5
มันเหมือนกับการหยามกันกลายๆ แล้วทำให้เศรษฐ์สัณฑ์ชอบแกล้งเธอทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เขารู้จักกับโชติกาครั้งแรกตอนที่เขาอายุสิบสองปี แล้วเจ้าหล่อนอายุเจ็ดขวบ กำลังหน้าตาน่ารักน่าชัง ด้วยความที่เป็นหลานคนเดียวมานาน พอมามีคู่แข่งเข้า เศรษฐ์สัณฑ์ก็เกิดอารมณ์หมั่นเขี้ยว หมั่นไส้ แล้วก็พานแกล้งเอาหนักๆ จนโชติกาเองก็ไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่นัก เจอกันทีไร เขาก็ต้องประคารมกับเธอทุกหน แล้วก็จบลงที่โชติกาต้องวิ่งหนีเขา น้ำตานองหน้าด้วยความเจ็บใจ ที่โดนเขาแกล้งเอา เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนมาถึงวัยสาว ที่พักหลังห่างเหินกันไปเนื่องจากอาของเขามีปัญหาครอบครัวจนต้องหย่าขาดจากสามี และแยกกันอยู่ โชติกาไปอยู่ที่ออสเตรเลียกับบิดาหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี เขาเลยไม่ค่อยได้เจอแม่มดหน้าหวานอีกเลย จนเศรษฐ์สัณฑ์เกือบจะลืมเจ้าหล่อนไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
ตอนเล็กๆ ฤทธิ์มากขนาดนั้น เป็นสาวรุ่นก็ยังไม่วายปากเก่งจนบางหนทำให้เขาเจ็บๆ คันๆ ในหัวใจไม่หาย ตอนนี้แม่ตัวดีคงจะอายุเกือบสามสิบแล้วสินะ สงสัยจะไม่มีแฟนแหงๆ ก็เล่นปากดี แล้วก็มั่นอกมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น แถมยังเก่งเกินหญิงเข้าไปอีก ผู้ชายที่ไหนจะกล้าจีบกัน
“จำได้สิครับพ่อ จำได้ดีมากๆ เลยด้วย”
น้ำเสียงของบุตรชายทำให้บิดาและมารดาลอบมองหน้ากัน ก่อนที่สริยาจะยิ้มน้อยๆ แล้วรินกาแฟดำเพิ่มให้กับบุตรชาย
“แม่เคยเห็นรูปหนูแซนตี้แล้วนะ เดี๋ยวนี้ยิ่งโตยิ่งสวยมากเลย สัณฑ์จะจำน้องได้ไหมหนอถ้าไปรับ”
“ยายผมเปียขี้มูกยืดนั่น คงจะสวยได้ไม่เยอะสักเท่าไหร่หรอกครับ ป่านนี้ก็คงจะยังขึ้นคานแหงๆ”
เศรษฐ์สัณฑ์ย่นจมูก ก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบอีกรอบ สงสัยวันนี้ต้องโด๊ปกาเฟอีนเยอะๆ จะได้ตาสว่างเวลาไปเจอหน้าแม่มดตัวแสบ เขาจะได้ตั้งสติได้ทันเวลาที่ถูกเจ้าหล่อนชวนเล่นสงครามคารมด้วย
“ไปว่าน้องแบบนั้น เห็นตัวจริงเถอะจะตะลึง”
“ตะลึงตกใจในความขี้เหร่หรือเปล่าครับแม่”
“เดี๋ยวเย็นนี้ก็รู้ล่ะน่า ว่าแกจะตะลึงในความขี้เหร่ หรือว่าความสวยของน้องแซนตี้เข้า” บิดาว่ายิ้มๆ
“อ้อ...แล้วแกพาน้องมาที่บ้านเราด้วยล่ะ อาเก๋ไม่อยู่ที่บ้าน เพราะว่าไปฮันนีมูนรอบสองที่มัลดีฟส์ อาเก๋เลยฝากให้น้องอยู่กับเราไปก่อน เพราะกลัวว่าแซนตี้จะเหงา เพิ่งกลับมาเมืองไทยแบบนี้ คงจะอยากไปเที่ยวบ้าง ยังไงพ่อก็คงจะฝากแกให้ดูแลน้องด้วย”
“พ่อ...”
