บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

"นี่หมอรัญชน์จะไม่ย้ายจริงๆ น่ะเหรอลูก"

เสียงของมารดาเอ่ยถามมาตามสาย เขาถอนใจน้อยๆ กับคำถามนั้นของท่าน ตอนนี้มีตำแหน่งว่างที่โรงพยาบาลในเมืองกรุง และคุณหญิงสุดาก็โทรเพียรตื้อ ให้ลูกชายคนเดียวที่ออกมาอยู่ที่ต่างจังหวัดหลายปีแล้วกลับไปอยู่กับท่านเสียที

คุณหญิงสุดามีบุตรชายเพียงคนเดียว ท่านก็ทั้งห่วง ทั้งหวัง ว่าเขาจะกลับไปอยู่กับท่าน ครอบครัวของท่านตอนนี้ก็เหลือเพียงท่านและบุตรชาย สามีของท่านเป็นนายทหารยศใหญ่ ซึ่งก็เสียชีวิตไปแล้ว บุตรชายที่หวังว่าจะดำเนินรอยตามท่าน เขาก็ฉีกเส้นทางที่บิดามารดาอยากได้ดำเนินรอยตามไปเป็นหมอเสียอย่างนั้นเพราะความชอบและอุดมการณ์ส่วนตัว

เงินทองมรดกของครอบครัวนั้น เพียงพอจะสร้างโรงพยาบาล หรือเปิดคลินิกให้พ่อตัวดีได้ด้วยซ้ำ ถ้าเขาจะทำ แต่รัญชน์ก็คือรัญชน์ เขาสนใจที่จะใช้วิชาชีพที่เรียนมาในการช่วยเหลือคน ซึ่งงานโรงพยาบาลรัฐตอบโจทย์มากกว่าสำหรับเขา เขาไม่ได้คิดจะกอบโกยเงินทองอะไร อาจจะเพราะชีวิตค่อนข้างสุขสบายมาตั้งแต่เด็ก จนเห็นว่าเงินที่มีก็มากล้นแล้ว ควรจะกอบโกยอย่างอื่นมากกว่าเงินทองบ้างสำหรับชีวิต

"ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากวุ่นวาย"

"จะอยู่ไปทำไมที่นั่นนะ หน้าที่การงานก็ไม่ได้ก้าวหน้าอะไร กลับมาสักทีเหอะ เมียเก่าแกคงไม่มาป้วนเปี้ยนแล้วล่ะ"

คำพูดนั้นของมารดา ทำให้หมอรัญชน์สะดุ้งน้อยๆ ราวกับว่าท่านมานั่งในใจของเขา ว่าทำไมเขาถึงย้ายหนีเตลิดมาอยู่บ้านนอกแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะหล่อนนั่นแหละ ชีวิตครอบครัวที่หวังตั้งใจแล้วกลับพัง มันทำให้เขาช้ำใจไม่ใช่น้อยจนต้องหลบมาเลียแผล เพราะความที่เขาทำงานมากเกินไป ตั้งใจที่จะช่วยเหลือดูแลคนไข้ มากกว่าดูแลภรรยาของตนเอง มันทำให้ชีวิตครอบครัวที่ดูจะหวานชื่น กลับล่มลงไปอย่างไม่เป็นท่า ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี

และมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว

แผลของเขาก็หายจนหนองแห้งไปแล้วด้วย กับความรักครั้งนั้น การแต่งงานครั้งแรกที่จบลงอย่างไม่สวยงาม

'จะให้พิณหย่าดีๆ หรือจะให้ฟ้องหย่าคะพี่หมอ?'

หล่อนเอ่ยหน้าตาเฉยแบบนั้นกับเขา กล้าต่อรองแบบนั้นกับเขา ทั้งที่ตัวหล่อน...ที่ทำผิดด้วยการนอกใจเขา

'เอ่อ...'

เขาจำได้ว่าตัวชาไปหมด กับสิ่งที่เธอพูดออกมา จึงได้แต่นิ่ง

'เอามาห้าสิบล้านนะคะ แล้วพิณจะหย่าให้'

น่ะ...นั่นเมียหรือโจร พอเลิกก็ต้องหอบเงินเขาไปด้วยแทบจะหมดตัว แต่หมอรัญชน์ยอมจ่ายเขายอมเอาเงินส่วนที่มีตั้งหมดเทให้หล่อนจนหมดหน้าตัก ...เอาเถอะ เขายอมซื้อความสบายใจ ดีกว่าตกนรกไปทั้งชีวิต

การแต่งงานกับพิณแก้วทำให้เขาเหมือนตกนรกจริงๆ

หมอรัญชน์เผลอถอนใจหายเฮือก ขณะที่มารดากำลังคุยกับเขา ท่านได้ยินเสียงถอนใจนั่นเต็มที่ จึงสะดุดใจ

"เป็นอะไรน่ะรัญชน์ เครียดอะไร หรือว่าแกยังคิดถึงเมียเก่า ป่านนี้แม่พิณน่ะมีผัวใหม่เป็นฝรั่งไฮโซไปล่ะ แกน่ะหาเมียใหม่ได้แล้ว"

"ผมยังเข็ดครับแม่ ไม่อยากมีเมีย"

"เข็ดอะไรนานจัง" ท่านบ่น

" เอาลูกสาวเพื่อนแม่ไหม โปรไฟล์ดีๆ เริดๆ ทั้งนั้น แม่จะติดต่อให้"

"ไม่เอาครับ"

หมอรัญชน์ย้ำเสียงหนักแน่น เขาคุยกับท่านอีกสามสี่ประโยค ก็วางสายไป

เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ พร้อมกับเดินออกไปนอกบ้าน เขาอาศัยอยู่บ้านพักแพทย์ ตำแหน่งของเขาทำให้เขามีบ้านพักส่วนตัวเป็นสัดส่วน เขามายืนอยู่ตรงบริเวณนอกชาน มองเหม่อไปยังวิวเบื้องหน้า แต่ใจไม่ได้อยู่ตรงนั้น

เขาก็ไม่ได้จมปลักกับอดีตอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่พร้อมจะเริ่มต้นกับใคร...เขาเข็ด...กับการวางหัวใจให้ใคร คงจะอีกนานเลยล่ะ

ตอนนี้เขาขอทุ่มเทให้กับงาน ที่ถึงแม้จะยุ่ง แต่ก็ทำให้เขาห่างไกลจากสังคมเดิมๆ ที่เขาทิ้งจากมา ที่ตรงนี้ทำให้เขาดีขึ้น และลืมเลือนอดีตอันเจ็บปวดทุกสิ่ง

....

วันนี้หมอรัญชน์ไม่ต้องเข้าเวร เขาเลือกใช้วันหยุดด้วยการนอน นอน และนอน การกรำงานในแผนกศัลยกรรมทั่วไปที่เขาสังกัดอยู่ กับโรงพยาบาลรัฐขนาดกลาง ที่คนไข้มีจนล้นในแต่ละวัน มันสูบพลังของเขาไปอย่างมหาศาล จะมีอะไรที่ฉลองการหยุดพักได้ดีไปกว่าการนอน เห็นจะไม่มีอีกแล้ว

เสียงกดออดรัวๆ ทำให้คนที่นอนเลื้อยแผ่ตามสบายอยู่ที่พื้นไม้เย็นๆ ลุกพรวดขึ้นมา คิ้วเข้มขมวดมุ่น ใครกันนะมาหาเขาในเวลานี้ หมอรัญชน์ไม่ได้มีเพื่อนคบหามากมายนักที่นี่ และส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนหมอด้วยกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เวลาออกเวรของใคร เขาก้มดูความเรียบร้อยของตัวเองนิดหนึ่ง ว่าพร้อมจะรับแขกไหม เสื้อยืดกับกางเกงยีนห้าส่วนสบายๆ ในวันหยุด มือเขาหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม เสยผมที่เริ่มยาวให้พ้นใบหน้า ก่อนจะเดินก้าวเร็วๆ เปิดประตูบ้าน

เมื่อเห็นชายที่อยู่ตรงข้ามรั้ว ที่หยุดกดออดเมื่อเขาเดินออกไป คิ้วของเขาก็คลายออก รอยยิ้มกว้างขวางแผ่ขึ้นที่ใบหน้าคมสันนั่น

"อ้าวตาบุญ ไปยังไงมายังไงครับนี่"

"สวัสดีครับหมอ"

ตาแก่ยกมือไหว้เขาแบบท่วมหัว ทำให้หมอหนุ่มรีบยกมือไหว้ตอบแก แล้วกุลีกุจอพาแกเข้ามาในบ้าน เขาต้อนรับแกตรงม้าหินอ่อนหน้าบ้าน

ตาบุญใจเต้นตุบต่อม เมื่อเข้ามาหาหมอรัญชน์จริงๆ กับสิ่งที่แกตั้งใจไว้ว่าจะเอามา 'ขาย'

จะต้องกราบกรานขายแกก็คงจะต้องยอม

"มีอะไรครับตา"

เขาวางแก้วน้ำเย็นให้กับตาบุญ แล้วทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม ตาบุญคือชายชราร่อนเร่ มีอาชีพเก็บขยะขาย มารักษาที่โรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่บ้างตามอาการของแกที่มีโรคประจำตัว คือโรคหัวใจและโรคไต แต่ที่สนิทสนมกัน เป็นพิเศษกว่าคนไข้คนอื่น เพราะตาบุญกับเขา มีบุญคุณที่ต้องตอบแทนกันอยู่

ตาแกมีบุญคุณกับเขา ให้เป็นเงินทองตอนนั้นแกก็ไม่รับไม่เอา เขายังคงสำนึกถึงตาบุญว่า ถ้าไม่มีตาบุญในวันนั้น ก็คงจะไม่มีหมอรัญชน์ในวันนี้

วันที่เขาเมาเพราะเครียดเรื่องของภรรยาเก่า ตอนที่ย้ายมาที่นี่ใหม่ๆ ยังทำใจได้ไม่เท่าไหร่เรื่องพิณแก้ว กินมากไปนิด จนกลับบ้านพักช้ากลับมาเช้ามืด เขาถูกโจรดักปล้นตี ตาบุญที่เข็นรถมาเก็บขยะพอดี แกตรงเข้าช่วยเขา จนตัวเองก็โดนทำร้ายไปด้วย

เขาจึงถือว่านั่นเป็นบุญคุณของตาบุญ ที่ออกปากไว้ว่า มีเรื่องเดือดร้อนอะไร ก็ให้เข้ามาหา เขาพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างไม่ปฏิเสธ แต่แกก็ไม่เคยมารบกวนอะไร เจอะเจอกันที่โรงพยาบาลหรือตามร้านตลาด แกก็แค่ทักทายเขาอย่างเจียมตน ไม่เคยเรียกร้องอะไร บางหนบางครั้ง หมอรัญชน์ก็จะซื้อของไปฝากไว้ให้แกที่วัดบ้าง ยามผ่านไป

หนนี้คงจะมีอะไรจำเป็น แกถึงมาหาเขาถึงบ้าน

"หมอจำได้ไหมครับ ที่หมอเคยบอกไว้ว่า ถ้าผมเดือดร้อนหรืออยากได้อะไร หมอจะทำให้"

ตาบุญเอ่ยเสียงนั้นสั่นเล็กน้อย แกก้มหน้านิดๆ ท่าทีนั้นเหมือนลังเลที่จะมาขอสิ่งที่ต้องการ แกคงจะต้องรวบรวมความกล้าอย่างมาก ท่าทางของแกทำให้หมอรัญชน์ เอื้อมมือตบหลังมือแกเบาๆ แล้วเอ่ยยืนยันว่าสิ่งที่แกต้องการเขาจะไม่ปฏิเสธ

"จำได้สิครับตา ผมดีใจนะที่ตามีเรื่องให้ผมช่วยเสียที"

"คือ..."

คำมั่นยืนยันนั้นทำให้ตาบุญกล้าที่จะเอ่ยปาก

"ผมอยากจะมา...ขายหลานสาวให้หมอ"

"หา!"

ความต้องการของตาบุญ ทำให้หมอหนุ่มตะลึง คาดไม่ถึงว่าจะได้รับการขอร้องอะไรแบบนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel