บทที่ 4
เสียงดนตรีกึกก้องอยู่เบื้องหลังติดตามมาด้วยเสียงปรบมือของผู้ชม บ่งบอกถึงความพอใจกับการแสดงอย่างล้นเหลือ ขณะที่มิดไนท์เดินตรงเข้ามาหา
ในสายตาของรัฟเฟอรี่ กิเดียน มิดไนท์ เป็นคนสํารวยอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะสวมสูทสีขาว รองเท้าขาวแล้ว เขาก็ยังสวมเสื้อแจ๊คเก็ตขลิบขอบขาว สวมหมวกปีกกว้างสีขาวประดับหินสีเรือนผมสีบลอนด์ค่อนข้างบาง กระพืออยู่ด้วยแรงลมตอนที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ด้วยท่าทางที่บ่งบอกความร้อนใจ อย่างที่รัฟเฟอรี่คิดว่าเขาน่าจะกินหนวดตัวเองได้
แจ๊คยกมือขึ้นกอดอก ยืนจังก้าคอยท่าอยู่...
มิดไนท์เดินเข้ามาหยุดห่างจากตัวเพียงไม่กี่ก้าว ประเมินพลังอํานาจของอีกฝ่ายหนึ่งด้วยดวงตาสีฟ้าคู่นั้น
“ว่ายังไง ทําไมยังไม่ไปให้พ้นอีกล่ะ”
เสียงแหลมเล็กแบบนี้มันไม่น่าจะเป็นเสียงผู้ชายเลย รัฟเฟอรี่คิดอยู่ในใจขณะจับตามองผู้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาอย่างไม่พรั่น
“จงอย่าได้เรียกหมาของผมว่าไอ้หมาสกปรกอีก เข้าใจไหม”
“ถึงยังไงก็ไม่ได้คิดจะเรียกอีกแล้วละ เพราะแกกําลังจะไปจากที่นี่อยู่แล้วนี่”
“งั้นเรอะ” ความรู้สึกท้าทายผ่านเข้ามาในความคิด เขาเลิกคิ้วมองหน้าบุรุษร่างเล็กอย่างขบขัน
“ไม่แน่นะ บางทีแอมเบอร์อาจจะชวนผมให้อยู่ต่อก็ได้ บางทีเราอาจจะยังอยากฟื้นความหลังที่เคยมีต่อกันอยู่ เพราะฉะนั้นเขาก็คงอยากจะให้ผมอยู่ต่ออีกสักพักก็เป็นได้ เราสองคนน่ะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากทีเดียวนะ มิดไนท์”
“คนอย่างแกมันเลว ไอ้โกหก ไอ้ระยำ...”
“ทําไม แอมเบอร์เขาบอกคุณว่าผมเป็นยังงั้นด้วยเรอะ...แต่ถ้าเขาบอกคุณแบบนั้นละก้อ แปลว่าเขารู้จักผมดีทีเดียวละ เพราะผมมีคุณสมบัติอย่างที่คุณพูดมาทั้งหมดนั้นจริง ๆ เสียด้วยสิ” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะลึกอยู่ในลำคอ แต่แล้วเสียงหัวเราะก็ขาดหายไป เมื่อสีหน้าเปลี่ยนเป็นเครียดขรึม เอื้อมมือมากระชากปกเสื้อมิดไนท์ “จงอย่าได้แสดงความดูหมิ่นแบบนี้ใส่ผมอีก แล้วก็จงอย่าได้ล่วงเกินหมาผมด้วย เข้าใจไหม”
ใบหน้าของมิดไนท์ลอยห่างจากใบหน้าเขาแค่คืบ แจ๊คมองเห็นไรเหงื่อที่ชุ่มชื้นอยู่บนหน้าผากที่มีเครื่องสําอางโปะไว้ และยังรอยแผลเป็นบนใบหน้าเล็ก ๆ นั้น ซึ่งไม่ใช่ภาพที่น่าดูเท่าไรนัก แต่พอเขาสังเกตเห็นแววบางอย่างที่ฉายประกายกล้าอยู่ในดวงตาสีฟ้าของมิดไนท์เข้า รัฟเฟอรี่ก็รู้ว่าเขาออกจะทําอะไรเกินเลยมากเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่เขาควรจะไปให้พ้นจากที่นี่ ก่อนที่ผู้ชายคนนี้จะเกิดนึกขึ้นมาได้ ว่าเคยเห็นรูปเขาในโปสเตอร์ประกาศจับขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
“เอาละ ผมไปจากที่นี่แน่” เขาพูดเสียงกร้าว “แต่ไม่ได้เป็นเพราะคุณมาไล่ผมหรอกนะ แต่เพราะ...ผมเกรงว่า มิสลาแบลล์...อาจจะเกิดความคิดว่าควรจะทําอะไรสักอย่างขึ้นมาแล้วก็จะ...”
“แจ๊คคะ...คุณรัฟเฟอรี่...รอเดี๋ยว...” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง
เสียงที่ทําให้เขาใจหายวูบ ไม่เพียงแต่แอมเบอร์กําลังวิ่งเข้ามาตรงที่เขากับมิดไนท์ยืนอยู่ด้วยกันเท่านั้น แต่เธอกําลังเรียกชื่อที่ติดป้ายประกาศจับออกมาดังลั่นอีกด้วย
เขาตวัดสายตามองไปทางมิดไนท์ ด้วยความอยากรู้ว่าผู้ชายร่างเล็กคนนี้จะนึกรู้หรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นใคร แต่สีหน้าของกิเดียน มิดไนท์ ในยามนี้เพียงแต่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก แจ๊คนึกรู้ ว่าความไม่พอใจนั้นเนื่องมาจากการที่เขากําลังเข้ามาแย่งชิงของรักของหวงของกิเดียน มิดไนท์ นั่นเอง
ทางที่ดีเขาควรจะรีบออกไปให้พ้นจากที่นี่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ ก่อนที่ผู้ชมที่กําลังทยอยออกมาจากลานแสดงจะเข้ามารุมล้อมและจําได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่ทางการต้องการตัวอยู่
“คุณมีหมาที่น่ารักที่สุดในโลกเลยนะคะ” แอมเบอร์ร้องเมื่อเข้ามาใกล้ “มันชื่ออะไรน่ะ รู้ไหมว่าคืนนี้มันเป็นดาราในการแสดงของเราเลยนะ”
“นังโม้ดดี้ มันเป็นยังงี้ละ เวลาเห็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมันมักจะวิ่งเข้าไปร่วมวงกับเขาด้วยเสมอ” รอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจฉาบขึ้นบนใบหน้า “เราเห็นจะต้องไปกันเสียทีแล้ว ไม่ยังงั้นเดี๋ยวมันจะเข้าไปก่อกวนการแสดงของพวกคุณอีก”
“ตายจริง...ทําไมพูดยังงั้นล่ะคะ หมาของคุณน่ะทําให้การแสดงของเราสมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิมตั้งหลายเท่า มิสลาแบลล์หันไปมองมิดไนท์ด้วยดวงตาฉายแสงแห่งความตื่นเต้น แล้วก็คว้ามือเขาไว้ “คุณคิดว่ายังไงคะ กิเดียน ให้เขาอยู่กับเราจนกว่าการแสดงในโอมาฮ่าจะจบลงดีไหม คุณก็เห็นอยู่แล้วว่าคนดูตื่นเต้นกับหมาตัวนี้กันมาก อีกอย่างหนึ่งหมาสองตัวที่เราฝึกไว้มันก็หนีหายไปตอนที่เราแสดงอยู่ในลีฟเวนเวิร์ธ...”
“ไม่ได้”
“โธ่...กิเดียน หมาของคุณรัฟเฟอรี่น่ะสามารถแสดงแทนได้แน่นอนเลยนะ” แอมเบอร์กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ยิ่งกว่านั้นนะ ถ้าเรามีหมาตัวนี้อยู่ด้วย ได้พวกหมาป่ามันจะได้ไม่เข้ามาวุ่นวายกับฝูงแกะของเราไงล่ะ ฉันเชื่อว่านอกจากเรื่องการแสดงแล้วนังโม้ดดี้ตัวนี้มัน ต้องทําหน้าที่ยามรักษาการณ์ให้เราได้ด้วย”
“ผมบอกแล้วไงล่ะว่าไม่” กิเดียนตอบห้วน ๆ แต่ขณะนี้เขากําลังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงตาคู่ไร้เดียงสาที่แอมเบอร์นํามาใช้ทุกครั้งเมื่อจะให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ และยิ่งกว่านั้นเธอก็ยังจับมือเขาไว้อีกด้วย มันเป็นอะไรบางอย่างที่เขาไม่อาจขัดใจเธอได้เลย
หลังจากนั้นเธอก็ยังเบือนสายตาไปมองรัฟเฟอรี่ด้วยดวงตาแสนสวยคู่นั้น มันมีเลศนัยแฝงอยู่ในแววตาอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วหมาของคุณยังทําอะไรได้อีกบ้างล่ะคะ พนันกันก็ได้...ฉันว่าเจ้าหมาแสนรู้ตัวนี้ มันจะต้องทําอะไรได้อย่างมากมายทีเดียว”
“พอทีเถอะน่าแอมเบอร์” กิเดียนตัดบทอย่างไม่พอใจ “เอาละ ปล่อยเขาไปได้แล้ว และตอนนี้ผมก็จะต้องไปขอบใจคนดูแล้วด้วย”
“แกพูดได้ไหมนังโม้ดดี้” แอมเบอร์มิได้ใส่ใจในคําพูดของกิเดียนแม้แต่น้อย แต่หันไปพูดกับสุนัขแสนรู้ตัวนั้นแทน
และนังโม้ดดี้ก็เห่าออกมาสั้น ๆ เป็นการสนองตอบต่อคําพูดของเธอ...
