้วตอนนี้คุณยังหวังว่าฉันจะไปกับคุณทั้งๆที่คุณไม่เคยแม้แต่จะคิดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ฉันเลยสักนิด..!"

“ก็แล้วไอ้อพาร์ตเม้นท์นี่ล่ะ คุณว่ามันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร ผมเกลียดนิวยอร์กคุณก็รู้ แต่ที่นี่ไม่ใช่หรือที่คุณอยากจะอยู่นัก..ไม่ใช่ผม..แล้วมันก็ไม่ใช่สถานที่เหมาะสมที่จะใช้อบรมเลี้ยงดูลูก แต่คุณไม่เคยคิดอะไรพรรค์นั้นหรอก คุณสนใจแต่เฉพาะว่าจะซื้อของที่ไหน จะไปแต่งานปาร์ตี้ ดูหนังดูละครเท่านั้น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel