บทย่อ
แอมเบอร์ ลาแบลล์ สาวน้อยแห่งคณะละครเร่ รู้ตัวตั้งแต่วินาทีแรกที่เดียวว่า แจ๊ค รัฟเฟอรี่ ผู้มีข้อหาติดตัวนั้นคือชายในฝันที่จะผันแปรชะตาชีวิตของเธอแน่นอน และ...อาจจะต้องเดือดร้อนอย่างหนัก แต่เธอก็พร้อมจะสู้ เพื่ออยู่เคียงข้างเขา ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นสวรรค์ หรือในนรกก็ตาม ขณะเดียวกับที่แจ๊คพยายาม “หนี” ตลอดเวลา ทั้งที่ความโหยหาอ้อมแขนอันอบอุ่นนั้นรุนแรงยิ่งนัก อะไรจะเกิดขึ้นกับหนุ่มสาวคู่นี้ ผู้..ทั้งที่หัวใจตรงกันแต่ความคิดนั้นกลับขัดขืน?!
บทที่ 1
ตุลาคม 1899
“เอาเหรียญเงินวางลงในมือฉันได้เลยโคบาล มือใหญ่ ๆ แข็งแรงของคุณรับรองว่าจะต้องเล่าเรื่องราวอันแปลกประหลาดในชีวิตให้คุณฟังอย่างที่คุณไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนหรอก แค่เห็นฉันก็บอกได้แล้ว”
ขณะนั้น แจ๊ค รัฟเฟอรี่ เข้ามาหยุดอยู่ด้านในของเต๊นท์ขนาดเล็กที่น่าอึดอัดนั่นแล้ว ปล่อยให้ผ้าใบตรงประตูทิ้งตัวปิดตามหลังลง พลอยทําให้เสียงร้องเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามาชมการแสดงของคณะละครเร่ที่ตั้งอยู่ภายนอกเบาลงได้มาก และโม้ด สุนัขคู่ใจของเขาก็นั่งลงกับพื้นดินตรงนั้น
กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ อบอวลไปทั่วเต๊นท์ เช่นเดียวกับอานุภาพแห่งดวงตาคู่สีม่วงเข้มที่กําลังประสานอยู่กับเขาด้วยความคมกล้า
ปกติแล้วเขาจะไม่สนใจกับการทํานายทายทักปลอมแบบนี้ แต่สัตว์โลกแสนสวยชาวยิปซีคนนี้ สามารถจะสร้างความเชื่อให้เกิดขึ้นกับเขาได้ อย่างน้อยก็สําหรับคืนนี้
เขาเดินเข้าไปยังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ช้า ๆ แสงเทียนที่วาบไหวทําให้ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายเรืองเรื่อ สร้อยคอพลอยสะท้อนแสงวาววามราวยืนยันในความมั่นใจ เรือนผมของเธอถูกห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าโพกสีสันบาดตา แต่ปอยหนึ่งระย้าน้อนลงเคลียอยู่กับท่อนบนของตัวเสื้อสีครีมแบบชาวบ้านที่เธอสวมใส่ เนื้อผ้าที่ค่อนบางเบาสะท้อนขึ้นลงอยู่กับแรงหายใจ ขณะที่แจ๊คทรุดตัวลงนั่งตรงหน้านั้น พบว่าสายตาจรดต้องอยู่กับเนินทรวงคู่ใหญ่ที่น่าตื่นตาตื่นใจเหลือจะกล่าว
“คุณคือ...เอ้อ...มาดามลาแบลล์ใช่ไหม” เขาถามไม่เต็มเสียง
“ค่ะ” เธอตอบเสียงหวาน พร้อมกับยื่นมือมาให้ด้วยท่วงท่าสง่างาม
มันมีอะไรบางอย่างที่ทําให้เขาแสร้งทําเป็นไม่สนใจกับท่าทีของเธอ อะไรบางอย่างที่บ่งบอกสัญชาตญาณดิบที่เขาไม่กล้าอนุญาตให้ตัวเองได้สัมผัสนานเกินไป และแทนที่เขาจะสัมผัสมือเธออย่างสุภาพบุรุษกลับคว้ามือนั้นมากุมไว้
“คุณมีรูปเปลือยของตัวเองบ้างหรือเปล่า”
คําถามประโยคนั้นทําให้แอมเบอร์ถึงกับอ้าปากค้างที่ผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาถึงในเต๊นท์ของเธอเพื่อจะมาขอรูปโป๊เท่านั้นเองละหรือ...
ดวงตาของเขาวาววับอยู่ภายใต้ปีกหมวกสีดํา ปอยผมตรงท้ายทอยระอยู่กับปกเสื้อ ริมฝีปากที่ซ่อนอยู่ใต้แผงหนวดสามารถกล่าวคําเท็จได้คล่องปาก และจะต้องสร้างความเดือดร้อนให้เธออย่างแน่นอน
“นี่...ฉันน่ะเคยเห็นหน้าคุณมาก่อนนะ” เธอพูดเป็นเชิงเตือน “แล้วมันก็ไม่ใช่โปสเตอร์ของมหาเศรษฐีหนุ่มที่น่าสนใจด้วย ออกไปจากเต๊นท์ได้แล้วก่อนที่ฉันจะเรียกนายอําเภอ”
ให้ตายสิ...โปสเตอร์แจ้งจับใบนั้นนําหน้ามาก่อนที่เขาจะเดินทางมาถึงโอมาฮ่าเสียด้วยซ้ำ และเสียง...คลิก...ที่ได้ยินอยู่ขณะนี้ บอกให้รู้ว่าหล่อนกําลังเล็งปืนเข้าใส่เขาอยู่ใต้โต๊ะ นับเป็นพฤติกรรมอันแปลกประหลาดสําหรับผู้หญิงแสนสวยที่ไม่ได้ใช้ความพยายามจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขาเลย
พระเจ้า...ขณะเดียวกันเธอก็มิได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากใครให้มาจับเขาด้วย รัฟเฟอรี่ถลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผลักโต๊ะกระเด็นไปตอนที่เสียงปืนดังกึกก้องขึ้น พร้อมกับที่ร่างของมิสลาแบลล์ซวนเซไปปะทะกับผนังเต๊นท์เต็มเหนี่ยว...
ผลที่เกิดตามมาก็คือ เต๊นท์ที่มิได้แข็งแรงอะไรเลยล้มครืนลง สร้างความอลหม่านอย่างที่เขาต้องการจะให้มันเกิดทันตาเห็น โม้ดนั้นกระโจนออกไปได้ก่อนและเห่าเสียงขรึม ขณะที่มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นรอบทิศ กลิ่นดินปืน กลิ่นธูป กลิ่นเทียนไขที่ดับวูบลงแทบจะทําให้เขาสําลักตอนที่เต๊นท์ตกลงคลุมตัวเหมือนผ้าม่าน แต่สิ่งที่แจ๊คให้ความสนใจคือพยายามทําให้หญิงสาวที่ถูกเขาทับอยู่ยุติการดิ้นรนลง
“คุณจะต้องทําตามที่ผมสั่ง แล้วจะไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น” เขาคํารามอยู่ข้างหู “ทิ้งปืนเดี๋ยวนี้...”
“นี่คุณกําลังบดฉันอยู่นะ”
“ใช่...และเราก็จะปล่อยให้มันอยู่ในท่านี้สักพักเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดด้วย”
“ฉันน่ะเข้าใจคุณอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว” แอมเบอร์ร้อง “คอยดูนะ ให้กิเดียนกับคนอื่น ๆ เข้ามาในนี้เสียก่อน...”
นอกจากเสียงเห่ากระชั้นของโม้ดแล้ว รัฟเฟอรี่ก็ยังได้ยินเสียงร้องถามมาจากข้างนอกว่า มิสลาแบลล์เป็นอะไรหรือเปล่า ขณะเดียวกันคนเหล่านั้นก็ช่วยกันยกเสาเต๊นท์ที่ผ้าใบยังห่อหุ้มเนื้อตัวของเขาและเธอขึ้น มิสลาแบลล์ดิ้นรนสุดเหวี่ยง แต่ยิ่งดิ้นเท่าไรก็เหมือนจะเชิญชวนเขามากขึ้นเท่านั้น เสียงกรีดร้องของเธอในยามนี้แทบจะแก้วหูแตก และรัฟเฟอรี่ที่มองเห็นทางเดียวที่จะทําให้เธอหยุดร้องลงได้ และมันก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาเดินออกจากเต๊นท์นี้อย่างอิสระด้วย
เหมือนสายฟ้าแลบแปลบขึ้น เมื่อผู้ชายแปลกหน้าคนนี้กระหน่ำจูบลง...
ทันทีที่ความตกใจคลายลง การดิ้นรนของแอมเบอร์ก็เพิ่มความรุนแรงขึ้น ชีวิตที่เร่ร่อนอยู่กับท้องถนนมานานเดือน ทําให้เธอรู้จักผู้ชายประเภทนี้ดี ถ้าเขาคิดว่าเขาสามารถทําให้เธอหยุดร้องลงได้ด้วยจูบแบบพิสดารนี้แล้วละก้อ...เขาจะต้อง...เขาจะต้อง....
