บทที่ 3
"น้อยเอ๊ย"
เสียงเรียกคุ้นเคยทำให้หน้ามอมๆ นั้นเงยขึ้นจากแปลงผักของตนเอง น้อยกำลังลงผักรอบใหม่ หนนี้ตั้งใจจะปลูกผักกาดหอมและผักกะหล่ำปลี ลูกค้าที่ซื้อผักเธอประจำให้เมล็ดพันธุ์มา สาวน้อยเริ่มลงแปลงปลูกตั้งแต่เช้า ขึ้นดินไว้หลายแปลง เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยเหงื่อ และเศษดินเศษหญ้า
"จ๋าตา"
"ทำอะไรอยู่ลูก"
ตาบุญมองหาหลานสาว นึกโล่งใจ ที่น้อยอยู่ในบริเวณเพิงพัก หมู่นี้แกเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของหลานสาวคนเดียวมาก
กังวลจนต้องไปหาหมอรัญชน์นั่นแหละ...
"ปลูกผักจ้ะ พี่เกดเค้าให้เมล็ดพันธุ์มา"
"มาหาตาหน่อยสิลูก"
แกกวักมือเรียก น้อยปัดมือกับกางเกงเก่าๆ ที่สวมอยู่ มันเป็นกางเกงที่เธอได้รับบริจาคมาจากคนใจดีแถวๆ ละแวกนั้น ที่เรียกใช้งานให้ค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ น้อยเป็นขวัญใจของใครต่อใครหลายคน ที่ไม่รังเกียจเธอ เพราะนึกสงสาร และชื่นชมในความขยัน ที่ทำงานไม่หยุดของเด็กสาว
"จ้ะ"
เจ้าตัวเดินแกมวิ่งมาหาผู้เป็นตา หน้าตาแม้จะมอมแมมแต่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ความสวยงามน่ารักซ่อนปิดไม่มิดแม้จะอยู่ในสภาพไหน เพชรก็ยังคือเพชร และน้อยก็คือเพชร ที่กำลังถูกโจรอยากขโมยหมายปอง
"กินข้าวกินปลาหรือยังลูก"
ตาของแกยังมองจ้องหลานสาว น้อยของตา...สิ่งที่ตาทำมันดีที่สุดสำหรับหนูแล้วนะลูกนะ
"กินแล้วจ้ะ เจียวไข่กินไปเมื่อเช้า"
"วันนี้มีจะไปทำงานที่ไหนไหมลูก"
"ไม่มีจ้ะ...งานหมดแล้วเมื่อวาน น้อยก็เลยปลูกผักทำแปลงผักวันนี้ พรุ่งนี้หลวงตาท่านว่าจะให้ช่วยทำความสะอาดล้างกรงหมาที่ข้างหลังวัด กับช่วยพิมพ์งาน"
เจ้าหล่อนรายงานเสียงแจ๋ว น้อยขยัน วิ่งหางานเกือบทุกวัน แลกกับเงินเล็กน้อยตามแต่ใครจ้าง เธอเอาทุกบาทมาให้ตาบุญของเธอ เก็บไว้บ้างเล็กน้อย พอซื้อขนม หรือของใช้จำเป็นของผู้หญิง น้อยไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใหม่ หรือเครื่องประดับอะไร ทุกสิ่งมักจะมีคนให้เธอเพราะความสงสารเอ็นดู
ตาบุญหวังจะเก็บเล็กผสมน้อย ให้น้อยเรียนต่อปีหน้า ถึงจะเรียนช้ากว่าคนอื่น แต่ก็ยังดีที่ได้เรียน ครูคนหนึ่งที่เขาไปเก็บขยะบ้านเธอบ่อยๆ ก็เอ็นดูน้อย บอกว่าจะหาทุนการศึกษาให้ แผนทุกอย่างตระเตรียมไว้ เพื่ออนาคตของหลานสาว ทว่า...ทุกสิ่งจำต้องเปลี่ยนแปลงไป
นั่นก็เพราะกำนันปรุง
หลานสาวมาทรุดนั่งตรงหน้า ตาบุญมองไปทั่วร่างเล็กค่อนข้างผอมนั้น รักและอาลัยเหลือเกินหลานตา ตั้งแต่น้อยมาอยู่กับแก แกก็สุขสบายขึ้นมาก แต่ต่อนี้ไปคงจะต้องอยู่ลำพังอีกครา เพราะแกจะไปรบกวนหมอรัญชน์เพิ่มก็คงไม่ได้ ให้น้อยอยู่กับแกต่อไปก็ไม่ได้เช่นกัน
มือเหี่ยวย่นเพราะวัย เอื้อมลูบศีรษะของหลานสาว น้อยยังคงมองเขาด้วยนัยน์ตาอันเจิดจรัสไปด้วยความรัก ตาบุญพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นเล็กน้อย
"น้อยเอย เดี๋ยวเก็บผ้ากับของใช้จำเป็นเสียนะลูก"
"ทำไมละจ๊ะตา"
น้อยมองตาบุญด้วยนัยน์ตางุนงง สงสัย ตาพูดราวกับจะให้เธอไปอยู่ที่อื่น ตาบุญหลุบตามองพื้นกระดาน เพราะไม่กล้ามองหน้าหลานของแก
"ตาขายน้อยให้กับหมอรัญชน์ น้อยอย่าดื้อ อย่าซน ให้ขยันนะลูกนะ"
"ตาจ๋า ตา"
ฟังแล้วน้อยก็ตกใจจนหน้าซีด น้ำตาร่วงเผาะลงมา เธอโถมตัวเข้ากอดตาบุญ แล้วร้องไห้ ใจคอวูบโหวงเมื่อตาเอ่ยดังนั้น
"น้อยต้องไปนะลูกนะ ไปอยู่กับหมอรัญชน์"
"ทำไมละจ๊ะตาจ๋า น้อยอยากอยู่กับตา"
เสียงใสๆ นั้นสะอื้นฮัก ตาบุญเองกลั้นน้ำตาไว้จนสุดความสามารถ นึกดีใจที่แกใจแข็งพอ
"อยู่กับตาไม่ได้จริงๆ น้อย...มันอันตรายมากลูก น้อยต้องไปอยู่กับหมอรัญชน์ ไปรับใช้ ไปทำงานให้กับหมอรัญชน์"
น้อยซบหน้าลงกับอกของตาบุญ ร้องไห้เบาๆ เพราะรู้ว่าคงจะคัดค้านอะไรไม่ได้
ทำไม...
สาวน้อยได้แต่ถามตัวเองแบบนั้น
นกกระจิบน้อยกำลังจะบินไปสู่ปีกอันกว้างใหญ่ของอินทรี
...
น้อยจับมือกับตาของเธอแน่น สาวน้อยพยายามห่อตัว เหมือนอยากจะหายไปในอากาศ น้อยอยากจะเดินลากขา ให้ช้าที่สุดเท่าที่ทำได้ บนหลังมีเป้ใบเก่า บรรจุสัมภาระอันน้อยนิดของตนเอง และหิ้วถุงพลาสติกอีกถุงหนึ่ง ที่มีของอันล้ำค่าคือหนังสือของเธอ ที่มีคนให้ไว้อ่าน
ตาบุญเองก็ไม่อยากจะเดินเร็วนัก เพราะไม่อยากจะจากหลานไป
ตาสองคู่มองสบกัน น้อยมองตาด้วยสายตาตัดพ้อ เศร้าสร้อย ตาบุญนั้นเองก็มีสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างจากหลานรัก ญาติเพียงคนเดียวบนโลกนี้ของแก
ในที่สุด ก็มาถึงจนได้
มือเหี่ยวย่นสั่นเล็กน้อยกดออด หมอรัญชน์ให้แกมาหาเวลานี้เพราะหมอออกเวร เงื่อนไข 'ขาย' ของตาบุญ ถูกซื้อไว้โดยไม่มีการปฏิเสธ และยิ่งกว่านั้น หมอยังให้เงินทองตาบุญไปอีกก้อนหนึ่ง พร้อมกับเอ่ยกำกับ เมื่อตาบุญจะไม่ยอมเอา เพราะสิ่งที่ตนตั้งใจจะมาขายนั้น สำเร็จลงแล้ว จริงอยู่ปากบอกว่าจะขาย แต่แท้จริงแล้วเขาเพียงเอาน้อยมาฝากกับหมอรัญชน์ต่างหาก
'ต้องเอานะครับ เอาไปแล้วก็คิดว่าจะทำอะไรดี แล้วถ้าเกิดว่ามั่นคง ปลอดภัยพอแล้ว ก็มารับน้อยคืน'
มั่นคง...ปลอดภัย...
