พรานไพร

198.0K · จบแล้ว
Readed
83
บท
353
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จอร์ดันน่า เปรี้ยว สวย มีความรู้ รสนิยมเลิศ ไวไฟ มีชายหลายคนหลงใหลใคร่พิชิตหัวใจหล่อน แต่หล่อนไม่สนใจสักคน บริก แมคคอร์ด เป็นชายแปลกหน้า กร้าน ทรหด ลึกลับ และเป็นคนนำทางคณะล่าสัตว์ ตอนกลางวันพากันออกล่าสัตว์ ตอนกลางคืนเต็มตื้นด้วยความรัก แต่วันคืนนั้นพินาศไปเมื่อความจริงเกี่ยวกับพ่อของหล่อนและมรดกของบริก เป็นที่เปิดเผยออกมา กาฆ่ากันยอมหลีกหนีไม่พ้น

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักรักหวานๆดราม่าโรแมนติก

บทที่ 1

ห้องโถงกว้างนั้น ฝาผนังตกแต่งด้วยไม้วอลนัท ประดับเป็นลวดลายที่งามวิจิตร แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องทางหน้าต่างที่เปิดโปร่งขึ้นจรดเพดานของอพาร์ตเม้นท์ ผ่านม่านโปร่งใสที่ประดับไว้อย่างประณีต ผนังทั้ง 4 ด้านที่โอบล้อมห้องนี้ไว้ ต้องแสงอาทิตย์เป็นประกาย ตรงมุมหนึ่งของห้องคือตู้หนังสือซึ่งมีลักษณะเป็นตู้ติดผนัง สูงจากพื้นจรดเพดาน หนังสือแต่ละเล่มที่บรรจุอยู่ในตู้นี้ เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับอาวุธปืนและการล่าสัตว์ทั้งสิ้นและมีบางเล่ม ที่แม้จะดูเก่าไปบ้างเนื่องจากถูกหยิบออกมาอ่านบ่อยครั้ง ส่วนหนึ่งของตู้หนังสือถูกแบ่งออกเป็นชั้น ใช้ตั้งวางของที่ระลึกต่างๆ รวมทั้งภาพของพรานไพรที่ถ่ายคู่กับสัตว์ที่เขาสังหารชีวิต สัตว์ป่าตัวเล็กๆถูกประดับไว้ชั้นบนๆ ขณะที่งูจงอาง ที่สตัฟฟ์และเคลือบไว้ด้วยแลคเกอร์วางอยู่บนชั้นใกล้พื้นห้อง

สัญลักษณ์แห่งความมีชัย มันคือหัวกวางมูสและกวางเอลค์ถูกแขวนไว้บนฝาผนังห้อง ไม่ไกลกันคือนอแรด,หัวละมั่ง เสือภูเขาที่ยืนอยู่ในท่วงท่าองอาจสง่าผ่าเผยเหนือเตาผิงที่ก่อด้วยอิฐแดง ราวกำลังจะล่าเหยื่อ ส่วนไก่ฟ้าพระยาลอยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง บนชั้นเหนือเตาผิงมีงาช้างหลายคู่ ขดโค้งเป็นวงโอบนกอินทรีย์สีทอง ที่กำลังกางปีกกว้าง ราวจะพิทักษ์เจ้ากระรอกสีเทาที่ไร้ชีวิตไว้อีกชั้นหนึ่ง และบนพื้นห้องเบื้องหน้าเตาผิงนั้นคือหนังหมีขนหยาบสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลและปากที่อ้ากว้างแสยะจนเห็นเขี้ยววาววับ ท่าทางคุกคามอยู่เงียบๆ

อีกด้านหนึ่งของผนังคือตู้ขนาดใหญ่แข็งแรง เป็นตู้สำหรับเก็บปืนโดยเฉพาะ มองเห็นปืนแต่ละกระบอกในตู้เป็นเงาวาววับด้วยการขัดถู หยอดน้ำมันอย่างประณีต แต่ตรงพานท้ายปืนแสดงให้เห็นว่า ปืนเหล่านั้นถูกนำออกมาใช้อยู่เสมอ โต๊ะตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องนั้น ไม่ได้เป็นที่ตั้งของงานเอกสารใดๆทั้งสิ้น นอกจากจะประดับไว้ใต้ตู้กระจกด้วยรูปภาพต่างๆ อันแสดงถึงชัยชนะในการล่าสัตว์ต่างๆ

โซฟาคู่หนึ่ง ซึ่งหุ้มด้วยหนังสัตว์สีบรอนซ์ตั้งเผชิญหน้ากันอยู่แต่ละฟากของพรมหนังหมี เด็กหนุ่มวัย 14ปี สวมเสวตเตอร์สีฟ้าใสกับกางเกงสีเข้มนั่งอยู่บนโซฟาตัวหนึ่ง นิ้วมือเรียวยาวกำลังเคลื่อนไหวทำความสะอาดปืนไรเฟิลอย่างพิถีพิถัน ปอยผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำปรกลงปิดหน้าผากขณะที่เขาก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานตรงหน้า เด็กหนุ่มมีผิวพรรณผ่องใส ราวกับเกิดมาเพื่อเป็นศิลปินมากกว่า ขนตายาวงอน หลุบลงปกคลุมอยู่เหนือดวงตาคู่สีน้ำตาล ซึ่งขณะนี้กำลังจรดจ้องอยู่แต่กับปืนในมือเท่านั้น

