บทที่ 4 วังจันทรา (2/2)
“นั่นเป็นเรื่องของท่าน ข้าไม่ได้สนใจ เพียงแต่ตอนนี้หูของข้าจะหลุดอยู่แล้ว!” อวี่ทู่ตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังลั่น เมื่อความเจ็บแล่นปราดเข้ามาบริเวณใบหู
“อะ...อืม” เยว่เล่อคลายฝ่ามือออก เพื่อปล่อยให้อวี่ทู่เป็นอิสระ
สี่เท่านุ่มหยุ่นแตะลงบนพื้นแก้ววาวใสได้ไม่นาน ดวงตาหวานก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ นางต้องหนี หนีออกไปจากที่นี่ ด้วยสัญชาตญาณสัตว์ป่าอวี่ทู่ก็ออกวิ่งด้วยความรวดเร็ว
นางหันกลับไปมองเยว่เล่อ แต่เขากลับยืนนิ่งมองนางด้วยสายตาที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนใด ๆ ดั่งเช่นตอนที่อยู่ในป่าใหญ่ แม้จะแปลกใจแต่ก็ไม่สามารถทำให้อวี่ทู่หยุดวิ่งไปได้ นางวิ่งไปจนสุดทางที่อีกนิดเดียวก็จะได้พุ่งทยานออกไปตามที่ใจต้องการ แต่ทว่า
พลั่ก
แสงสว่างสีขาวจาง ๆ สายหนึ่งแผ่กระเพื่อมส่งแรงกระทบสะท้อนกลับร่างบอบบาง อวี่ทู่ในร่างกระต่ายถูกแรงมหาศาลสายนั้นเหวี่ยงกลับจนลอยกระเด็นตกลงบนพื้นด้วยเสียงดัง
แอ่ก
นางเป็นกระต่ายตัวเล็กแต่กลับถูกแรงมากมายสะท้อนกลับเช่นนี้มีหรือที่นางจะต้านไหว อวี่ทู่นอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างหมดแรงความเจ็บแผ่ซ่านในทรวงอกจนแน่นิ่งไม้กล้าแม้แต่ขยับตัว
ตึก ตึก
เสียงฝ่าเท้าหนักหยุดลงข้างกาย อวี่ทู่ทำได้เพียงแต่หรี่ตามองคนผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเทพจันทราที่ปั้นหน้าอมยิ้มราวกับสะใจที่นางต้องเจ็บตัวเช่นนี้
“ท่าน!” อวี่ทู่ทำได้เพียงส่งเสียงดัง
“ข้าลืมบอกเจ้า ไม่สิ ข้าบอกเจ้าช้าไป ว่าไม่มีผู้ใดผ่านเขตม่านอาคมไปได้หากข้าไม่อนุญาต” เยว่เล่อเกร็งใบหน้าเพื่อไม่ให้หลุดความขำขันออกไป กระต่ายดื้อรั้นแบบนางเจ็บตัวเสียบ้างคงจะได้หายแสบซน
“ตาแก่! ข้าเกลียดท่าน” อวี่ทู่จดจำใบหน้าเย้ยหยันของเขาลงก้นบึ้งของหัวใจ อย่าให้นางมีโอกาสเอาคืนก็แล้วกัน
“หยุดโวยวาย แล้วตามข้ามา”
เยว่เล่อประสานฝ่ามือไพ่หลัง ก่อนจะเดินเข้าไปภายในวังจันทราด้วยท่วงท่าสง่างาม ทิ้งให้อวี่ทู่พลิกกายหยัดยืนด้วยความทุลักทุเล
“เจ็บชะมัด”
ร่างอวบนุ่มนิ่มพยุงตัวขึ้นด้วยความลำบาก ก่อนที่นางจะพาร่างบอบช้ำ เดินกะโผลกกะเผลกด้วยอาการเดินไม่ปกติ ยกขาข้างหนึ่งไม่ได้ระดับกับอีกข้างราวกับกระต่ายพิการ เพราะแรงกระแทกจากม่านอาคมของเทพร้ายกาจเช่นเขา
ด้านในของวังจันทรายังคงตกแต่งหรูหราด้วยไข่มุกราตรี และอัญมณีไม่น้อยหน้าไปกว่าด้านหน้าสักเท่าใดนัก เครื่องเรือน เครื่องใช้ครบครัน พื้นล่างปูพรมขนสัตว์ชั้นดีเป็นทางเดิน ดูสะดวกสบายไม่น้อย
เยว่เล่อเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้จันทร์อายุหลายปี พร้อมกับยกชาขึ้นจิบราวกับกระหาย นัยน์ตาคู่สวยไม่ได้สนใจนางที่เดินโย้ไปโย้มาด้วยความเจ็บเลยสักนิด นั่นทำให้อวี่ทู่หงุดหงิดจนแทบบ้า
ฟุบ
“อ่าวเฮ้ย! อวี่ทู่เจ้าจะนอนตรงนั้นจริง ๆ หรือ”
เยว่เล่อถึงกับวางถ้วยชาลง เมื่อกระต่ายน้อยที่เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนพรมขนสัตว์ของเขา
“ก็แหงสิ ข้าถึงเจ็บเพียงนี้ ข้าไม่อยากเดินแล้ว ข้าจะนอนตรงนี้”
กระต่ายขนฟูสีชมพูนอนหงายท้องลงบนพรมขนสัตว์อย่างไม่แคร์สายตาของผู้เป็นเจ้าของวัง ในเมื่อเขาไม่สนใจนาง นางก็ไม่สนใจเช่นกัน
“ตามใจเจ้าก็แล้วกัน”
เยว่เล่อที่มีท่าทางตกใจในตอนแรก กลับแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งงันยกถ้วยชาขึ้นจิบเช่นเดิม ก่อนจะตอบนางด้วยเสียงทุ้มเรียบ เมื่อเขารู้ตัวว่ากระต่ายตัวนี้ต้องการที่จะพยศเขา
‘ตาแก่ เราจะได้เห็นดีกัน ฮึ่ย!’
อวี่ทู่ก่นถ้อยคำภายในใจ ก่อนที่นางจะนอนนิ่งเช่นเดิม แล้วก็เป็นไปตามธรรมชาติของกระต่ายขี้เกียจ นิ่งเป็นหลับ
ฟี้ ฟี้
เยว่เล่อมองกระต่ายน้อยอ้วนฉุ ที่กำลังส่งเสียงกรนดังสนั่นวังหลังจากที่ทำท่าทางราวกับก่นคำอาฆาตเขาภายในใจ
“ช่างเกียจคร้าน ตามที่นางบอกจริงด้วย” เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมา เมื่อนึกถึงคำพูดของนางในตอนแรกที่พบเจอกัน
[1] หลงเหยี่ยน ลำไย