บทที่ 2
ขณะคิดหาคําตอบอยู่นั้น แอมเบอร์รู้ดีว่าเขากําลังมีความรู้สึกอย่างไร น่าจะเป็นครั้งแรกที่พ่อเจ้าชู้ไก่แจ้ตัวนี้ถูกถอนขน... เมื่อคิดถึงตรงนี้รอยยิ้มก็ฉาบขึ้นบนใบหน้า เธอเลียไล้ริมฝีปากอยู่ราวต้องการยืนยันในอะไรบางอย่าง
“ฉันต้องขอโทษอย่างมากเลยนะ ที่เราสองคนสร้างภาพไม่น่าดแบบนี้” เธอพูดเสียงหวาน “แต่จริง ๆ แล้วผู้ชายคนนี้ เขาเป็นเพื่อนรักของฉัน หายไปตั้งนาน เพิ่งจะกลับมาพบกันวันนี้เอง คิดดูก็แล้วกันว่าคนที่ไม่ได้เห็นหน้ากันนาน ๆ พอเจอกันเข้าแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น...อะไร ๆ มันก็เลยหลุดหมด ไม่ได้คิดจะระวังเนื้อระวังตัวหรอก...เรื่องมันก็แค่นี้เอง...ไม่ใช่ร้ายแรงอะไรอย่างที่พวกคุณคิดหรอก”
สายตาของรัฟเฟอรี่มิได้ละจากใบหน้าเธอเลย เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการโกหกด้วยสีหน้าซื่อ ๆ แต่มันก็ใช้ได้ผลอย่างเกินคาด และขณะนี้เธอก็กําลังมองผู้ชายคนที่ชื่อกิเดียนด้วยดวงตาสดใส ไร้มลทินคู่นั้น...
เขารู้ว่าเธอมีความเข้าใจในตัวเขาเช่นเดียวกับที่เขามีความเข้าใจในตัวเอง และอาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่เหลี่ยมจัดน่าดูทีเดียว แต่จะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม ขณะนี้เธอกําลังช่วยเขาอยู่ และเขาก็รู้ดีว่าไม่ควรจะอยู่ที่นี่ให้นานเกินไปนัก ความอาจจะแตกขึ้นมาเสียก่อนก็เป็นได้
“ใช่...” เขาคล้อยตามเมื่อลุกขึ้นจากร่างที่ยังทับอยู่ “มิสลาแบลล์กับผมเคยเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อน อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันวุ่นวายขนาดนี้หรอก แต่บางครั้งใจคอมันก็เตลิดจนบังคับไว้ไม่อยู่”
“งั้นก็ออกไปให้พ้นจากที่นี่ได้แล้ว” ผู้ชายรูปร่างเล็กผอมเกร็งตวาดกลับมา “กําลังจะถึงเวลาเปิดการแสดงอยู่แล้ว แอมเบอร์จะต้องเตรียมตัว”
แจ๊ครู้อยู่แล้วว่าจะต้องได้ยินคําพูดแบบนี้ แต่เขาไม่ชอบให้ใครมาเตะออกไปง่าย ๆ และตอนนี้เขาก็จําได้แล้วว่า ผู้ชายร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาขณะนี้คือกิเดียน มิดไนท์ เจ้าของและผู้จัดการคณะละครเร่ ที่เปิดการแสดงอยู่ในทั่วภาคตะวันตก เป็นการทํามาหากินอันชาญฉลาดที่สร้างความมั่งคั่งให้กับกิเดียนได้ทันตาเห็น เขาเห็นป้ายโฆษณาการแสดงของคณะละครเร่ติดอยู่แทบทุกเมืองทางฟากตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้
แต่ขณะเดียวกัน ป้ายประกาศจับตัวเขา ที่ตั้งค่าหัวไว้เป็นจํานวนไม่น้อยก็ติดอยู่ในทําเลที่ใกล้เคียงกัน
เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว แจ๊คก็บอกตัวเองอยู่ว่า เขาเห็นจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เสียแล้ว โดยเฉพาะในทุกเรื่องที่มีมิสลาแบลล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขาสามารถสัมผัสอันตรายที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ตัวได้ทุกเมื่อ
และถ้ากิเดียนรู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเรียกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้มาจัดการกับเขา อย่างน้อยก็ในข้อหาบุกรุก และกําลังจะเข้ามาลักพาตัวดาราสาวเจ้าเสน่ห์ ซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าเป็น “ตัวเงินตัวทอง” ของเขาไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่รัฟเฟอรี่ต้องการ
เขายื่นมือไปให้สาวสวยผู้ช่วยชีวิตได้สัมผัส ขณะที่หญิงสาวผู้อยู่ในเสื้อกระโปรงแบบยิปซีปัดคราบฝนที่เกาะติดอยู่กับกระโปรงสีแดงออก ขยับคอเสื้อให้เข้าที่เข้าทางอยู่นั้นเอง เธอก็อุทานอะไรบางอย่างออกมา และโดยไม่อับอายต่อสายตาใครทั้งสิ้น เมื่อเธอคุกเข่าลงกับพื้นดิน สอดส่ายสายตาหาอะไรบางอย่างอยู่ด้วยความร้อนใจ จนในที่สุดก็คว้าถุงสีขาวสองถุงขึ้นมาจากซอกเต๊นท์…
พอสายตาของเขาและเธอประสานกัน ใบหน้าของหญิงสาวก็แดงก่ำยิ่งกว่าสีกระโปรงที่สวมใส่ และตอนนั้นเองที่แจ๊คเพิ่งสังเกตเห็นว่าทรวงอกของเธอเล็กกว่าตอนที่เขาก้าวเข้ามาในเต๊นท์ครั้งแรก
เขารีบเดินหน้าไปกระแอมไอเพื่อกลบเกลื่อนเสียงหัวเราะเสียทางหนึ่ง มีความรู้สึกอยู่ว่า นักพยากรณ์สาวผู้นี้ก็มีความลับมากมายที่ปิดบังไว้ไม่ต่างไปกว่าเขาเลย...
และถึงแม้เขาจะรู้ ว่าไม่ควรอยู่ที่นต่อไป เพราะอาจจะมีใครจําหน้าได้ แต่กระนั้น มันก็ยังมีความรู้สึกหวั่นไหวเกิดขึ้นในใจ เขาไม่เคยดูการแสดงของคณะละครเร่มาเป็นเวลานานปี ไม่เคยพบเห็นใครที่สามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมลวงล่อได้ยอดเยี่ยมเช่นมิสลาแบลล์ผู้นี้มาก่อน และยิ่งไปกว่านั้น ความอ้างว้างเดียวดาย เนื่องจากเป็นบุคคลที่ทางการกําลังต้องการตัว มันทําให้เขาอยากจะหาที่พักพิง อย่างน้อยทางใจก็ยังดี
“เอาไว้ให้การแสดงจบเสียก่อนแล้วเราค่อยพบกันใหม่นะ” เขากล่าวพร้อมกับหลิ่วตาให้หญิงสาวหมอดูลายมือผู้นั้นอย่างเป็นนัย
หลังจากนั้นเขาก็ก้มลงมองสุนัขพันธุ์คอลลี่สีขาว-ดํา ผู้เป็นมิตรสนิทใจ ซึ่งกําลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยดวงตาสีน้ำตาลคู่ใหญ่ด้วยความจงรักภักดีอันล้นเหลือ
“มา...เราไปกันเถอะโม้ดดี้ ไปหาที่นั่งหน้าเวทีกันดีกว่าจะได้ไม่พลาดชมการแสดงไงล่ะ ฉันรู้นะ ว่าแกเองก็อยากจะแสดงกับเขาบ้างจะแย่อยู่แล้ว...”
การแสดงในค่ำคืนนี้ ก็เช่นเดียวกับการแสดงละครเร่ของคณะต่าง ๆ ที่บัฟฟาโล่ บิลล์ เป็นผู้ริเริ่มขึ้นเสียส่วนใหญ่ เพียงแต่การแสดงของคณะกิเดียน มิดไนท์ ออกจะแตกต่างไปบ้างเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังคุ้มกับค่าเงินทุกเซ็นต์ที่ซื้อบัตรเข้ามาดู รัฟเฟอรี่ครุ่นคิดอยู่ขณะนั่งชมการแสดงอย่างตื่นตาตื่นใจที่สุด
ความทรงจําของเขาหวนกลับคืนไปสู่เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เดินทางมาจากคันซัส ซิตี้ และเพิ่งได้ลิ้มรสชาติแห่งชีวิตของโคบาลกับอินเดียนเป็นครั้งแรก และการแสดงในคืนนี้ ก็เรียกความทรงจําในครั้งกระนั้นให้กระจ่างสดใสขึ้น เมื่อบรรยากาศของการต่อสู้ชีวิตในภาคตะวันตก ที่มีแต่เสียงปืนกับเสียงโห่ร้องของพวกอินเดียนดังกึกก้องไปทั่ว
เมื่อมาถึงยุคปัจจุบัน ภาคตะวันตกได้แปลงเปลี่ยนเป็นแผ่นดินที่ศิวิไลซ์ไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นความรู้สึกที่ดีที่จะได้ย้อนยุคกลับเข้าสู่เรื่องราวอันเป็นตํานานแห่งความตายในอดีตที่ผ่านมา อดีตที่ไม่มีผู้ใดรู้จักโทรศัพท์หรือไฟฟ้า อดีตที่ไม่มีมือกฎหมายเข้ามาจัดการกับผู้กระทําความผิด…
แจ๊คลอบกวาดสายตาไปยังผู้ชมทั้งหลาย แล้วก็พบว่าทุกคนกําลังทุ่มเทความสนใจให้กับการแสดง ที่มีโคบาลนั่งอยู่หลังม้า ยิงกันด้วยกระสุนหลอกผสมโรงกับบรรยากาศของการแสดงจนเกินกว่าจะนึกรู้ ว่าขณะนี้มีอาชญากรที่ทางการกําลังต้องการตัว เข้ามานั่งอยู่ในท่ามกลางพวกเขา
เขาเกาหลังใบหูโม้ดดี้แรง ๆ แล้วก็ก้มลงยิ้มให้มัน นังโม้ดดี้เองก็ดูจะซาบซึ้งกับบทบาทอย่างมาก มิได้ต่างไปกว่าเขาเลย มันนั่งหอบหายใจอยู่บนที่นั่งข้างตัวเขาอยู่ขณะนี้
เสียงแตรฟันฟาร์ดังขึ้น เมื่อนักแม่นปืนชูมือทั้งสองขึ้นต้อนรับเสียงโห่ร้องของผู้ชม ก่อนที่จะกระตุ้นมาให้วิ่งเหยาะออกจากลานแสดง แจ๊คปรบมือให้กับนักแสดงดังลั่น แม้จะมองเห็นอยู่ว่าเครื่องดนตรีที่นํามาใช้บรรเลงจะเก่าแทบขึ้นสนิม แต่มโนภาพนั่นเองที่ทําให้เขามองเห็น ว่ามันเป็นเครื่องทองเหลืองที่สุกใสแวววาว ลมที่เป่าอัดเข้าไประบายออกมาเป็นเสียงเพลงอันไพเราะ
และเมื่อดูเสื้อผ้าที่นักแสดงสวมใส่ เขาก็เห็นอยู่เช่นกันว่าสีสันมันซีดจางลง ตอนที่นักแม่นปืนยกมือขึ้นต้อนรับเสียงโห่ร้องนั้น เขาก็ยังสังเกตเห็นตะเข็บใต้ท้องแขนที่ปริขาด เห็นได้ชัดว่าคณะละครเร่ของมิดในท์หากินกันไปวัน ๆ โดยไม่ได้คํานึงถึงเรื่องการซ่อมแซมเครื่องแต่งตัวหรือเครื่องมือที่ใช้ประกอบการแสดงแต่อย่างใดเลย
แต่กระนั้น รัฟเฟอรี่ก็ยังยึดมั่นอยู่กับภาพที่มองเห็นอยู่ในจินตนาการ ภาพแห่งความยิ่งใหญ่ ภาพแห่งอดีตที่จะไม่มีวันกลับคืนมาสู่อีกแล้ว และในตอนนั้นเองที่เสียงประกาศของโฆษกทําลายความคิดคํานึงของเขาลง
“การแสดงในอันดับต่อไปของเรา...จะเป็นการพาท่านผู้ชมทั้งหลายให้ย้อนอดีตกลับไปยังค.ศ. 1904 ตอนที่หญิงสาวชาวอินเดียนผู้หนึ่งชื่อ ซาคากาเวีย ทําหน้าที่เป็นคนนําทางและล่ามให้กับเมรี่เวเธอร์ เลวิส และวิลเลียม คลาร์ค”
และแล้ว...เธอก็เผยโฉมออกมา พวงผมถักไว้เป็นสีดำ ระอยู่กับแผ่นหลังที่คลุมไว้ด้วยเสื้อหนังสัตว์ ขณะเดินนํานักสํารวจทั้งสองออกมา โดยมีฉากของบรรยากาศในป่าดงดิบช่วยเสริมให้ดูสมจริงขึ้น
แจ๊คหัวเราะลึกอยู่ในลําคอ เมื่อสังเกตเห็นว่ามิสลาแบลล์ได้เสริมหน้าอกปลอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่ต้องสงสัยเลยว่ารูปร่างหน้าตาของเธอในตอนนี้ มิได้ต่างไปกว่าหญิงสาวชาวอินเดียนในอดีตแม้แต่น้อย แต่ไม่ว่าเธอจะแสดงเป็นอะไร เธอก็ยังน่ารักในสายตาของเขาอยู่ดี...
แอมเบอร์...เขาจําได้ว่ามิดไนท์เรียกเธอด้วยชื่อนั้น และเป็นชื่อที่ใช้อธิบายถึงผิวพรรณของเธอได้อย่างใกล้เคียงความจริงที่สุด