“ขอมือหน่อยนะ” แอมเบอร์ยังสนุกที่จะทดสอบความสามารถของมันต่อ
โม้ดดี้รีบส่งมือมาให้ด้วยท่าทางกระตือรือร้น แอมเบอร์หัวเราะดังลั่นด้วยความตื่นเต้นที่มันได้รับการฝึกมาอย่างดี และรัฟเฟอรี่ก็บอกตัวเองอยู่ว่า เขาควรจะเล่นสนุกตามไปด้วยอย่างน้อยก็ยั่วให้มิดไนท์หัวปั่นเล่นสักพัก และที่สําคัญก็คือ เขาอยากเห็นประกายสดใสในดวงตาแสนสวยคู่นั้นอีกสักครั้ง
“จริงแล้วโม้ดดี้ชอบเต้นรำมาก” เขาพูดพร้อมกับดึงหีบเพลงปากออกมาจากกระเป๋าก้มลงถามนั่งโม้ดดี้ราวกับมันเข้าใจภาษาคนว่า “เราเล่นเพลงอะไรกันดีล่ะ จะเอาสวอนนี่ ริเวอร์ หรือว่าคลีเมนไทน์ อีหนู”
โฮ้ง...โฮ้ง...
“เอาละ งั้นเล่นมันทั้งสองเพลงเลย” เขาตัดสิน
จากนั้นแจ๊คก็เริ่มลงมือเป่าท่อนนํา และสุนัขแสนรู้ก็ยืนด้วยขาหลังทั้งสองรอเวลาที่เขาจะเริ่มบรรเลงท่อนต่อจากนั้นอยู่ และทันที่เข้าถึงทำนองเพลงอันคุ้นหู โม้ดก็ก้าวไปตามจังหวะ ขาหน้าห้อยอย่างน่ารักขณะที่มันเดินวนตามจังหวะเพลงอยู่รอบตัวเขา ส่วนแจ๊คเองก็เคลื่อนตัวไปในทิศทางตรงข้าม เป็นการเต้นแบบสแควร์ ด๊านซ์ พยายามที่จะไม่ยิ้มอย่างขบขันเมื่อเห็นท่าทางของมัน มิดไนท์เองก็อดทึ่งกับความสามารถพิเศษของสุนัขตัวนี้ไม่ได้ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะแสดงออกถึงขนาดนั้น แอมเบอร์หัวเราะอย่างตื่นเต้น
แต่ยัง...พวกเขายังไม่ได้เห็นของดีกว่านั้น...เมื่อรัฟเฟอรี่เริ่มเล่นเพลงคลีเมนไทน์นั่งโม้ดดี้ก็พลอยหอนตามราวกับร้องคลอเพลงนั้นไปด้วย
เสียงหัวเราะของสาวน้อยทําให้หัวใจของรัฟเฟอรี่หวั่นไหวยิ่งนัก และเมื่อได้ยินเธอตบมือให้จังหวะ เขาก็เป่าหีบเพลงอย่างสุดฝีมือ และแอมเบอร์ก็ร้องตามอย่างสนุกสนาน
“โอ มาย ดาร์ลิ่ง...โอ มายดาร์ลิ่ง...โอ มายดาร์ลิ่งคลีเมนไทน์...” ยิ่งแอมเบอร์ร้องเสียงดังเท่าไร นังโม้ดดี้ก็หอนตามดังยิ่งขึ้นกว่านั้น
และแจ๊คก็ได้ยินเสียงตบมือให้จังหวะที่มิได้มีเพียงแอมเบอร์คนเดียวเสียแล้ว เมื่อหันไปมองก็เห็นคนอื่น ๆ เข้ามารุมล้อมอยู่หลังกิเดียน ทุกใบหน้าฉาบอยู่ด้วยรอยยิ้ม ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจที่สุนัขแสนรู้ของเขาสามารถเรียกความนิยมให้เกิดขึ้นในหมู่คนดูได้