บทที่ 4
"ตาจะไปแล้วหรือจ๊ะ"
น้อยพยายามกลั้นน้ำตา แต่มันกลับกลั้นไม่อยู่ ไหลพรั่งพรูออกมามากมาย ตาบุญพยักหน้า แกพยายามอย่างเหลือเกินที่จะระงับใจ ไม่ดึงน้อยมากอด เพราะเกรงว่าตัวเองจะใจอ่อน พาหลานกลับไปด้วย
เขาพาน้อยกลับไปด้วยไม่ได้จริงๆ น้อยจะไม่ปลอดภัย
"อืม อยู่กับหมอเค้า ก็ทำตัวดีๆ ล่ะน้อย ขยันขันแข็งนะลูก หมอสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ"
"จ้ะ"
น้อยปาดน้ำตาป้อยๆ ตาบุญเอ่ยลาเจ้าของบ้าน ที่ตอนนี้ยืนกอดอก เมินหน้าไปเสียทางอื่น เพราะไม่อยากเป็นความเศร้าโศกของการลาจาก
"ฝากน้อยด้วยนะหมอนะ
" ตาบุญยกมือไหว้ท่วมหัว หมอรัญชน์ยกมือไหว้ตอบ เขาเอ่ยเสียงปราณี
"ผมไปส่งขึ้นรถไหมครับตา"
"ไม่ต้องหรอกหมอ เดินไปอีกนิดหน่อยเอง ฝากน้อยด้วยนะ ถือว่าเอ็นดูลูกนกลูกกา"
แกยังไม่วายสั่งเสีย หมอรัญชน์รับปาก น้อยยืนสะอื้นฮักๆ ยืนมองผู้เป็นตาข้างๆ หมอรัญชน์
"เอ้า..."
หมอรัญชน์ทนน้ำตาของน้อยไม่ไหว จึงล้วงหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าที่พกติดกระเป๋าประจำส่งให้เจ้าหล่อน มือน้อยนั่นรับไป แล้วเช็ดน้ำตา ยิ่งเช็ดก็เหมือนจะยิ่งไหล
น้ำตาและน้ำมูก ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นเหมือนแมวซนที่ไปมุดหญ้ามุดดินจนมอมแมม ไม่เห็นเค้าความสะสวย ที่ชวนต้องใจ จนเป็นอันตรายแก่ตัวเอง
"ขอบคุณจ้ะ"
เธอส่งผ้าเช็ดหน้าเปียกๆ นั่นคืนให้ หากหมอรัญชน์สั่นหน้า
"เก็บเอาไว้เถอะ ของๆ น้อยมีเท่านี้น่ะหรือ"
หมอรัญชน์มองที่กองสัมภาระของน้อย เจ้าตัวพยักหน้า ยังคงสะอื้น
"จ้ะ เอ๊ย ค่ะ"
"ไม่ต้องพูดกับฉันเป็นทางการมากมายหรอก เอาที่น้อยถนัดก็ได้"
หมอรัญชน์เอ่ย นึกเอ็นดูเจ้าหล่อนขึ้นมานิดๆ น้อยพยักหน้าพึมพำรับ อกใจเธอยังคงเศร้าโศก กับการจากลาของตาบุญ
"มา ฉันจะพาไปดูห้องหับ"
เขาเดินนำน้อยไปยังชั้นสอง บ้านพักแพทย์นี้มีสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องรับแขก เป็นสัดส่วนและมีขนาดใหญ่พอสมควร ไม่อึดอัด เขาให้น้อยพักที่ห้องอีกห้อง ตรงกันข้ามกับห้องของเขา เมื่อวานเขาสั่งฟูกกับพวกของใช้เล็กน้อย ที่คิดว่าจำเป็นสำหรับเด็กสาว มาให้เธอ ถึงตาบุญจะมาขายเธอให้เหมือนคนรับใช้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะกดใช้อะไรเด็กขนาดนั้น นึกสงสารเอ็นดูด้วยซ้ำ กับชะตากรรมของเจ้าตัว
อายุเพียงเท่านั้น ต้องผ่านอะไรมามากขนาดนี้ แถมยังไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือ เขาตั้งใจว่าจะคุยกับน้อย ว่าอยากจะเรียนต่อไหม เขาจะช่วย เพราะด้วยฐานะการเงินของเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าจะอุปถัมภ์เธอ
"โอ้โห"
น้อยเผลออุทาน เมื่อเห็นสภาพของห้องที่เจ้านายของเธอเตรียมไว้ มันดี มันสวย น้อยไม่เคยอยู่ห้องที่ดีขนาดนี้มาก่อน มันใหญ่กว่าบ้านเธอทั้งหลังที่เธอใช้คุ้มหัวด้วยซ้ำ
"พอจะนอนได้ไหม ขาดเหลืออะไรก็ไปบอกได้นะ เคาะห้องฉันได้เลยไม่ต้องเกรงใจ"
เขาว่า ใช้มือล้วงกระเป๋าไว้ ทั้งที่อยากจะเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก หล่อนทำให้เขานึกสงสารและเอ็นดู
"ขอบคุณมากๆ ค่ะหมอ น้อยไม่เคยอยู่ดีแบบนี้มาก่อนเลย ไม่เคยมีเตียงนอนแบบนี้"
หล่อนหันมายิ้มกว้างส่งให้เขา นัยน์ตานั้นเป็นประกายระยับ รอยยิ้มบนใบหน้าที่ยังเปื้อนคราบน้ำตานั่น ทำให้หมอรัญชน์ยิ่งนึกเอ็นดู
เด็กหนอเด็ก ร้องไห้อยู่แหม็บๆ ก็ยิ้มได้เสียแล้ว ก็ยังเด็กจริงๆ
"หมอจะให้น้อยทำงานอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ตาบอกว่าหมอเป็นเจ้านายของน้อย"
แม่ตัวเล็กวางของลงแล้ว ทรุดนั่งพับเพียบเรียบร้อย ท่าทางนั้นเหมือนคนรับใช้กับเจ้านายเจ้ายศเจ้าอย่าง หมอรัญชน์มองแล้วก็กอดอก พลางยิ้มนิดๆ น้อยก้มหน้าก้มตาเหมือนจะรับคำสั่ง
"คืนนี้ยังหรอก อาบน้ำแล้วก็นอนให้สบาย พรุ่งนี้ค่อยมาว่ากัน ว่าน้อยจะต้องทำอะไรบ้าง"
"จ้ะ เอ๊ย ค่ะ"
"แล้วก็ไม่ต้อง...นั่งก้มหน้าก้มตาแบบนี้ เวลาอยู่กับฉันอีกนะ ยืนคุยกับฉันนี่ล่ะ น้อยไม่ใช่ทาส ไม่ใช่คนใช้"
"อา..."
แม่ตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมา นึกฉงนกับสิ่งที่หมอหนุ่มเอ่ย แต่ก็รีบลุกขึ้นยืนเสมอเขาอย่างรวดเร็ว หมอรัญชน์หัวเราะเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู อดไม่ได้จนลืมตัว เอื้อมมือไปจับศีรษะเล็กๆ นั่นโคลงไปมาเบาๆ อย่างจะหยอกๆ
"พรุ่งนี้เจอกันนะน้อย"
"จ้ะ...อะ...ค่ะ"
หมอหนุ่มสั่นหน้าน้อยๆ เขายังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าคมสันนั่น เขาปิดประตูแล้วทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานที่อยู่ปลายเตียง เอนตัวตามสบาย นี่เขากลายเป็นเจ้านาย ที่มีนางทาสน้อยๆ ตามคอยรับใช้ไปแล้วสินะ มารดาเคยจะให้คนมาตามทำงานบ้านให้เขา เมื่อตอนเขาย้ายมาทำงานที่นี่ แต่หมอรัญชน์ห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้มีใครมาวุ่นวาย งานบ้านเล็กน้อยเขาก็พอทำเองได้ อาทิตย์หนึ่งก็จ้างแม่บ้านมาเก็บกวาดทีหนึ่ง อาจจะเพราะเขาในตอนนั้นยังมีแผลใจ จึงอยากรักษามันด้วยการทำงานให้หนัก ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับใคร ไม่อยากสังคมกับมนุษย์หน้าไหน หมอเอกเพื่อนสนิทต่างแผนก บอกว่าเขาเป็นโรคใจ ต้องให้การรักษาก่อนที่จะลุกลามเป็นซึมเศร้า แต่หมอรัญชน์ใช้งานยึดเหนี่ยว จนผ่านพ้นอาการทั้งหลายนั้นมาได้ ตอนนี้ยามใครเอ่ยถึงเมียเก่า เขาก็แค่ร้ายแรงสุดคือสะดุ้งนิดๆ แล้วก็ยักไหล่ ไม่สนใจหล่อน ก็เท่านั้น
เขาไม่ค่อยมีรอยยิ้มสักเท่าไหร่ กลายเป็นหมอหนุ่มหน้าตายเย็นชา ยิ้มน้อยครั้ง หัวเราะไม่บ่อย เนือยๆ ยามมีเวลาส่วนตัว ชีวิตอุทิศเพื่องานหนักไปเสียแล้ว
แต่น้อยทำให้เขายิ้มออก
เด็กคนนี้ก็น่าเอ็นดูดี
แล้วเขาก็คงจะมีอะไรให้คิด ให้ทำมากกว่างานล่ะทีนี้
การที่น้อยเข้ามาในชีวิตเขา มันก็...คงจะเป็นสิ่งดีๆ สินะ