4. 11ปีก่อน /2
“ดีเพคะ จางจื่อชอบมากเลย” บอกพร้อมกับยิ้มกว้าง
“รัชทายาทอย่าทรงตามใจนางมากเลยพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวจะเสียคนเอาได้” จางเหว่ยเอ่ยไม่จริงจังนัก ใจก็อยากจะแกล้งน้องสาวคนเดียวนี่แหละ พอมีคนตามใจก็ดูเหมือนจะเรียกร้องมากขึ้นตามประสาเด็ก เกรงจะเคยตัว
“มิเป็นไร ข้าเองก็อยากมีน้องสาวน่ารักเช่นนี้ ดูสิแก้มน่าหยิกเชียว” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นทำอย่างที่พูด
ใบหน้าเปื้อนยิ้มของจางจื่อจึงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะกระโดดลงจากม้าโยกวิ่งไปหาไป่เหอ พร้อมกับชี้นิ้วฟ้องเสียงจริงจัง
“พี่ไป่เหอ จัดการรัชทายาทให้จางจื่อที” เอ่ยพร้อมกับดึงคนตัวโตให้เดินตามมา ทำเอาพี่ชายและเสวียนอวี้ถึงกับหัวเราะร่วน ถูกแกล้งคราใดนางก็จะให้ไป่เหอมาจัดการพวกเขาทุกครั้ง ซึ่งองครักษ์หนุ่มก็บ้าจี้ทำตามเสียด้วย
ยามนี้รัชทายาทจึงกลายเป็นผู้ร้ายให้จางจื่อน้อยตี ด้วยการขี่หลังไป่เหอวิ่งไล่กวดไปทั่วลานกว้างของจวน เป็นภาพที่เห็นจนชินตาตลอดสามเดือน จนกระทั่งไป่เหออาสาออกรบ ช่วงแรกก็ยังได้กลับเมืองหลวงบ้าง แต่พักหลังคือหายไปยาวจนครบสองปีพึ่งกลับมา
“พี่มีของฝากมาให้” เอ่ยพร้อมกับยื่นกล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดเล็กให้ พอเปิดออกก็เห็นว่ามันเป็นมุกขาวสะอาดงดงามห้าเม็ด เด็กน้อยยิ้มแก้มปริกล่าวคำขอบคุณอีกฝ่าย ไป่เหอก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดูจางจื่อน้อยที่มิได้พบเจอกันนาน
“คืนนี้พี่จะมารับไปเที่ยวงานโคมไฟ อยากไปหรือไม่”
“จริงหรือเจ้าคะ ไปๆ” ตอบเสียงตื่นเต้น เพราะพี่ชายก็เอาแต่ยุ่งกับการคุ้มครองรัชทายาท มิมีเวลาพาออกไปไหนเลย พอเห็นพี่ชายต่างสายเลือดกลับมานางก็ดีใจมาก
ไป่เหอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของจางจื่อก็ยิ้มตาม เขาเองก็มิรู้เหตุใดถึงสนิทใจกับเด็กคนนี้นัก คงเพราะนางถูกกลั่นแกล้งมิต่างจากตอนที่เขาเป็นเด็กกระมัง
ค่ำคืนพลุกพล่านในเมืองหลวง นายกองหนุ่มเดินจูงมือน้องสาวสหายเดินเตร่ทั่วงาน หน้าตาคมคายรูปงามของเขา ทำให้สตรีในเมืองพากันเหลียวมอง พร้อมกับส่งสายตาหวานมาให้ ทว่าก็มีบางคนเอ่ยหยันให้ได้ยิน
“บุตรชายคนรองท่านโหวนี่ กลับมาจากชายแดนแล้วกระนั้นหรือ ได้ยินว่ารบชนะได้เลื่อนยศเป็นนายกองด้วย อีกหน่อยคงมีตำแหน่งสูงกว่านี้เป็นแน่”
“ชิ!..ก็แค่ลูกที่ท่านโหวมิต้องการมิใช่หรือ กำแหงใส่บิดามิยอมเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่หนีไปรบแทน”
“จริงหรือ เช่นนี้อนาคตก็มิมีทางเจริญน่ะสิ”
“หากท่านพ่อให้ข้าแต่งกับเขา ข้าขอไปบวชชีดีกว่า เป็นทหารออกรบจับดาบจนมือด้าน เนื้อตัวก็มีแต่รอยแผลเป็น มิรู้จะตายวันตายพรุ่ง ข้ามิอยากเป็นหม้าย ข้ามิมีทางแต่งกับพวกวีรบุรุษมีแต่ชื่อพวกนี้เด็ดขาด” เสียงของคุณหนูตระกูลสูงนางหนึ่งเอ่ยร่ายยาวในสิ่งที่ตนคิด
“จริงด้วย เป็นฮูหยินขุนนางยังจะดีกว่า” เสียงสำทับตามมา ก่อนจะเดินเที่ยวชมงานต่อ โดยมิรู้เลยว่าผู้ที่ตนเอ่ยถึงนั้นยืนเลือกซื้อหน้ากากอยู่ด้านหน้า ทว่าไป่เหอมิได้โต้ตอบอันใดสตรีเหล่านี้ เพราะมันจริงเช่นที่พวกนางเอ่ย
“อันนี้สวยจางจื่อเอาอันนี้เจ้าค่ะ” มือเล็กชูหน้ากากจิ้งจอกสีขาวสลับแดงให้อีกฝ่ายดู
“เช่นนั้นพี่เอาอันนี้” ไป่เหอยกของตนให้คนน้องดู เป็นใบหน้าของจอมมาร มีเขี้ยวงอกออกมา เสียงหัวเราะสดใสของเด็กน้อยดังขึ้น เมื่อพี่ชายต่างสายเลือดใส่หน้ากากแล้วทำท่าขู่นาง หากเป็นคนอื่นจางจื่อคงกลัวไปแล้ว
“มิกลัวหรือ?” ถามเมื่อเห็นคนน้องยังหัวเราะอยู่
“ต่อให้พี่ไป่เหอเป็นมารจริงๆ ก็มิทำร้ายจางจื่อหรอกเจ้าค่ะ” เอ่ยอย่างที่คิด ก่อนจะจูงมือคนตัวโตไปยังลานการแสดง ซึ่งยามนี้มีการร่ายรำของสาวงาม และดนตรีซึ่งบรรเลงขับกล่อมอย่างไพเราะ และเป็นที่พำนับของเหล่ารัชทายาทและองค์ชายทั้งหลาย รวมถึงคนชั้นสูง
“อยากไปหารัชทายาทหรือไม่” เขาหันมาถามจางจื่อซึ่งยืนดูการแสดงเบื้องหน้า แต่นางกลับส่ายหัว เป็นเพราะเด็กน้อยเห็นองค์ชายสี่นั่งอยู่มิไกล จึงเกิดกลัวขึ้นมา
“มิเป็นไร เราดูอยู่ตรงนี้ก็ได้” ไป่เหอสังเกตุเห็นสีหน้าของนาง จึงมิอยากรบเร้าอีก จนกระทั่งถึงเวลาของการจุดพลุ จางจื่อกระโดดโลดเต้นดีใจที่ได้เห็นความสวยงามนี้
“สวยจัง สวยมากเลยพี่ไป่เหอ” เอ่ยบอกพร้อมกับกระโดดตบมือตามประสาเด็ก เสวียนอวี้และพี่ชายเดินมายืนประกบอยู่ด้านหลังก็ยังมิรู้ตัว จนกระทั่งหันมานั่นแหละถึงได้รู้ ทว่านางก็ตกใจจนเกือบจะเซล้ม
แขนแกร่งของรัชทายาทหนุ่มช้อนเอาไว้ทัน เป็นเหตุให้จางจื่อเซเข้ามาหาแผงอกหนา หัวเล็กชนเข้ากับท้องเขาทันที เสวียนอวี้หน้าเสียเพราะคนน้องดันโขกแรงจนจุก
“โอ๊ย!..จางจื่อเจ้าจะฆ่าพี่หรือ” ตำหนิไม่จริงจังนัก
“อ๊ะ!..พี่รัชทายาทจางจื่อขอพระราชทานอภัยเพคะ” กล่าวเสียงตื่น ใบหน้าก็ดูเป็นกังวลอย่างมาก
“ช่างเถอะ เป็นพี่ที่มิดี” เสวียนอวี้ตำหนิตน เมื่อเห็นคนน้องหน้าเสีย นานแล้วที่มิได้เจอกัน เพราะเขาเองก็ยุ่งกับงานราชกินทุกวัน ได้แต่ถามข่าวกับจางเหว่ยเอา
“คิดถึงพี่หรือไม่ เอ๋! หรือเจอพี่ไป่เหอ ในหัวก็มิมีพี่ชายคนนี้เสียแล้ว” แสร้งทำเสียงงอนใส่
“จางจื่อคิดถึงเพคะ คิดถึงทั้งสองคนเท่าๆ กันเลย” ตอบออกไปอย่างที่คิด เพราะนางเองก็ติดสองคนนี้เช่นกัน
ถ้อยคำไร้เดียงสาของน้องสาวตัวน้อย ทำเอาสองหนุ่มถึงกับยิ้มกว้าง แต่สายตาจางจื่อนั่นจับจ้องอยู่แต่บนใบหน้าของเสวียนอวี้ มิรู้เพราะเหตุใดนางถึงได้อยากเจอแต่เขานัก ทว่า หากจะให้เข้าวังจางจื่อขออยู่ที่จวนดีกว่า
หลังจากเที่ยวจนการแสดงจบลง เสวียนอวี้ก็มานั่งเล่นที่จวนของจางเหว่ยก่อนจะกลับเข้าวัง เจ้าเด็กน้อยของเขาก็ยังมิหยุดจ้องหน้าจนต้องเอ่ยถาม
“มองพี่เช่นนี้มีกระไรหรือฮึ” หัวเล็กถูกมือใหญ่ยีจนเกือบยุ่ง เป็นปกติที่รัชทายาทหนุ่มมักทำ
“พี่จางเหว่ยบอกว่าพี่รัชทายาทใกล้จะอภิเษกหรือเพคะ” ถามเสียงเบาเพราะเกรงจะถูกตำหนิ
“อืม ก็เจ้ามิโตเสียที ก็ต้องแต่งกับคนอื่นสิ” เสวียนอวี้เย้าคนน้อง เพราะจางจื่อเคยบอกว่าจะเป็นเจ้าสาวเขาเมื่อโตขึ้น ทำเอาเด็กน้อยนิ่งไปจนเหล่าพี่ๆ ถึงกับหน้าเสีย
“จางจื่อเจ้าเป็นอันใด” เสียงอ่อนโยนของไป่เหอดังขึ้น พร้อมกับลูบหัวคนน้องซึ่งนั่งอยู่ข้างกัน