บทย่อ
หัวใจของเพลย์บอยหนุ่มต้องหวั่นไหว เมื่อแรกพบสบตากับนางฟ้าเดินดิน แล้วก็ต้องเฟลอย่างแรง เมื่อทราบว่าแม่เจ้าประคุณคืออดีตคู่แข่งในสมัยเด็กอย่างโชติกา เคยแกล้งกันไว้ยังไง มันก็อดแกล้งต่อไปไม่ได้ หัวใจมันเริ่มเต้นแปลกๆ กับแม่ตัวเล็กหน้าหวาน ปากจัดทันกัน ทำไมกันนะ? กว่าจะรู้กระจ่างใจ ว่ารักสาวเจ้าเข้าแล้ว ก็ต้องปวดใจอย่างหนัก เมื่อดันต้องกลายเป็นพ่อสือ ทำให้เธอไปรักกับผู้ชายอื่น!!! งานเข้าเศรษฐสัณฑ์อย่างแรง จะทำยังไงล่ะ จะทำยังไงดี ปฏิบัติการฉุดคร่าว่าที่เจ้าสาวชาวบ้าน (สมควรจะทำไหมนั่น) เพื่อพาเข้าเธอมาขังไว้ในห้องหัวใจ กับเพื่อนรักอีกสามหนุ่ม กำลังจะเริ่ม!! เศรษฐ์สัณฑ์นั่งขัดสมาธิจ้องคนที่กำลังนอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาสลบอยู่ข้างๆ เขา ก่อนจะใช้มือไล้แก้มนิ่มไปมา ตอนนี้เธอยังหลับก็แสนจะน่ารักนัก ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะอาละวาดขนาดไหน จิณณวัตรให้ชายหนุ่ม ‘ขอยืม’ ห้องพักเพื่อเป็นที่ปรับความเข้าใจชั่วคราว เขาปิดโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ที่พาตัวแม่ตัวแสบมากักไว้ ป่านนี้ที่บ้านของเขาคงจะวุ่นวายเมื่อได้รับจดหมายฉบับนั้นที่เขาทิ้งไว้ให้ “แซนตี้นะแซนตี้ ทำไมไม่เคยพูดกันดีๆ ได้เลยนะ ทำไมเราสองคนต้องเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับคนหลับเบาๆ นัยน์ตาที่หลับพริ้มค่อยเปิดขึ้น ก่อนจะเบิกกว้างเมื่อเห็นเขา เหมือนจะรู้ว่าเจ้าหล่อนจะกลายร่างเป็นแมวน้อยอาละวาด ชายหนุ่มจึงดึงเธอมากอดไว้อย่างรวดเร็ว คนที่กำลังจะดิ้นหนีแต่ยังมึนเพราะฤทธิ์ยาสลบ ถึงกับครางแผ่วๆ เมื่อตั้งท่าจะออกฤทธิ์ เล่นเอาคนที่กักเธอไว้ในอ้อมแขนอุ่นถึงกับหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มล้อเลียน “เอ้าๆ อย่าดิ้น อย่าอาละวาดมากนะที่รัก สงสัยนายธามจะใช้ยาสลบมากไปหน่อย เวียนหัวล่ะสิคนดี” “พี่สัณฑ์ทำบ้าอะไร” เสียงหวานขู่ฟ่อ เมื่อเงยมองหน้าเขา ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อกวาดสายตาคมมองไปทั่วใบหน้างดงามอย่างแสนรัก “ฉุดเมีย” “บ้า!”
