ตอนที่ 5 ข่าวสำคัญจากชุนฮัว
หลงอี้เดินตามท่านอ๋องที่เดินเข้ามายังห้องอักษรในตำหนักของเขาเองพร้อมกับนั่งลงฟังเรื่องรายงานเร่งด่วนนี้
“เจ้าว่ามาสิ หากนางมิใช่องค์หญิงแล้วที่มานี่คือผู้ใด”
“ทูลท่านอ๋อง เห็นว่านางคือบุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพหยาง แม่ทัพใหญ่ของชุนฮัวพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพหยางงั้นหรือ เจ้าจะบอกว่านางคือ….นางคือน้องสาวของ….หยางลั่วเจิน คนสนิทของพระสนมจินที่ถูกฆ่าแทนพระสนมจินเมื่อหนึ่งปีก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ ข่าวนี้ได้รับการยืนยันมาจากแม่ทัพหยางเนี่ยฝาน นางเป็นน้องสาวของแม่ทัพหยางพ่ะย่ะค่ะ”
“นางเป็นน้องของเนี่ยฝานเช่นนั้นหรือนี่ ข้าเข้าใจแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าปลอมตัวเป็นองค์หญิงมาอภิเษกแทน โทษนี้หนักหนานัก เรื่องนี้เจ้าต้องปิดเป็นความลับ อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาด ขุนนางในตอนนี้ยังแบ่งฝ่ายไม่ชัดเจน ข้าเกรงว่าหากพวกเขารู้อาจจะหาเรื่องให้เราทำสงครามกับชุนฮัวได้ ข้ากับเนี่ยฝานเป็นสหายกัน เรื่องที่ข้าขึ้นเป็นอ๋องแทนหยวนซื่อข้ายังไม่ทันได้แจ้งเขา”
“แม่ทัพหยางทราบข่าวจากคนของเราจึงได้รีบนำจดหมายนี้ส่งมาให้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เขาเกรงว่าน้องสาวของเขาจะสร้างความเดือดร้อนให้ท่านอ๋องจึงได้รีบส่งจดหมายนี้มาให้พ่ะย่ะค่ะ”
“มิน่าเล่านางถึงได้จงเกลียดจงชังข้านัก นางคิดว่าข้าคือหยวนซื่ออ๋องเพราะนางไม่รู้เรื่องผลัดเปลี่ยนสกุลอ๋องในฉีโจว นางออกมาจากชุนฮัวก่อนที่เราจะกำจัดหยวนซื่อไป เข้าใจแล้ว เพราะเหตุนี้นางถึงได้ไม่อาลัยสนมจินคนที่ต้องโทษเนรเทศ เพราะสนมจินเป็นผู้ทำให้พี่สาวนางต้องตายนี่เอง"
“ท่านอ๋อง เช่นนี้เราจะทำอย่างไรต่อดีพ่ะย่ะค่ะ”
“จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อนางอยากเล่นเป็นองค์หญิง เราก็แค่เล่นตามแผนของนางไปหากเราบอกความจริงไปตอนนี้คนที่จะถูกเพ่งเล็งและนำมารับโทษหลอกลวงก็คือนาง อย่างไรก็เป็นน้องสาวของสหายข้า คงปล่อยให้นางเป็นอะไรไปไม่ได้้ แล้วเหตุใดชุนฮัวจึงกล้าเปลี่ยนตัวนางมาที่นี่ได้”
“เห็นว่านางขอเปลี่ยนตัวกับองค์หญิงจินลั่วเฟยเพราะต้องการแก้แค้นพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ หยางหลินเย่…..น่าสนใจดีนี่”
“ท่านอ๋อง เช่นนั้นแล้ว…เอ่อ…ท่านอ๋องกับพระสนม…เราควรบอกเรื่องหยวนซื่อกับพระสนมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก หากว่านางคือน้องสาวของเนี่ยฝาน นางคงมีวิธีหาทางรู้เรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นแล้วเราควรต้องทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ หากเรื่องที่นางปลอมตัวเป็นองค์หญิงมาอภิเษกมีคนทราบแล้วเอาเรื่อง เกรงว่านางคงจะ….”
