บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

เธอเคลื่อนตัวไปบนเวทีที่สร้างขึ้นไว้ด้วยท่าทางงามสง่าของนักระบํา และยังเจรจาด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น เพื่อช่วยให้บรรยากาศการแสดงมีชีวิตจิตใจขึ้น และหลังจากการแสดงของเธอผ่านไปไม่นาน เสียงดนตรีก็ดังกึกก้องขึ้นเป็นการตัดบทการเดินทางในฉากนั้นลง หัวใจของรัฟเฟอรี่พองโตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเธอมองมาทางเขา นอกจากจะยิ้มให้แล้วก็ยังส่งจูบปลิวมาถึงอีกด้วย ก่อนหน้าที่จะหายตัวกลับเข้าไปในฉาก

มันเป็นความโง่เขลาอย่างยิ่งที่จะสร้างความเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ กับนักแสดงละครเร่ที่อาจจะนําความหายนะมาสู่ แต่กระนั้น...อีกครั้งหนึ่งที่แจ๊คเต็มใจอย่างประหลาดที่จะพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้

เขาบอกกับตัวเองอยู่ว่า ควรจะอยู่แถวนี้ให้นานพอที่จะหาเหตุผลให้ได้ ว่าเพราะเหตุใด เธอจึงยอมพูดโกหกเพื่อช่วยเขาไว้ และเธอหวังอะไรเป็นการตอบแทนจากเรื่องนี้ เมื่อใดที่รู้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็จะไปให้พ้นจากที่นี่...นั่นเป็นสิ่งที่เขาให้สัญญาตัวเองอยู่

บรรยากาศการแสดงเคลื่อนต่อไปอย่างรวดเร็ว ผ่านเหตุการณ์ในตอนกลางศตวรรษ และการลงหลักปักฐานของชาวอเมริกันในแผ่นดินตะวันตก

ภาพเหตุการณ์ในตอนนี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นด้วยฉากท้องทุ่งกว้าง ที่มีป่าดงพงทึบอยู่ด้านหลัง ทั้งสองด้านของฉากมีตัวแสดงประกอบเป็นผู้หญิงชาวบ้านในเสื้อกระโปรงชุดผ้าฝ้าย สวมหมวกบอนเนต กําลังต้อนปศุสัตว์ออกมาเลี้ยงกันกลางทุ่ง

และตอนนั้นเองที่นั่งโม้ดดี้ สุนัขพันธุ์คอลลี่ของเขาเห่ากระชั้นขึ้นพร้อมกับยืดคอออกไป รัฟเฟอรี่ต้องเอาแขนโอบคอมันไว้เพื่อให้อยู่นิ่ง ๆ

“นี่มันเป็นการแสดงหรอกน่าอีหนู ไม่มีหมาที่มีมรรยาทตัวไหนเขาขัดจังหวะการแสดงแบบที่แกกําลังทําอยู่หรอกนะ” เขาปรามมันด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวล “อีกอย่างหนึ่ง สุภาพสตรีพวกนั้นเขาเลี้ยงวัวของเขาเองได้ แกไม่จําเป็นต้องเข้าไปช่วยเขาเลี้ยงด้วยหรอก เข้าใจไหม”

โม้ดดี้เลียแก้มเขา แล้วก็หันไปให้ความสนใจกับบรรยากาศการแสดงต่อ แต่เขาสามารถรู้ได้ว่าสัญชาตญาณของมันกําลังอยู่เหนือธรรมชาติที่ได้รับการฝึกมาแล้วอย่างดีหลายเท่านัก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสุนัขพันธุ์นี้มีสัญชาตญาณที่ได้รับการฝึกมาเพื่อการเลี้ยงสัตว์นับเป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว เขาต้องออกกําลังไม่น้อยที่จะไม่ให้มันเข้าไปรบกวนการแสดงของคณะละครเร่อยู่

โฆษกกําลังบรรยายถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ช่วงนั้น ขณะที่คนงานช่วยกันเลื่อนกระท่อมปีกไม้เข้ามาในฉาก เพื่อที่ครอบครัวซึ่งอยู่ในเกวียนที่มีหลังคาคลุมจะได้ใช้เป็นที่พํานักอาศัยกันต่อไป เป็นการจําลองภาพของท้องทุ่งกว้างในแผ่นดินคันซัสสมัยก่อน

ทันใดก็มีเสียงโห่ร้องของพวกอินเดียนดังขึ้น ในท่ามกลางบรรยากาศของยามราตรี พร้อมกันนั้นลูกธนูไฟก็ถูกระดมยิงไปยังกระท่อมหลังดังกล่าว

ช่างเป็นการแสดงที่มหัศจรรย์อะไรเช่นนั้น...อินเดียนที่ป่าเถื่อนทั้งหลายต่างขี่ม้าวนกันอยู่รอบ ๆ กระท่อม สังหารบุคคลในครอบครัวลง แล้วก็ยังขโมยวัวกับม้าไปด้วย...

และกองทหารก็เดินทางมาถึง มีการโบกธงไสว เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่ว เมื่อควันปืนจางลง บนพื้นดินก็เกลื่อนกลาดอยู่ด้วยซากศพของพวกอินเดียนที่เปื้อนเลือดเกรอะกรัง...และแล้ว นักแสดงทุกคนก็ลุกขึ้นจากพื้นดิน โค้งคํานับรับเสียงปรบมือของผู้ชมที่ถูกต้อง ขณะเดียวกัน พวกคนงานก็รีบเข้ามาเคลียร์พื้นที่เพื่อการแสดงในฉากต่อไป

ทุกสิ่งดําเนินไปด้วยดีเมื่อกิเดียน มิดไนท์ ซึ่งแสดงเป็นวิลเลียม โคดี้ แสดงบทบาทการขี่ม้าอย่างสง่างาม การโจมตีของพวกโจรผู้ร้ายในฉากนี้ที่เหมือนจริงทุกอย่าง ทําให้ผู้ชมถึงกับกลั้นลมหายใจ ต่างชะโงกหน้าเข้าไปจับตามองขณะที่พระเอกขับรถม้าหนี และมีโจรสวมหน้ากากไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด แต่ในฉากนี้นังโม้ดดี้ที่ได้มีส่วนเข้าไปร่วมแสดงด้วย

เนื่องจากฝูงปศุสัตว์อยู่เบื้องหลังรั้วลวดหนามด้านหนึ่ง และยังมีฝูงแกะอยู่ด้านตรงข้าม ขณะที่ผู้เป็นเจ้าของตามท้องเรื่องกําลังใช้ปืนยิงโจรอย่างแม่นยําอยู่นั้น เจ้าสุนัขพันธุ์คอลลี่ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เจ้าหล่อนผวาวิ่งออกจากการเกาะกุมของแจ๊คไปจากช่องทางเดิน จนเข้าไปอยู่ในท่ามกลางเหตุการณ์กําลังสับสนอลหม่าน ทั้งเห่า ทั้งวิ่งไล่ต้อนฝูงแกะเพื่อที่จะให้มันเข้ามารวมเป็นกลุ่มอยู่ตรงกลาง

รัฟเฟอรี่สบถออกมา ขยับจะตะโกนเรียกมันกลับมา แต่ก็เห็นอยู่ว่าผู้ชมกําลังพออกพอใจอย่างยิ่ง พวกเขาต่างคิดว่าโม้ดดี้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงในค่ำคืนนี้ จึงต่างปรบมือกันอีกก้อง เมื่อสุนัขของเขาผละจากฝูงแกะหันมาไล่ต้อนปศุสัตว์ต่อ ดวงตาของเจ้าหล่อนเป็นประกายที่สามารถตรึงสัตว์ที่ออกนอกลู่นอกทางมาแล้ว แม้แต่ผู้ที่แสดงเป็นเจ้าของไร่ปศุสัตว์ก็ยังชื่นชมในนังโม้ดดี้ และเมื่อมันวิ่งกลับไปเห่ากระชั้นไล่ต้อนปศุสัตว์อีกครั้ง หัวใจเขาก็พองโตจนคับหน้าอก

พระเจ้า...เขาคิดถึงช่วงเวลาที่รับจ้างเลี้ยงแกะในทุ่งกว้างแห่งรัฐโคโลราโด้เสียเหลือเกิน ตอนนั้นเขาก็มีเพียงเจ้าคอลลี่ตัวนี้ที่อยู่เป็นเพื่อน...

แต่ทุกสิ่งมันได้กลายเป็นความหลังที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวกลับไปมอง เขาจําเป็นต้องออกเดินทางอีกครั้ง เคลื่อนตัวออกไปอยู่นอกขอบของกระแสแห่งความศิวิไลซ์ เนื่องจากเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในคืนอันร้อนระอุในเมืองดอดจ์ เหตุการณ์ที่ทิ่มแทงเข้าไปกลางหัวใจแห่งอนาคตอย่างรุนแรง

เขาเหลียวกลับไปมองข้างหลัง แล้วก็ตัดสินใจว่าจะออกไปรอโม้ดดี้ข้างนอกเพื่อที่เจ้าหล่อนจะได้ไม่ทําให้ใครหันมาสนใจเขาตามไปด้วย

คณะละครเร่ของกิเดียน มิดไนท์ นั้นเดินทางโดยรถไฟ และขณะที่รัฟเฟอรี่ยืนพิงรถขนเครื่องอุปกรณ์การแสดงที่ทาสีไว้เจิดจ้าสูบบุหรี่เงียบ ๆ อยู่นั้น ความรู้สึกร้อนใจใคร่จะไปให้พ้นเสียจากที่นี่ทําลายความสุขที่เพิ่งได้รับมาลงโดยสิ้นเชิง

มันเป็นคืนแห่งเดือนตุลาคมที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส ดวงดาวนับล้านดาระดาษอยู่บนแผ่นฟ้าอันไพศาล มันเป็นบรรยากาศแห่งความสงบที่แตกต่างกว่ากับบริเวณที่ตั้งของกลุ่มเต๊นท์ที่อึงอลด้วยเสียงการสู้รบของการแสดง เสียงโฆษณาชวนเชิญเรียกความสนใจจากผู้ที่เดินผ่านไปมา

อันที่จริง เขาควรจะเชื่อสัญชาตญาณของตนเอง ควรจะไปให้พ้นจากที่นี่ก่อนหน้าที่แอมเบอร์ ลาแบลล์ จะเกลี้ยกล่อมให้เขาต้องทําอะไรบางอย่าง ที่อาจจะสร้างความเสียใจให้เกิดขึ้นในภายหลังได้...ก็นั่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทําได้ดีที่สุดมิใช่หรือ...

เพียงครู่ โม้ดดี้ก็กระโดดออกมาจากบริเวณการแสดงสีหน้าของเจ้าหล่อน บอกความภาคภูมิใจในตนเองอย่างเหลือล้น และทันทีที่การแสดงฉากนั้นจบลงผู้คนก็จะเข้ามารุมล้อม ถ้าเขาไม่ออกไปให้พ้นจากที่นี่เสียก่อน ช่วยไม่ได้ที่ใครๆ จะหลงรักมัน เมื่อโม้ดดี้แสดงความสามารถพิเศษตามสัญชาตญาณของมันออกมา

“เราไปจากที่นกันได้แล้วนะอีหนู” เขาพูดกับมันด้วยน้ำเสียงแหบห้าว ไม่อาจลงโทษได้เมื่อมันกระดิกหางยิ้มร่าใส่เขาอยู่แบบนี้ เขาโยนก้นบุหรี่ลงกับพื้นดินใช้ส้นรองเท้าขยี้ดับ แล้วจึงได้เริ่มออกเดินไปยังราวรั้วที่กั้นบริเวณไว้

“ตอนนี้สบายใจมากแล้วใช่ไหมล่ะที่ได้แสดงออกให้ใคร ๆ เขาดูแบบนั้น แกเองก็คิดถึงตอนที่เราช่วยกันเลี้ยงแกะเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”

แต่ทั้งเขาและสุนัขออกเดินไปยังไม่ทันถึงสิบก้าว เสียงแหลมเล็กก็ตะโกนตามมาข้างหลัง

“เฮ้ย...แกนั่นน่ะ...ไปให้พ้นจากที่นี่ได้แล้ว แล้วก็เอาไอ้หมาสกปรกตัวนั้นไปด้วย คนอย่างฉันไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะการแสดงแบบนี้”

ถึงไม่ต้องหันไปมอง รัฟเฟอรี่ก็รู้ว่าผู้ที่กําลังตะโกนตามหลังมาคือกิเดียน มิดไนท์ บรรยากาศอันแสนดีในยามนี้ไม่คุ้มกับการที่จะไปโต้เถียงกับเขา แต่การที่ใครจะมาด่าว่าหยามหยันสุนัขของเขานั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง

แจ๊ค รัฟเฟอรี่ จึงเหลียวหลังกลับไปมองช้า ๆ และได้เห็นผู้ชายร่างผอมเหมือนไม้กลัดกําลังเดินตรงเข้ามาหา เห็นได้ชัดว่าต้องการจะส่งเขาให้ถึงม้า มันทำให้แจ๊คตัดสินใจขึ้นมาได้ในนาทีนั้น ว่าเขายังไม่พร้อมจะไปจากที่นี่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel