บทที่ 4 วังจันทรา (1/2)
ท่ามกลางความสูงระหว่างพื้นพสุธาด้านล่างกับท้องนภาที่เริ่มจะทอประกายส่องแสงสีทองแห่งยามรุ่งอรุณทำให้อวี่ทู่ที่กำลังถูกผู้เฒ่าจันทราหิ้วใบหูจนลำตัวนุ่มฟูห้อยต่องแต่งไปมากลางอากาศที่ชวนให้ใจหวิว ซ้ำยังหลับตาแน่นเกร็งเพราะกลัวว่าเขาจะปล่อยนางลงไป
“ฮื้อ ขอล่ะอย่าปล่อยข้านะตาแก่ ข้ายังไม่อยากโหม่งพสุธาตอนนี้” อวี่ทู่บอกเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“...” ไร้เสียงตอบรับจากเทพจันทรา
เมื่อเห็นว่าเยว่เล่อไม่ได้สนใจนาง มิหนำซ้ำยังเมินใบหน้าหนีราวกับแสร้งไม่ได้ยินในสิ่งที่นางร้องขอ อวี่ทู่ได้แต่นิ่งเงียบ เกร็งลำตัวแน่นพร้อมกับขบฟันสองซี่โตด้วยความคับแค้นใจ
เขตแดนแห่งวังจันทรา...
จากท้องฟ้าเมื่อครู่ที่เริ่มทอเจิดจ้าบอกเวลาแห่งรุ่งสาง เริ่มแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นท้องฟ้าสีครามเข้มดารดาษด้วยมวลหมู่ดาวระยิบระยับ เมื่อเข้ามายังเขตแดนของวังจันทรา สถานที่อาศัยเยว่เล่อ ผู้ควบคุมดูแลดวงจันทร์และจัดการบัญชีเนื้อคู่ เป็นดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่งแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
อวี่ทู่ปรือดวงตากลมโตขึ้น เมื่อเยว่เล่อลดความเร็วลง นัยน์ตาสุกใสค่อย ๆ เบิกโพลงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าใกล้วังจันทราที่ลอยเด่นอยู่เหนือท้องฟ้าเคียงคู่ไปกับพระจันทร์ดวงโต
เบื้อหน้าของอวี่ทู่ในยามนี้เป็นดั่งห้วงความฝัน สวรรค์ของบรรดาเทพทั้งหลายเสมือนไม่มีอยู่จริง วันนี้นางเองก็เพิ่งจะเข้าใจ รอบกายของอวี่ทู่และเยว่เล่อเป็นท้องนภาสีครามที่พร่างพราวไปด้วยดวงดาวเล็ก ๆ ประดับอยู่เต็มท้องฟ้า โดยมีพระจันทร์สีเหลืองนวลทรงกลมอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว
ในระยะสายตาที่มองเห็นดวงจันทร์ กลับมีพระราชวังหินอ่อนใหญ่โต โอ่อ่าตั้งตระหง่านลอยอยู่เหนือนภาคราม ผนังหินอ่อนถูกฝังด้วยไข่มุกราตรีขนาดราวกับหลงเหยี่ยน [1] พื้นล่างปูด้วยอัญมณีสีฟ้าอมเขียว ส่งให้เกิดแสงจาง ๆ จากมุกราตรีและอัญมณีขับเน้นกันอย่างงดงาม
‘นี่หรือคือวังจันทรา ข้าไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดผู้ที่มาเยือนต่างเล่าขานกันปากต่อปากว่างดงามหาสิ่งใดเปรียบ’ อวี่ทู่จ้องมองวังจันทราอย่างไม่เชื่อสายตา ความตะลึงงันทำให้นางไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าสองเท้าของผู้เฒ่าจันทราแตะลงบนพื้นแก้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อวี่ทู่ย่นใบหน้าเหยเกเพราะฝ่ามือหนาบีบรัดพร้อมกับดึงรั้งหูยาวของนาง ราวกับต้องการให้ออกจากภวังค์ความงดงามเบื้องหน้า
“ตาแก่ ปล่อยข้าลงสักที ข้าเจ็บหู” เมื่อรู้สึกตัวนางก็รีบโวยวายในทันที ความเจ็บจี้ดเริ่มปรากฏขึ้นที่ใบหูจาง ๆ
“เจ้าเรียกผู้ใดว่าตาแก่” เยว่เล่อชูกระต่ายในมือให้อยู่ในระดับสายตา
“ท่านไง” อวี่ทู่ยู่ริมฝีปากมาทางเขา
“ข้าแก่งั้นรึ หน้าข้าเหี่ยวย่นตรงที่ใด เห็นทีสายตาของเจ้าคงมีปัญหาแล้วกระมัง”
“ไม่มี แต่เรือนผมของท่านขาวโพลนถึงเพียงนี้ ก็นับว่าท่านแก่แล้ว อ่อ ท่านเองก็แก่กว่าข้าหลายพันปีหากข้าจะเรียกว่าตาแก่คงไม่แปลกอันใด” อวี่ทู่ในร่างกระต่าย หลบสายตาที่ทอประกายแข่งกับไข่มุกราตรีประดับวัง ด้วยความรู้สึกประหม่า
“ข้าไม่ใช่ตาแก่ แต่ข้าเป็นผู้เฒ่าจันทราต่างหากเล่า”
งงแล้วก็งงอีก อวี่ทู่มองเยว่เล่อด้วยความไม่เข้าใจแล้ว ผู้เฒ่าจันทราไม่ใช่ตาแก่ตรงไหน ทั้งที่ชื่อก็บอกอยู่ว่าผู้เฒ่า
“แล้วผู้ใดใช้ให้ท่านมีนามเรียกขานว่าผู้เฒ่าจันทรากันเล่า แบบนี้เขาเรียกว่าไม่ตรงปก”
อวี่ทู่ยกท่อนแขนที่เต็มไปด้วยขนปุยกอดอกด้วยท่าทางขัดใจ เป็นผู้เฒ่าจันทราที่ไม่ได้แก่ชราเลยสักนิด
“ข้าก็ไม่ได้อยากใช้ชื่อนี้สักหน่อย เพียงแต่พวกมนุษย์เรียกข้าจนเคยชินไปเสียแล้ว”
เยว่เล่อส่ายใบหน้าไม่เข้าใจเช่นกัน แรกเริ่มเดิมทีเขาเป็นเพียงเทพจันทรา แต่อยู่ไปอยู่มาทั้งพิภพมนุษย์ พิภพสวรรค์ หรือแม้กระทั่งพิภพเซียนต่างก็เรียกขานเขาว่าผู้เฒ่าจันทรา ทั้งที่ใบหน้าของเขายังเนียนกริบอยู่เช่นนี้