เขาจะต้องจูบต่อไป...มันเป็นแวบหนึ่งของความคิดที่ผ่านเข้ามาในสมองขณะที่ปลายลิ้นกระหวัดรัดพันกันอยู่ มันเป็นไปได้อย่างไรที่สุนัขป่าเจ้าเล่ห์กลายเป็นลูกสุนัขไปได้ทันตาเห็นเช่นนี้... แผงขนตายาวคู่นั้นกะพริบถี่ ๆ เสียดสีอยู่กับเนียนแก้ม ขณะที่เขาสํารวจปากคอเธออย่างนุ่มนวล มันคล้ายกับเขาหมกมุ่นอยู่กับการจูบจนไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงเอะอะที่ดังอยู่รอบตัวแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันฝ่ามือคู่นั้นก็โลมไล้อยู่กับใบหน้า และช่วงลําคอ และเมื่อเสียงแหลมเล็กของใครคนหนึ่งดังขึ้นเหนือเสียงของคนอื่น ๆ แอมเบอร์ก็ตัดสินใจได้ ว่าควรจะต้องเล่นไปตามบทบาทที่ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้กําหนดไว้ให้เสียแล้ว แม้เขาจะเป็นบุคคลอันตรายที่น่าตื่นใจอย่างเหลือประมาณ และเมื่อสนุกกับความคิดดังกล่าว เธอก็อดหัวเราะออกมาอย่างขบขันไม่ได้
“ขำอะไร” แจ๊คถามอย่างงุนงง
“ก็...ก็หนวดของคุณน่ะสิ...จั๊กจี้ดีออก”
เมื่อผู้ชายที่โถมทับอยู่บนตัวแยกยิ้มออกมา หน้าตาเขาก็บอกความคมสันอย่างที่เธอนึกไม่ถึงมาก่อน
“งั้นเราน่าจะจูบกันต่อนะ ผมชักชอบคุณขึ้นมาแล้วสิ ดีกว่าตอนที่ตะโกนใส่หูผมแยะเลย”
สัญชาตญาณทําให้แอมเบอร์ตระหวัดแขนขึ้นโอบคอเขาไว้ แล้วก็ยอมสนองตอบกับจูบที่ระดมลงมาราวกับไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิตนี้ แต่ว่า...สิ่งที่กําลังเกิดอยู่ในตอนนี้เป็นเพราะปฏิกิริยาที่กิเดียน มิดไนท์ แสดงออกอยู่เช่นนั้นหรือ...หรือว่าความมึนงงที่เกิดอยู่กับเธอมันเนื่องมาแต่ถูกกระดมจูบจนหายใจหายคอไม่ทันกันแน่...
อย่างไรก็ตาม เมื่อประตูเต๊นท์เปิดออกพร้อมกับสายลมเย็นเยือกผ่านเข้ามา เธอก็สั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดของชายแปลกหน้าคนนี้
แอมเบอร์ ลาแบลล์ รู้แต่เพียงว่า ในนาทีสุดท้ายของสถานการณ์อันวิกฤติที่ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว...และยังควบคุมเธอไว้ได้อีก ด้วยริมฝีปากของเขานุ่มละมุน แต่กระนั้นก็ยังยืนยันในความมั่นใจ และคล้ายจะล้วงความลับที่เธอกําลังสื่อให้เขารู้ได้ด้วย ว่าไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมีสิทธิ์ที่จะเข้ามากกกอดเธอได้ถึงขนาดนี้
“นี่มันเกิดเรื่องระยำอะไรขึ้น”
“เฮ้ย...ใครมาดึงไอ้หมอนี่ออกจาก...”
“บอกให้ไอ้หมาตัวนั้นมันหยุดเห่าเสียที ไม่ยังงั้นข้าจะ...”
ผู้บุกรุกผละออกจากเธอ ดวงตาคู่นั้นจ้องลึกในดวงตาที่เบิกกว้างไร้เดียงสา ที่เธอใช้สําเร็จมานับครั้งไม่ถ้วนเวลาโกงไพ่ ตอนที่เขาผละออกนั้นเธอกําลังคิดอยู่ว่า มันจะเยี่ยมยอดสักเพียงไร ถ้าดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มคู่นี้จะจรดจ้องมองเธออยู่ทั้งคืน.... จนกระทั่งเสียงค้อนตอกลิ่มฝังลึกลงในดิน เพื่อจะยันเสาเต็นท์ไว้ไม่ให้ล้มลงมาอีก เสียดแทรกเข้าไปในสมองนั่นแหละ เธอจึงได้ลืมตาขึ้น และได้เห็นผู้คนที่เข้ามารุมล้อมอยู่รอบตัว และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือปืนหลายกระบอกที่กําลังเล็งมาที่ร่างเขากับเธอด้วย
“ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ” เสียงแหลมเล็กเหมือนเสียงผู้หญิงของกิเดียนตวาดถามมา แต่ปืนในมือเขากับคนอื่น ๆ ก็ยังเล็งอยู่กับแผ่นหลังของคนแปลกหน้าอยู่ดี ท่าทางของคนแปลกหน้าในยามนี้เหมือนเขากําลังถูกหยามหมิ่นจนใกล้จะหมดความอดทนแล้ว