ก็เพราะสองคำนี้แหละ ทำให้แกต้องห่างจากหลาน ทำให้แกต้องยอมกราบกรานมอบน้อยให้กับคนอื่น
ตาบุญถอนหายใจน้อยๆ มือของแกจับมือหลานบีบกระชับ เสียงตะโกนตอบรับพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินออกมาจากบ้านพักแพทย์ ทำให้น้อยมองจ้อง...ตาค้าง...เมื่อเห็นเข้ากับ 'เจ้านาย'
เขาน่ะหรือ หมอรัญชน์...
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวค่อนข้างขาว ผมของเขายาวเล็กน้อย แต่เสยรวบไว้มัดเอาไว้ง่ายๆ เป็นผมจุก สวมแว่นกรอบกรอบสีดำ คิ้วเข้มหนา ส่วนของหัวคิ้วดกแทบจะชนกัน จมูกโด่งได้รูปสวย นัยน์ตาที่อยู่หลังกรอบแว่นคมกริบ เขามีนัยน์ตาสีน้ำตาลคาราเมล...โต สดใส ริมฝีปากได้รูปเผยอยิ้ม จนอวดฟันสีขาวเรียงสวย
เขาสวมเพียงเสื้อยืดสีเข้ม กับกางเกงขาห้าส่วนสีขี้ม้า ไม่มีเครื่องประดับใดๆ นอกจากแหวนทองที่นิ้วกลางที่เขาสวมไว้ทางด้านขวา เขาเป็นผู้ชายที่ดูทั้งน่าเกรงขาม มีเสน่ห์ เป็นส่วนผสมที่ดูสบายๆ หากแต่ว่ามีอำนาจแฝงไว้
"มาแล้วหรือครับตา เชิญเข้ามาก่อน"
เขายิ้มให้กับตาบุญ และเลยรอยยิ้มนั่นไปให้กับร่างเล็ก ที่ก้มหน้างุด หล่อนแอบซุกอยู่หลังผู้เป็นตา
"นี่น่ะหรือครับน้อย..."
"ครับหมอ น้อย ไหว้หมอเขาสิลูก"
น้อยพนมมือไหว้ชายตรงหน้า เขาสูงมาก จนร่างเธอเพียงเสมอแค่อกเขา เธอไม่กล้าเงยมองดูเขาเต็มตา เห็นเพียงครู่ ก็รู้ว่าหมอรัญชน์เป็นคนรูปงาม และดูท่าทางใจดี
ใจของสาวน้อยหวาดระทึก...
มือของเธอชื้นเหงื่อ
เธอหวังว่าเขาจะใจดีกับเธอ...ปราณีกับเธอ
เขารับไหว้ตอบ ตามองพินิจคนตัวเล็ก ที่ก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้านั้น ถ้ามองไม่ผิดเขาเห็นว่าเธอตัวสั่นด้วยซ้ำ
ลูกนกน้อย
คือความรู้สึกของหมอหนุ่ม ยามแรกเห็นคนตัวเล็กขะมุกขะมอมนี่
"เข้าบ้านก่อนนะครับตา กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับ"
หมอรัญชน์ว่า หวังจะให้ตาหลานอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย ให้น้อยพอคุ้นกับเขาบ้าง เขาเองตั้งแต่รับปากกับตาบุญ...อย่างลำบากใจเล็กน้อยนั่น ก็ตระเตรียมข้าวของให้กับเด็กน้อย ตอนแรกนึกว่าจะดูเป็นสาวมากกว่านี้ เพราะตาบุญบอกว่ากำนันปรุงอยากได้น้อยมากและน้อยก็อายุสิบหกย่างสิบเจ็ด เขาก็วาดภาพน้อยไปไกลลิบ ไม่คาดคิดว่าจะเจอกับคนตัวเล็ก ที่สรีระแทบจะยังไม่มีเค้าความอวบอิ่มน่าติดตรึงใจอะไร หล่อนสวมเสื้อผ้าโคร่งใหญ่กว่าตัวเองผมเผ้ารวบไว้ลวกๆ ตอนนี้บางส่วนหลุดจากการมัดตกลงมารุ่ยร่ายดูรุงรัง
แม่นกน้อยคนนี้น่ะหรือ ที่เสืออย่างกำนันปรุงหมายขย้ำ
มองแล้วก็ให้เวทนา
นายกำนันปรุงอะไรนี่คงโรคจิตไม่ใช่น้อย ที่คิดอะไรกับเด็กขนาดนี้
หมอรัญชน์คิด ขณะที่เดินนำสองตาหลานเข้าไปในบ้าน