บทที่ 5
เมื่อเพลงจบลงเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้น รัฟเฟอรี่โค้งให้คนเหล่านั้นและบอกว่า
“ขอบคุณมากครับ แต่เราเห็นจะต้องไปกันเสียทีแล้ว”
“อย่าเพิ่งนะ” แอมเบอร์ร้องห้ามไว้ แล้วก็หันไปมองทางผู้ชมที่เข้ามารุมล้อม “ทุกคนคงอยากเห็นอะไรที่ มากกว่านี้ใช่ไหมคะ แล้วถ้าพวกคุณรู้ว่าคืนพรุ่งนี้โม้ดดี้จะแสดงให้ดูมากกว่านี้ พวกคุณจะมาชมการแสดงของคณะเราอย่างแน่นอนเลยใช่ไหมคะ”
เสียงปรบมือกึกก้องขึ้นอีกครั้ง ใครบางคนเป่าปาก และอีกหลายคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า...มาแน่...และสาวน้อยก็หันไปมองหน้าผู้จัดการของเธออย่างผู้ชนะ
“ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าโม้ดดี้ชนะใจคนดูอย่างที่สุดเลย...” เธอลดเสียงลงเมื่อกล่าวต่อว่า “คิดดูสิ ในเมื่อมันเป็นการแสดงพิเศษอย่างนี้ ถึงเราจะขึ้นค่าตัวก็ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจสักหน่อย ฉันจะบอกให้นะกิเดียน ว่าอย่าเอาไอ้ความหัวรั้นของคุณมาเป็นอุปสรรคต่อกําไรที่เราจะได้รับหน่อยเลย คุณน่าจะคิดอะไรที่มันดีกว่านั้นได้อยู่แล้ว”
กิเดียนตวัดสายตามองหน้าเธอราวจะเตือนสติ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนที่รุมล้อมเช่นนี้ที่เขาจะทําได้ก็แค่ยิ้ม ในที่สุดจึงมือทั้งสองขึ้นและกล่าวออกมาด้วยเสียงอันดังว่า
“ถ้าเช่นนั้น นับตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เป็นต้นไปจนสิ้นสุดการแสดงที่นี่ของคณะเรา ผมเชื่อว่าทุกท่านที่เข้ามาชมการแสดงของคณะเรา จะได้สัมผัสกับความสามารถเกินสุนัขทั่วไปของโม้ดดี้แน่ พวกคุณจะได้เห็นความสามารถ หรือที่ถูกความเป็นอัจฉริยะของหมาตัวนี้ด้วยสายตาของคุณเอง พาเพื่อน ๆ ญาติ ๆ ของคุณมาด้วยนะครับ และยิ่งไปกว่านั้น เราก็ยังจะมีบริการพิเศษอีกด้วย โดยที่รถขายอาหารและเครื่องดื่มของเราจะทำให้พวกท่านลืมอาหารที่บ้านไปเลยละครับ” เขาพูดติดต่อกันไปอย่างไม่ติดขัด ราวกับมันเป็นแผนการที่ได้วางไว้แล้วล่วงหน้าหลายอาทิตย์…
แจ๊ครู้สึกไม่สบายใจจนไม่อาจเท่าที่บเพลงอีกต่อไปได้ เขายอมรับว่าเวลานี้เขาต้องการเงินไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากจะให้มีการแสดงของโม้ดดี้เกิดขึ้น เพราะมันหมายถึงเขาจะต้องออกไปร่วมแสดงด้วย ดังนั้น ทันทีที่ผู้คนถอยห่างออกไปแล้ว เขาจึงได้หันไปกล่าวกับบุคคลทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่บอกความไม่พอใจอย่างยิ่ง
“เป็นยังไง...คุณสองคนสนุกกันมากนักงนหรือ” เขาถามเสียงกร้าวสีหน้าบึ้งตึง
“ก็แล้วคุณล่ะ” มิดไนท์ตวาดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงอํานาจ “คุณสองคนก็เหมือนกันนั่นแหละ วางแผนอะไรกันไว้ก่อนหน้านี้หรือยังไง...กลับไปเต๊นท์ได้แล้วแอมเบอร์ เรายังมีเรื่องจะต้องพูดกันอีกมาก อ้อ...มิสเตอร์รัฟเฟอรี่ ก่อนที่เราจะร่วมงานกัน ผมอยากจะทําความเข้าใจกับคุณเสียก่อนนะว่า ภายในอาทิตย์นี้ที่คุณอยู่ร่วมกับเราที่นี่ ถ้าปรากฏว่าสัตว์เลี้ยงของผมได้รับอันตรายหรือสูญหายไปเพราะหมาของคุณ หรือถ้าหมาของคุณไม่สามารถแสดงได้อย่างที่คุณอวดอ้างไว้ละก้อ ผมจะไล่คุณออกทันทีโดยไม่มีการจ่ายเงินค่าจ้างแม้แต่เซ็นต์เดียว และคุณจะมาอ้างว่า เพราะคุณกับหมาร่วมแสดงด้วยกัน เพราะฉะนั้นจะต้องได้รับค่าจ้างเป็นสองเท่านั้นนะ อย่าได้หวังเป็นอันขาด”
“ก็ไม่เป็นไรนี่ ถ้าคุณอยากจะให้ผมกับหมาไปให้พ้นจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เราก็จะ...”
“ถ้าคุณออกจากโอมาฮ่าในคืนนี้ หรือก่อนหน้าที่การแสดงของคณะผมจะสิ้นสุดลง ผมจะให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกคนไล่ต้อนคุณแน่รัฟเฟอรี่” กิเดียนตัดบทเสียงกร้าว “ผมรู้นะรัฟเฟอรี่ว่าคุณเป็นใครมาจากไหน และผมจะไม่ทนให้ไอ้โคบาลเร่ร่อนอย่างคุณมาสร้างความยุ่งยากให้เกิดขึ้นกับผมอย่างแน่นอน...”
“นอกเสียจากว่าไอ้คนนั้นมันจะทําเงินให้คุณได้ใช่ไหมล่ะ”
มิดไนท์หันขวับไปทางแอมเบอร์ ทันทีที่ได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนั้น
“ผมสั่งให้คุณกลับไปเต๊นท์ตั้งนานแล้วไม่ได้ยินหรือมิสลาแบลล์...ไปได้แล้ว”
ยิ่งฤทธิ์โทสะเพิ่มขึ้นเท่าไร เสียงพูดของเขาก็ยิ่งแหลมเล็กขึ้นเท่านั้น ซึ่งทําให้แจ๊คเกือบหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน แต่เขารู้ว่ามิดไนท์กําลังบลั้ฟฟ์เขาอยู่ เพราะเจ้าของคณะร่างเล็กเสียงแหลมคนนี้ไม่มีทางรู้ได้เลยว่า แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นใคร และการที่แอมเบอร์หลิ่วตาให้เขาก่อนหน้าที่จะเดินกลับไปยังเต๊นท์ของเธอ ก็บอกให้รู้อยู่แล้วว่าเธอเองก็ต้องการจะยั่วให้มิดไนท์โกรธด้วยเช่นกัน เพียงแต่รัฟเฟอรี่ไม่โง่พอที่จะรีบรุดตามเธอไปตามท่าที เชิญชวนอยู่เท่านั้น
“ถ้าคุณไม่รังเกียจละก้อ ผมช่วยทํางานอื่นให้ด้วยก็ได้ อย่างเช่นให้น้ำสัตว์เลี้ยงของคุณเป็นต้น ส่วนโม้ดดี้กับผมก็จะนอนกันกลางทุ่งหญ้านี่แหละ อย่างน้อยมันจะได้คอยช่วยไล่หมาป่าไม่ให้เข้ามาใกล้ฝูงแกะของคุณได้” รัฟเฟอรี่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อีกประการหนึ่ง ผมเองก็อยากจะพูดให้คุณเข้าใจอยู่เหมือนกัน ว่าที่ผมยอมทํางานให้กับคณะของคุณไม่ใช่เพราะว่าอยากได้ค่าจ้างเลย แต่เป็นเพราะผมภาคภูมิใจในความสามารถของสุนัขผมมากกว่า...” เขาหยุดเว้นระยะไปเป็นครู่
“และเมื่อถึงปลายอาทิตย์ ไม่ว่าการแสดงของคุณจะสิ้นสุดหรือไม่ก็ตาม ผมก็เห็นจะต้องเดินทางต่อเสียที แต่ขณะที่ทํางานร่วมกัน คุณจะมาดูหมิ่นเหยียดหยามผมไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะถ้าผมเกิดโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองว่าหน้าสวย ๆ ของคุณเละแน่...เป็นอันว่าคุณเข้าใจในเงื่อนไขของผมแล้วนะ”
กิเดียนมีสีหน้าโกรธจัดเมื่อตวาดกลับมาอย่างไม่พอใจว่า
“ฟังนะรัฟเฟอรี่ ไอ้คําขู่ของคุณมันไม่ทําให้ผมกลัวได้หรอก”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” รัฟเฟอรี่กล่าวอย่างไม่สนใจในสิ่งที่กิเดียนพูด “ในเมื่อนักแสดงของคุณทุกคน มีชื่อที่ใช้แสดงบทเวทีด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ทุกรอบที่เราจะขึ้นแสดงเพื่อหาเงินรายได้ให้กับคุณ ผมต้องการให้คุณเรียกผมว่า รัฟ แจ๊คสัน และนี่คือโม้ดดี้, เดอะ วันเดอร์ ด๊อก”
“พุทโธ่เอ๊ย...มันก็แค่หมาธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้นละน่า” มิดไนท์ว่า
“ไม่เพียงแต่คุณจะหูตึงเหมือนย่ายายของใครบางคนเท่านั้นนะมิดไนท์ ผมว่าคุณท่าจะหูหนวกเสียแล้วก็ไม่รู้” แจ๊คซึ่งล้วงกระเป๋าหยิบกล่องยาเส้นกับไม้ขีดไฟออกมา ก้าวเข้าไปใกล้เจ้าของคณะที่แต่งตัวอยู่ในชุดสีขาว และขีดไม้ขีดลงใกล้กับใบหน้า ทําให้มิดไนท์ถึงกับกระโดดถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ
“ถ้าคุณยังไม่เคยรู้มาก่อนผมก็จะบอกให้คุณรู้ไว้ว่า...โม้ดดี้ เดอะ วันเดอร์ ด๊อกน่ะ มันเป็นชื่อของสุนัขตัวหนึ่งที่มีอยู่ในตํานานของการแสดงกลางแจ้งแต่โบราณมาแล้ว และมันก็ทำให้ชื่อเสียงให้กับคณะละครเร่ที่มันร่วมแสดงอยู่ในครั้งกระนั้นจนเป็นที่กล่าวขวัญกันมาถึงทุกวันนี้...
“ถ้าเราสามารถตกลงกันได้ ผมก็จะให้หัวหน้าวงดนตรีของคุณได้ซ้อมเพลงที่จะใช้ในการแสดงร่วมกับเราสักสองสามเพลง ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงที่โม้ดดี้ได้รับการฝึกมาแล้วอย่างดีทั้งสิ้น และเนื่องจากมันเป็นหมาที่สามารถเรียกคนดูได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นมันมีสิทธิ์ที่จะได้รับค่าจ้างสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ในแต่ละคืนที่คุณได้รับด้วย”
“นี่มันเป็นการปล้นกันชัด ๆ ผมไม่โง่พอที่จะ...”
“และถ้าคุณพยายามจะเบี้ยวค่าแสดงอย่างที่กําลังคิดอยู่ละก้อ ผมขอพูดสั้น ๆ เพียงแค่ว่าคุณคือคนที่ตายแล้วเท่านั้น” เขาสรุปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไอ้หน้าโง่ที่เคยคิดฆ่าหมาผมตัวก่อนหน้านี้ลงไปรออยู่ในนรกแล้วด้วยซ้ำ ตอนนี้คงกําลังสนุกอยู่กับการที่ถูกหอกทิ่มก้นอยู่แล้วละ ที่พูดมาทั้งหมดนี้คุณเข้าใจดีแล้วใช่ไหม”
มิดในท์สบถออกมาด้วยความเคืองแค้น ก่อนจะเดินกระแทกกระทั้นกลับไปยังเต็นท์ที่พักของตนเอง
โดยความเป็นจริง รัฟเฟอรี่ไม่เคยฆ่าใครที่ทําอันตรายกับสุนัขตัวอื่นที่เขาเคยมีอยู่ เพียงแต่สัญชาตญาณบอกกับเขาอยู่ว่า ถ้าไม่พูดออกมาเช่นนั้นแล้ว มิดไนท์จะต้องหาทางโกงค่าแรงงานและจะปฏิบัติต่อสุนัขของเขาอย่างไม่ยุติธรรมจนกว่าการแสดงจะสิ้นสุดลงแน่นอน
เขาอัดควันบุหรี่ลึกเข้าไว้ในปอด ยังมีหมอดูลายมือคนสวยนั่นอีกคนหนึ่งที่เขาจะต้องพูดจากับเธอให้รู้เรื่อง เธอจะได้ไม่เข้ามายุ่งกับชีวิตเขามากเกินไปนัก
“มาสิ โมด้ดดี้” เขาพูดเมื่อออกเดินไปยังหมู่เต๊นท์ที่พักของนักแสดง “แต่จงอย่าได้สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ปล่อยให้ฉันทําหน้าที่เป็นคนพูดคนเดียว เข้าใจไหม”