ผู้ที่นั่งอยู่ในโซฟาฟากตรงข้าม คือเด็กหญิงวัย 12ปี เธอกำลังทำความสะอาดปืนกระบอกที่เบากว่าอยู่เช่นกัน ความคล้ายคลึงของเด็กหนุ่มสาวทั้งสองคนนี้ ไม่ต้องพูดถึงผิวพรรณอันอ่อนเยาว์นั้น ถูกบดบังไว้ด้วยกางเกงบลูยีนส์เก่าๆตัวหนึ่ง กับเสื้อเชิ้ตสีเทาตัวหลวม พวงผมสีทองแดงปล่อยเปลือยลงมาประไหล่ และเมื่อมันปรกลงยังบ่าด้านหน้าเป็นการรบกวนการทำงาน เธอก็ปัดมันไปทางด้านหลังอย่างไม่พอใจ

ด้วยวัยที่กำลังสดชื่นและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ทำให้ท่าทางของสาวน้อยดูทะมัดทะแมงยิ่งนัก เพียงแต่ส่วนโค้งของริมฝีปากที่อ่อนเยาว์เท่านั้นที่บอกให้รู้ว่า เธอก็ยังเป็นเพศที่อ่อนแอ เช่นเดียวกับความอ่อนไหวที่ประทับอยู่บนใบหน้าของพี่ชาย ดวงตาคู่กลมโตของเธอเป็นประกายสีเขียวเรืองๆ ซึ่งอาจจะรุ่งโรจน์ขึ้นในยามที่อยู่ในอารมณ์โกรธหรือตื่นเต้นได้ หรือมิฉะนั้น ก็เป็นประกายลึกลับเหมือความดำมืดแห่งท้องทะเล

บนเก้าอี้พนักสูง เบาะหุ้มด้วยหนังสีน้ำตาลซึ่งบัดนี้สีได้เปลี่ยนเป็นอ่อนลงด้วยเวลาที่ผ่านไป บุรุษหนึ่งนั่งควบคุมการทำงานของเด็กหนุ่มสาวคู่นี้อยู่เงียบๆ มือของเขาขัดถูพานท้าปืนวินเชสเตอร์บนตัก เป็นลักษณะที่เด็กทั้งคู่คอยชำเลืองมองด้วยความสนใจและเคารพรักอย่างยิ่ง อันที่จริงปืนกระบอกนี้ได้รับการทำความสะอาดมาแล้วหลังจากที่เขาใช้เสร็จ จากประสบการณ์อันยาวนาน ทำให้เขาสามารถจะทำความสะอาดได้เสร็จก่อนที่เด็กทั้งสองที่เขาเฝ้าจับตามองอยู่

ก้านไปป์ยังคาอยู่ในระหว่างฟัน แม้ว่ายาเส้นในกล้องจะดับไปนานแล้ว แต่กลิ่นหอมหวนก็ยังอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ บุรุษผู้นี้สวมแจ๊คเก็ตกับกางเกงสีน้ำตาล มีลักษณะของความเป็นพรานไพรปรากฏอย่างชัดเจนในบุคลิกของเขา เรือนผมสีน้ำตาลบัดนี้มีสีเทาขึ้นแซมอยู่ประปราย โดยเฉพาะตรงแนวขมับ เป็นสุภาพบุรุษที่มีลักษณะสมเป็นชายชาตรียิ่งนัก มีความคล่องแคล่วที่ส่อให้เห็นอย่างชัดเจน นานนับปีมาแล้ว ที่เขาได้ฝึกตัวเองให้คุ้นชินกับการที่จะสงบระงับทุกอารมณ์และความรู้สึกไม่ให้ปรากฏออกมานอกหน้าและรวมไปถึงในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น

ขณะนี้มีเสียงเปิดและปิดประตูห้องดังมาจากห้องโถงภายนอก เด็กหญิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ปืนกระบอกที่กำลังทำความสะอาดอยู่ถูกวางลงข้างตัวทันที ขณะที่เธอถลันลุกขึ้นยืน

“แม่มาแล้ว..หนูต้องไปบอกแม่ให้รู้ก่อนนะคะ”

“จอร์ดันน่า..เดี๋ยว..” ขณะที่บุรุษผู้นั้นดึงไปป์ออกจากปากเพื่อเรียกเธอไว้ เด็กหญิงก็วิ่งออกไปนอกห้องเสียแล้ว เขาเม้มริมฝีปากลงขณะวางไปป์ลงบนกล่องยาเส้น ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเก้าอี้ที่นั่ง ลุกขึ้นยืนช้าๆเหมือนไม่มีอะไรจะต้องรีบเร่ง เดินตรงไปยังตู้เก็บปืน หลังจากวางปืนลงในที่ของมันแล้วเขาก็หันมาและสบตาลูกชายเช่นที่คาดคิดไว้