“เรื่องของข้า ช้าเร็วนางก็ต้องรู้ แต่เรื่องของนาง ต้องปิดเป็นความลับ สาวใช้ของนางที่เราจับเอาไว้ตอนนี้อยู่ที่ใด”
“ข้าให้คนของเราเฝ้าเอาไว้ที่จวนนอกเมืองขอรับดูแลอย่างดีตามที่พระองค์สั่ง แต่ว่านางไม่ยอมกินไม่ยอมนอน เกรงว่า….”
“เจ้าไปบอกนางว่าอีกไม่กี่วันจะพาตัวนางมาหาพระสนมที่นี่ อย่าลืมว่านางเองก็ไม่ควรรู้อะไรมากเช่นกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จินลั่วเฟย หยางหลินเย่ เฮ้อ.....ถิงอันขอโทษนะ ข้าคงไม่สามารถทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ นางไม่ได้ทำผิดต่อเจ้า นางมาที่นี่ก็เพื่อแก้แค้นหยวนซื่ออ๋องเช่นกัน ข้าคงทำร้ายนางอีกไม่ได้ แค้นของเจ้า….ให้มันจบที่ความตายของหยวนซื่ออ๋องเถอะ”
ตำหนักพระสนม
หลินเย่เดินออกมาด้านนอกเพื่อจะไปเดินเล่นที่สวนในตำหนักหลังจากที่นางอยู่ในห้องมากว่าครึ่งวันแล้ว เมื่อเดินออกมาก็พบว่ามีสาวใช้ยืนคุมอยู่หน้าประตูห้องของนาง
“ทำไม ข้าไม่สามารถเดินไปที่สวนในตำหนักตัวเองได้งั้นหรือ”
“พระสนม หากว่าเป็นในสวนของตำหนัก พระองค์สามารถไปได้เพคะ เชิญเพคะ”
“ข้าอยากคิดอะไรคนเดียว พวกเจ้า…”
“ขอพระองค์โปรดอภัย พวกหม่อมฉันต้อง…”
“พวกเจ้าออกไปเถอะ ข้าดูแลพระสนมเอง”
อาจูเดินมาพร้อมกับสั่งสาวใช้ออกไป แม้ว่านางจะดีกับหลินเย่แต่นางก็เป็นคนที่ถูกอ๋องชั่วนั่นส่งมา หลินเย่ได้แต่ทำตามที่นางพูดโดยไม่ได้แสดงอาการใดออกมา แต่ก็ไม่คุยสิ่งใดมากนัก
“หม่อมฉันจะให้สาวใช้นำของว่างและน้ำชามาให้และจะไม่รบกวนพระองค์ หากมีสิ่งใดก็เรียกหม่อมฉันได้เพคะ”
“ขอบใจเจ้ามากนะอาจู ข้าเพียงแค่รู้สึกอึดอัด อยากออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้างเท่านั้น”
“ย่อมได้เพคะพระสนมอย่าได้ห่วงไปเลยเพคะ สาวใช้พวกนั้นล้วนต้องทำตามหน้าที่ พระองค์อย่าโกรธพวกนางเลยนะเพคะ”
“ข้าไม่โกรธพวกนางหรอก ขอบใจเจ้ามากนะอาจู"
“หม่อมฉันไม่รบกวนพระองค์แล้วเพคะ”
อาจูเดินออกไปแล้ว หลินเย่คิดว่าอย่างน้อยนางก็พอจะมีมารยาทและดูเห็นใจนางอยู่บ้าง แต่เพราะสถานการณ์ของนางทำให้หลินเย่ไม่ไว้ใจผู้ใดจึงไม่พูดอะไรกับใคร มันเป็นความอึดอัดมากเลยทีเดียว
ผ่านไปเกือบยี่สิบวันที่นางมาอยู่ฉีโจว หลังจากวันที่ท่านอ๋องพานางไปประชุมที่ท้องพระโรงวันนั้น จากนั้นนางเองก็ไม่เคยพบเขาอีกเลยจนน่าแปลกใจ
“มี่อินจะเป็นอย่างไรบ้างนะ เหตุใดจึงเงียบเช่นนี้ อาจู!! อาจู!!”