เศรษฐ์สัณฑ์ทำท่าจะอ้าปากค้าน หากแต่ว่าบิดาเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“ลัมเบอร์กินี่ปลายปี นอกจากผลกำไรแล้ว บางทีก็ความประพฤติของแกด้วยนะตาสัณฑ์ หึๆ”
“โอเคครับ ผมจะไปรับยายแซนตี้ให้ แล้วก็จะรับอาสาเป็นไกด์พาไปเที่ยวด้วย ถ้าเกิดว่ายายแซนตี้อยากไปกับผมนะ”
ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วดื่มกาแฟจนหมดแก้ว พลางลุกขึ้นยืน หมดอารมณ์อยากอาหารตอนเช้าเสียกะทันหัน เมื่อนึกถึงงานที่ได้รับมอบหมายจากบิดาเย็นนี้
“ถ้าเห็นน้องเป็นนางฟ้าขึ้นมาล่ะก็ คิดอยากจะสนใจหนูแซนตี้ขึ้นมา ระวังหัวจะแตกเอานะตาสัณฑ์ อาเก๋เค้าหวงลูกสาวเค้าเอาการอยู่ โดยเฉพาะกับซาตานตัวพ่ออย่างเราน่ะ อาเก๋ไม่ให้เข้าใกล้แน่ๆ”
มารดาเอ่ยกระเซ้า เล่นเอาบุตรชายถึงกับเบ้ปาก แล้วยักไหล่
“ไม่มีทางหรอกครับ ผมไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก ขนาดต้องไปจีบยายแซนตี้หรอกครับแม่ ไม่ต้องห่วงเลย ผมไปที่ออฟฟิศก่อนนะครับพ่อ จะไปเตรียมงานประชุม”
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องอาหารด้วยใบหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย เมื่อคำล้อเลียนของมารดาตามรบกวนจิตใจ ข้อที่ว่าเขาอาจจะคิดอยากทำความสนิทสนมกับยายแม่มดนั่นเข้า
ยายผมเปียขี้มูกยืด ยังไงก็ยังคงเป็นยายเด็กกะโปโลในสายตาเขา ไม่มีทางเป็นนางฟ้าแสนสวยชวนตะลึงไปได้หรอกน่า ยิ่งปากเจ้าหล่อนยามแขวะว่าเขาแล้วด้วย มันก็ยิ่งลดบั่นทอนความสวยของโชติกาในสายตาของเขาไปจนแทบจะไม่เหลือ ต่อให้ผู้หญิงเหลือรอดโชติกาคนเดียวบนโลกนี้ เศรษฐ์สัณฑ์ก็คงจะต้องคิดแล้วคิดอีกในการที่จะอยากสนใจเธอ ยอมเป็นเกย์ไปเลยดีกว่าเอ้า!
....
แม่จะให้พี่สัณฑ์ไปรับที่สนามบินนะจ๊ะแซนตี้ แม่ฝากหนูไว้กับลุงแล้วก็ป้าสักสองอาทิตย์ กลับมาจากฮันนีมูนเราค่อยเจอกันนะลูกสาวสุดที่รักของแม่
ข้อความที่ได้รับทำให้เจ้าของโทรศัพท์ที่กำลังอ่านอยู่ถึงกับทำหน้าเบ้ เมื่อรู้ว่ามารดาจะให้ใครมารับเธอ คนแรกที่เธอต้องเจอเมื่อกลับมาถึงเมืองไทย กลับเป็นคนสุดท้ายที่อยากจะเห็นหน้าอย่างเศรษฐ์สัณฑ์ไปเสียได้ โชติกานึกหงุดหงิดในหัวใจยิ่งนัก เมื่อคิดถึงลูกพี่ลูกน้องหนุ่มซึ่งเขาชอบแกล้งเธอตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนจำฝังใจ และเกลียดขี้หน้าเขาเอามากๆ
ภาพของชายหนุ่มหน้าตาดี นัยน์ตาขี้เล่นแวบเข้ามาในห้วงความทรงจำ รวมถึงภาพวีรกรรมต่างๆ นานา ที่เขาช่างสรรหามาแกล้งเธอ รู้ว่าเธอเกลียดและกลัวอะไร เขาก็จะเอาเจ้านั่นมาแกล้งเธอ จิ้งจก หนอน แมงมุม สารพัดสัตว์ที่เธอเกลียด เวลาไปบ้านผู้เป็นลุงหนใด เธอจะต้องโดนหนนั้น จนหลังๆ มาโชติกาแทบจะไม่อยากไปกับมารดาด้วย แม้ว่าเธอจะรักทั้งลุงและป้ามากขนาดไหนก็ตาม นั่นก็เพราะตาพี่ชายบ้าๆ นั่นแท้ๆ เชียว
โชติกาเอนหลังกับเบาะของเก้าอี้ ก่อนจะหลับตาพริ้มลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสีย เธอต้องเดินทางอีกหลายชั่วโมง ขืนอารมณ์ขุ่นไปตลอดทาง คงจะไม่ดีแน่ๆ ไม่น่าเชื่อว่าแค่ชื่อของเศรษฐ์สัณฑ์ จะทำให้เธอกลับกลายไปเป็นสาวน้อยที่อารมณ์ร้อนพล่านอีกหน ทั้งที่ตอนนี้โชติกาเองก็อายุเกือบยี่สิบแปดปีเต็มแล้ว เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดี แต่ทำไมกลับมาสติแตก เพียงแค่เห็นชื่อของคู่อริเก่าเสียได้ก็ไม่รู้
การที่ต้องกลับเมืองไทยหนนี้ เพราะเธอต้องการจะกลับไปหามารดา หลังจากที่มาอยู่กับบิดาเพื่อช่วยงานท่านได้หลายปี จนตอนนี้นพพลมีครอบครัวใหม่แล้ว และเธอเองก็เข้ากับพวกเขาได้ดีไม่มีปัญหาอะไร เธอมีน้องอีกสองคนที่เป็นฝาแฝดแล้วก็น่ารักทั้งคู่เสียด้วย งานการของบิดาเองก็กำลังก้าวหน้ามากเลยทีเดียว
แต่เมื่อทราบข่าวว่าชายิกาเองก็แต่งงานใหม่ กับชายที่อายุอ่อนกว่าท่านเกือบสิบปี อะไรบางอย่างทำให้หญิงสาวนึกเป็นห่วง และอยากกลับไปหาท่าน เพื่อจะได้ดูว่าบิดาเลี้ยงคนใหม่ของเธอนั้นนิสัยใจคอเป็นอย่างไร
นพพลแม้จะเลิกร้างกับชายิกาไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นห่วงอดีตภรรยา จึงบ่นๆให้กับโชติกาฟังอย่างกลัวว่าชายิกาจะตัดสินใจอะไรผิดพลาด แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะเหตุผลหลายๆ อย่าง แต่ความห่วงใยแบบเพื่อนก็ยังมีอยู่มากมายสำหรับนพพล เขารักอดีตภรรยามาก แต่หลายๆ สิ่งที่เข้ากันไม่ได้และความที่ไม่เคยปรับตัวเข้าหากันในบางเรื่อง ทำให้รอยร้าวบาดลึกจนกลายเป็นการเลิกราไปในที่สุด ตั้งแต่แรกแต่งงานเขาปรารถนาจะมีลูกกับเธอ แต่ชายิกาและเขาก็ไม่เคยได้สมหวัง โชติกาเป็นบุตรสาวบุญธรรมที่พวกเขานำมารับเลี้ยงเป็นลูกสาว เนื่องจากโชติกาต้องเป็นกำพร้าในการเสียชีวิตของบิดาและมารดาของเธอซึ่งเป็นเพื่อนรักของสองสามีภรรยา