“ทำความสะอาดปืนต่อให้เสร็จนะคิท เดี๋ยวพ่อจะตรวจก่อนเอาเข้าตู้” มีรอยยิ้มจางๆฉาบอยู่บนใบหน้าขณะออกคำสั่ง

“ครับพ่อ” เด็กหนุ่มหันไปสนใจกับงานตรงหน้า โดยไม่ได้แสดงความย่อท้อหรือเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้เป็นพ่อเดินออกไปจากห้อง

เขาเดินออกไปยังห้องนั่งเล่นที่ประดับด้วยโคมระย้าและผ้าม่านดอกปักลวดลายงดงาม พื้นห้องปูด้วยพรมกำมะหยี่เนื้อนุ่มสีเขียวใส ทำให้ห้องกว้างนั้นดูโอ่อ่าภูมิฐานยิ่งนัก ภาพวาดที่ประดับผนังห้อง ส่วนใหญ่จะเป็นงานชิ้นเอกฝีมือจิตรกรชาวอิตาเลี่ยน ทั้งที่เป็นภาพฝีมือจริงและภาพจำลองราคาแพง ทุกภาพใส่กรอบขนาดใหญ่ประดับอยู่เหนือผนังห้องที่ฉาบไว้ด้วยสีขาว

โซฟาขนาดใหญ่ในห้องนี้บุด้วยผ้าดิ้นยกดอกเดินลายทอง โคมไฟคริสตัลตั้งอยู่บนโต๊ะแบบอิตาเลี่ยนซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างของโซฟา มีโต๊ะรับแขกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่ด้านหน้าเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนคลุมด้วยผ้าลูกไม้สีเขียวอ่อนเข้ากับพรมปูพื้น และอีก 2ตัว ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเตาผิงหินอ่อนสีเขียวอ่อนระยับ ทั้งสีเขียวยังเลยไปถึงขอบผ้าระบายที่ใช้คลุมส่วนบนของเตาผิงอีกด้วย ในแจกันทุกใบประดับด้วยไม้ดอกที่เพิ่งตัดมาจัดแต่งไว หอมอบอวลไปทั่วทั้งห้อง สีของดอกไม้ในห้องนี้จะเป็นสีชมพูเพียงสีเดียวเท่านั้น

และตรงกลางห้อง ท่ามกลางเครื่องประดับทุกชิ้นอันบ่งบอกถึงความอัครฐานนี้ สตรีผู้มีเรือนผมราวสีขนกาน้ำกำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ เธอมีลักษณะของผู้ที่มีความทระนง มีสติปัญญารู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้คนและเยือกเย็นยิ่งนัก สาวใช้คนหนึ่งยืนรอรับคำสั่งอยู่ใกล้ๆ มีเสื้อคลุมของนายหญิงคล้องอยู่กับแขน ขณะเธอถอดถุงมือสีดำที่สวมอยู่ออกช้าๆ

“ขอบใจมากเทสซ่า” เธอกล่าวขณะส่งถุงมือให้สาวใช้ ในน้ำเสียงที่ไว้ตัวแฝงคำสั่งให้ออกไปได้แล้วด้วย

สาวใช้ถอยออกจากห้องเงียบๆ ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่เด็กหญิงผมสีทองแดงวิ่งถลันเข้ามา

“เดาซิคะแม่..ว่าหนูมีเรื่องอะไร?” น้ำเสียงของสาวน้อยราวท้าทายมารดา

“นี่มันเรื่องอะไรกัน หนูถึงได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สกปรกเหมือนผ้าขี้ริ้วอย่างนี้ จอร์ดันน่า?” ดวงตาของเธอเป็นประกายเขียวเข้มราวสีมรกตขึ้นมาทันทีด้วยความไม่สบอารมณ์ ชุดที่เธอสวมใส่อยู่ขณะนี้ ได้รับการออกแบบตัดเย็บอย่างประณีตและทันสมัยที่สุด เข้ากันกับเครื่องประดับทุกชิ้น ซึ่งทำให้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น “แม่คิดว่าแม่สั่งเทสซ่าแล้วนะ ว่าให้เอาชุดพวกนี้ไปโยนทิ้ง หนูมีเสื้อผ้าสวยๆที่แม่ซื้อให้ออกเต็มตู้ ถึงเวลาแล้วนะลูกที่หนูจะต้องเลิกทำตัวเป็นคนใส่อะไรก็ได้เสียที..!”

“ก็เรากำลังซ้อมยิงเป้ากันอยู่นี่คะแม่” ความคิดบางอย่างพุ่งออกมาจากสมองของเด็กหญิง “พ่อบอกว่าจะอนุญาตให้หนูตามไปล่าสัตว์กับพ่อด้วย ตอนวันหยุดที่จะถึงนี่แหละค่ะ ตอนที่พ่อพาคิทไปไงคะแม่” จอร์ดันน่าประกาศก้อง ไม่อาจบิดบังความยินดีปรีดาไว้ได้