“พระสนม มีสิ่งใดเพคะ”
“ข้าอยากพบไอ้….เอ่อ ท่านอ๋องของพวกเจ้า”
“พระสนมอยากพบท่านอ๋องงั้นหรือเพคะ นี่…พระสนมคิดถึงท่านอ๋องหรือเพคะ”
“เอ่อ…ไม่เชิงแบบนั้น คือข้ามีเรื่องอยากจะถามเขาหน่อย”
“เช่นนั้นหม่อมฉันจะส่งคนไปทูลท่านอ๋อง พระสนมรออยู่นี่สักครู่นะเพคะ”
“ขอบใจเจ้ามากนะอาจู”
อาจูเดินออกไปพร้อมกับส่งคนให้ไปแจ้งองครักษ์ของท่านอ๋อง ไม่นานก็ได้รับคำตอบกลับมา
“ไม่พบงั้นหรือ เพราะเหตุใดกัน”
“คือว่าพระสนมเพคะ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังคุยกับเหล่าขุนนางอยู่เพคะ”
นางบอกอาจูให้ไปทูลท่านอ๋องเรื่องขอเข้าพบเขาติดต่อกันเป็นเวลาสี่วัน แต่เขาไม่เคยให้โอกาสนางพบกับเขาเลยสักครั้ง จนนางเริ่มทนต่อไปอีกไม่ไหว ข่าวคราวของมี่อินก็เงียบหายอย่างไร้ร่องรอยร่วมเดือนแล้ว วันนี้นางต้องเข้าพบเขาให้ได้
“อาจู ท่านอ๋องประทับอยู่ที่ใด”
“พระสนมเพคะ ตอนนี้ท่านอ๋อง....พระสนม เดี๋ยวก่อนเพคะ เสด็จยามนี้ไม่ได้นะเพคะ ยังไม่มีผู้ใดไปทูลแจ้ง พระสนมเพคะ!!”
หลินเย่เดินไปที่ตำหนักของเขาทันที อาจูวิ่งตามนางไป นางพอจะจำทางได้ในวันที่เขาพาเดินไปที่ท้องพระโรงเพื่อประชุม
และพักหลังก็สั่งให้อาจูดูแลนางอย่างดีและอนุญาตให้เดินดูรอบๆตำหนักได้ หลินเย่เปิดประตูห้องทรงงานออก พบว่าสตรีคนหนึ่งกำลังโอบรอบคอของเขาเอาไว้ราวกับกำลังจะจูบเขา
“พระสนมเพคะ รอก่อนเพคะ”
“ครืด…….”
“เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดจึงเสียมารยาทเช่นนี้!!”
หลินเย่มองไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขาหันมามองหน้านางด้วยสายตาที่เรียบเฉยพร้อมกับผลักสตรีที่ยืนอยู่ข้างๆออกไปเล็กน้อย
“พระสนม เจ้ามีธุระอันใดที่นี่”
“เจ้าคือสนมที่พึ่งแต่งตั้งเข้ามางั้นหรือ”
หลินเย่ไม่ตอบสตรีที่ยืนถามนางอยู่ แต่นางมองไปยังใบหน้าของเฟิ่งอ๋องที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าโต๊ะทรงงานและมองนางด้วยคำถาม
“ข้าถามว่าเจ้ามีธุระด่วนอันใด เหตุใดจึงพรวดพราดเข้ามาโดยพลการโดยไม่มีผู้ใดแจ้งล่วงหน้า ที่ชุนฮัวของเจ้าไม่ได้สอนมารยาทมางั้นหรือพระสนม”
สายตาของหลินเย่ยังไม่ลดละความเกลียดชังที่มีต่อเขาลงแม้แต่น้อย นางไม่ตอบและเดินเข้าไปหาท่านอ๋อง
“ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”