1
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม พร้อมกับเสียงเชียร์ดังลั่นในสนาม ทำให้คนที่อยู่หลังพวงมาลัยมีกำลังใจฮึกเหิมที่จะเอาชนะให้ได้ในการแข่งขันนัดพิเศษครั้งนี้ หลังจากที่เขาวางมือไปจากวงการนี้ไประยะหนึ่งเพื่อไปมุ่งทำงานให้กับครอบครัว
“คันต่อไปครับ หมายเลข 422 เจ้าของสนามที่ให้เกียรติมาแข่งขันในโปรแกรมนี้กับเราด้วย สิงห์หนุ่มหน้าหยก เศรษฐ์สัณฑ์ ศุภศิริศิลป์ มาดูลีลาการดริฟท์ของเค้ากันดีกว่าว่าจะยังเจ๋งเหมือนเมื่อปีก่อนอยู่ไหม”
เสียงพิธีกรในสนามประกาศ เรียกเสียงเชียร์ให้ยิ่งกึกก้องมากยิ่งขึ้น เจ้าของชื่อยิ้มกริ่มเล็กน้อย เท้าเหยียบคันเร่ง ส่งเจ้า Mazda RX7 คันโปรด ให้ทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเริ่มลีลาการดริฟท์ เมื่อรถเข้าสู่ไลน์แรก ด้วยการใช้เทคนิค ดริฟท์แบบ Manji Drift เพื่อโชว์ลีลาในทางตรง เมื่อเข้าสู่ทางโค้งด้วยความเร็ว เขาใช้เบรกมือเพื่อยืดระยะเวลาการดริฟท์เมื่อเข้าโค้ง เพื่อให้มันดูเร้าใจและหวาดเสียวมากยิ่งขึ้น
ไลน์แล้วไลน์เล่า ที่เศรษฐ์สัณฑ์ปล่อยทีเด็ด เสียงเชียร์ดังลั่นเมื่อเขาสามารถทำให้รถเหวี่ยงหมุนแทบจะเป็นวงกลม ก่อนจะควบคุมรถได้ใหม่ พร้อมกับกะพริบไฟรถถี่ๆเหมือนกับจะโอ่อวดในความสามารถของตนเอง แล้วชะลอรถเข้าเส้นชัย เพื่อรอคะแนนจากกรรมการ
“งานนี้ไอ้เครื่องบินจะชนะไหมวะ”
ชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าคมสันที่กำลังยืนมองการแข่งขันอย่างตื่นเต้น หันมาปรึกษากับคนข้างๆ ที่กำลังจ้องเป๋งไปยังสนามแข่ง ซึ่งมีผู้แข่งขันหมายเลขต่อไปกำลังเริ่มลงมาในสนามต่อจากเพื่อนรักของพวกเขา
“มีระดับนักแข่ง D1 มาจากญี่ปุ่นเลยนะโว้ยหนนี้ มีอาจารย์ของมันมาด้วยนะ มันไปรับเขามาจากญี่ปุ่นด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ” ฝ่ายนั้นยักไหล่
“แต่ท่าทางงานนี้เพื่อนเราอยากจะโชว์ออฟมากกว่าอยากจะได้รางวัลว่ะ เพราะร้างสนามไปนาน มัวแต่ไปปั๊มเงิน”
“อย่าว่าแต่ไอ้สัณฑ์มันเล้ยที่ว่าหายไปปั๊มเงิน นายเองก็เหมือนกันแหละน่า มัวแต่วุ่นๆ ยุ่งๆ กับอะไรขาวๆ อวบๆ จนไม่ได้มาสนใจจะแข่งสักเท่าไหร่แล้วเหมือนกัน”
โดนว่าเข้าแบบนั้น คนที่โดนแซวก็หัวเราะก๊าก แถมยักคิ้วอย่างกวนๆ พลางเอ่ยชวนคนล้อเอาเสียเลย
“ไปไหมล่ะคืนนี้ เด็กใหม่เบอร์ตอง แจ่มๆ ทั้งนั้น”
“เฮ้ย! ไอ้สองคนนี่ พวกนายจะสนใจเชียร์เพื่อน หรือว่าสนใจจะคุยเรื่องผู้หญิงกันแน่วะ ไอ้สัณฑ์มันกำลังจะลงแข่ง ดริฟท์แบบ tsuiso กับมิสเตอร์เคนแล้วนะโว้ย ไม่ดูนี่เสียใจตายเลย ศิษย์กับอาจารย์กำลังจะแข่งวัดกึ๋นกันแล้ว”
เสียงแปลกปลอมดังขึ้นแทรก ก่อนที่เจ้าของเสียงมานั่งแทรกกลาง แล้วยื่นแก้วน้ำอัดลมให้กับเพื่อนรักทั้งสองคน พวกเขามองลงไปในสนามแข่งอีกครั้ง ตอนนี้เป็นการแข่งขันแบบรถสองคันเริ่มจับคู่ดริฟท์ไล่กันในสนาม
เป็นการแข่งขันที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนักสำหรับการแข่งแบบนี้ เพราะการดริฟท์ไม่ได้ใช้อาศัยทักษะในการควบคุมรถด้วยความเร็วเพียงอย่างเดียว เป็นการรักษาการทรงตัวของรถด้วย จึงหวาดเสียวสำหรับผู้ชมและกองเชียร์ยิ่งนัก เวลาที่รถสไลด์ราวกับจะเสียหลักก่อนจะกลับมาแล่นไปตามทางได้อีกครั้ง ถ้าผู้ควบคุมรถไม่มีความสามารถและใจไม่นิ่งพอ อาจจะเสียสมาธิและเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ แต่มันก็เหมือนการท้าทายมากกว่าการแข่งขันแบบอื่น เพราะต้องใช้ทักษะมากกว่า และการแข่งขันก็ดูน่าตื่นเต้น เร้าใจกับลีลาการดริฟท์รถของผู้เข้าแข่งขันแต่ล่ะคน
ซึ่งเศรษฐ์สัณฑ์ก็ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง เขาแข่งกับคู่ต่อสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี แม้จะแพ้คะแนนกันฉิวเฉียด แต่ก็เป็นการพ่ายแพ้ที่ทำให้ชายหนุ่มมีรอยยิ้มกว้างขวาง เพราะได้แข่งขันเป็นหนแรกกับ เคน ยามาชิดะ คนที่สอนให้เขาหลงรักการแข่งขันดริฟท์รถ หลังจากที่ชายหนุ่มไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นและเจอเข้ากับแมตซ์แข่งขันการดริฟท์รถอันโด่งดังอย่าง D1 Grand Prix จึงหลงใหลการแข่งรถประเภทนี้ไปเลย ทั้งที่ตัวเขาเองก็ขับรถแข่งแบบ F1 ร่วมกับเพื่อนๆ ในทีมโฟว์เดวิลอยู่แล้ว เขาวางมือชั่วคราวเพื่อไปเรียนรู้การดริฟท์รถอย่างจริงจัง และภายในเวลาไม่กี่เดือนเศรษฐ์สัณฑ์ก็กลายเป็นนักแข่งดริฟท์รถจากไทยที่ไปกว้านรางวัลมาจากการแข่งขัน D1 ในญี่ปุ่น มาแทบนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว ก่อนจะกลับมาดูแลกิจการให้กับทางครอบครัวอย่างจริงจัง เพราะบิดาขอร้อง เนื่องจากท่านอายุมากพอสมควรแล้ว และอยากจะพักบ้าง เศรษฐ์สัณฑ์รับปากบิดา ด้วยการกลับมาบริหารงานซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำในย่านใจกลางเมือง เขากำลังมุ่งมั่นกับการทำงาน จนไม่ได้มาฝึกฝนและแข่งขันตามสนามต่างๆ เหมือนอย่างเคยสักเท่าไหร่ แต่เมื่อมีเวลา ชายหนุ่มก็กลับมาทำตามสิ่งที่ตนเองหลงรักเสมอ
หลังการแข่งขันและพิธีแจกรางวัลให้กับผู้ชนะแล้ว ก็ถึงงานฉลองเล็กๆ ของแก๊งโฟว์เดวิล ที่ได้กลับมารวมตัวกันอีกหนหนึ่ง วันนี้พวกเขาเปิดสนามโฟว์เดวิล เรดซิ่ง เพื่อจัดการแข่งขันครั้งใหญ่ขึ้นนั่นก็เพราะอยากจะให้หนึ่งในเจ้าของหุ้นส่วนของสนามอย่างเศรษฐ์สัณฑ์ได้กลับมาวาดลวดลาย อวดฝีมือของตนเองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ร้างมือมาเกือบครึ่งปี เพราะมัวแต่ยุ่งกับธุรกิจของครอบครัว
แก๊งโฟว์เดวิล เป็นชื่อเรียกของพวกเขาทั้งสี่คน ที่เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาล อย่างเศรษฐ์สัณฑ์ จิณณวัตร ธรรมธาดา และนันทนะ ที่รักกันมาอย่างเหนียวแน่นยาวนาน สี่หนุ่มเรียนอนุบาลเดียวกัน ประถมเดียวกัน มัธยมเดียวกัน รวมจนถึงมหาวิทยาลัยเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ห้าขวบ จนอายุสามสิบสามปีเข้าไปแล้ว ความสัมพันธ์อันแสนยาวนานเกือบยี่สิบกว่าปี ทำให้พวกเขารู้ใจกันอย่างแน่นหนา เรียกได้ว่ามองตาก็รู้ใจ ไม่ทันจะอ้าปากก็เห็นไปจนถึงลิ้นไก่เลยก็ว่าได้
ความที่ชอบอะไรเหมือนๆ กันอย่างเรื่องความเร็ว ความสามารถของพวกสี่หนุ่มในการขับรถ F1 ไม่แพ้ใคร จึงลงแข่งขันเป็นอาชีพกันอยู่พักหนึ่ง และรวมหุ้นกันเปิดสนามนี้ขึ้นที่จังหวัดพัทยา เพื่อจัดรองรับการแข่งขันรถยนต์ และการแข่ง F1 ตอนนี้เนื่องจากหนุ่มๆ ต่างก็แยกย้ายไปทำธุรกิจของตนเองบ้าง สืบต่องานของครอบครัวบ้าง จึงมอบหมายให้อัครเดช ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมได้ดูแลต่อ ถ้าเกิดมีการขอใช้สนามเพื่อการแข่งขัน หรือเปิดให้บริการสมาชิกใช้ในการฝึกซ้อม
เนื่องในโอกาสที่วันนี้ได้พร้อมหน้าพร้อมตาอีกหน ในบรรยากาศเก่าๆ เดิมๆ ในสนามที่พวกเขารัก จึงตกลงกันจัดงานเลี้ยงง่ายๆ ข้างๆ สนามกันนั่นเอง โดยนั่งปูเสื่อ กินเหล้ากันหลังจากที่การแข่งขันจบสิ้นลงแล้ว และมีเพียงพวกเขาสี่คนเท่านั้น