บทที่ 3 รอยเล็บแห่งการต้อนรับ (1/2)
หมับ
ว๊าย
เยว่เล่อกำหนังคอของกระต่ายน้อยตัวอ้วนขนปุยสีชมพูระเรื่อเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้กระต่ายป่าหลุดมือไปอย่างง่ายดาย
กระต่ายน้อยจอมขี้เกียจพยายามที่จะปรือดวงตากลมโตให้ตื่นจากการหลับใหล มันจ้องหน้าสบตาของเขาอยู่ครู่ใหญ่ นัยน์ตาสุกใสคู่นั้นเหมือนกับกำลังขบคิดอะไรอยู่บางอย่าง ก่อนจะกระพริบตาถี่ระยิบจนเขาที่เมามายจากสุราเป็นทุนเดิม เกิดภาพซ้อนราวกับมีกระต่ายหลายตัวอยู่ภายในมือ
“เจ้าบ้าผู้นี้เป็นใครกัน ถึงได้ริอาจมาจับคอข้า จนหนังคอของข้าย่นไปหมดแล้ว”
แล้วเจ้ากระต่ายอวดดีก็พ่นคำต่อว่าใส่หน้าของเขา ราวกับว่าเขาคงไม่เข้าใจในสิ่งที่นางเอ่ยปากออกมา เยว่เล่อผู้มีเซียนรับใช้เป็นกระต่ายมานับไม่ถ้วนมีหรือจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่นางพูดหมายถึงสิ่งใด
“เจ้าเรียกข้าว่า เจ้าบ้า อย่างนั้นรึ สามหาวสิ้นดี ฮึ”
เยว่เล่อแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะส่งสายตาจ้องมองกระต่ายอวดดีที่อยู่ภายในอุ้งมือ กระต่ายตัวนี้เป็นเพศเมีย เมื่อบำเพ็ญตบะถึงขั้นซ่างเซียนก็จะได้ร่างเซียน นั่นย่อมหมายความว่าเซียนรับใช้คนใหม่ของเขาคือสตรีเช่นนั้นน่ะหรือ
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ถึงได้ฟังภาษากระต่ายเข้าใจเช่นนี้” กระต่ายตัวอ้วนฉุถามเขาด้วยใบหน้าที่เคลือบไปด้วยสงสัย
“เป็นนายของเจ้า” เยว่เล่อตอบกระต่ายตัวนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สุขุม
“อย่ามาโยกโย้ เจ้าเป็นใครก็รีบบอกมา แล้วก็ปล่อยมือของเจ้าออกจากหนังคอของข้าเสียที เจ็บจะแย่ บรื้อ” กระต่ายอวดดีบุ้ยปากจนน้ำลายพุ่งกระจายออกมาเป็นฝอย เปียกปอนใบหน้างดงามประดุจหยกปั้นของเขาจนเปียกชุ่ม
“สกปรกยิ่งนัก!”
เขาเบนใบหน้าหนีเพื่อหลบระยะพ่นน้ำลายของเจ้ากระต่าย ก่อนจะทำใจยอมรับ ในเมื่อปฏิญาณเอาไว้แล้วว่ากระต่ายตัวแรกที่เขาได้พบเจอจะได้ขึ้นไปอยู่บนดวงจันทราของเขา
“ปล่อยข้าสิ เจ้าหน้าโง่”
เกิดมานับพันปี ไม่เคยมีผู้ใดตราหน้าด่าเขาว่าหน้าโง่ แต่กระต่ายอวดดีตัวนี้กลับด่าเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยก้อนขนสุดหยิ่งยโส
“เอาไว้ถึงดวงจันทร์ก่อน แล้วข้าจะปล่อยเจ้า” ผู้เฒ่าจันทรายังคงตอบกระต่ายน้อยในอุ้งมือด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
คำว่าดวงจันทร์ที่เยว่เล่อลั่นวาจาออกไปนั้น ทำให้ดวงตากลมของกระต่ายป่าเช่นนาง เบิกโพลงจนแทบจะถลนออกจากเบ้า และส่งเสียงโวยวายดังลั่น
“จะ…เจ้าคือ!” กระต่ายน้อยในอุ้งมือเอ่ยถามเขาด้วยใบหน้าตกใจราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
“ผู้เฒ่าจันทรา…”
ใบหน้าเรียบนิ่งของเยว่เล่อ ค่อย ๆ แสยะรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะเผยอริมฝีปากตอบนางด้วยท่าทีที่เหนือกว่า
“กรี้ด ปล่อยข้า…”
หลังจากนั้นกระต่ายน้อยก็รวบพละกำลังทั้งหมดที่มีดิ้นเร่าเพื่อให้หลุดพ้นอุ้งมือหนาของเขา แต่ไม่ว่าจะดิ้นแรงเท่าไหร่ อุ้งมือนั้นกลับแน่นสนิทมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าชื่ออะไร” เยว่เล่อชูมือที่กำหนังคอเจ้ากระต่ายขึ้น ในระดับสายตาแล้วเอ่ยถามถึงนามของกระต่ายป่า
“ปล่อยข้าลงก่อนสิ แล้วข้าจะบอก ตอนนี้หนังคอของข้าบอบช้ำไปหมดแล้ว” กระต่ายน้อยตัวดีกระพริบตาปริบอย่างต่อรอง
ในเมื่อต้องกลายเป็นนายและเซียนรับใช้ การทำความรู้จักย่อมเป็นเรื่องที่ดี เมื่ออีกฝ่ายโอนอ่อนทำให้เยว่เล่อคลายแรงที่ฝ่ามือออกเพื่อปล่อยเจ้ากระต่ายให้เป็นอิสระ
แคว่ก
“ข้าชื่ออวี่ทู่ จำชื่อข้าเอาไว้ให้ดีนะ เจ้าหน้าโง่ บรึ่ย”
เมื่อผู้เฒ่าจันทราคลายฝ่ามือหนาออก อวี่ทู่มีหรือจะยอมหยุดนิ่งแล้วฟังวาจาของคนแปลกหน้า นางดิ้นสุดแรงกำลัง ก่อนจะฝากกรงเล็บแหลมคมลงบนใบหน้าของเทพจันทราเพื่อเป็นการตักเตือน ‘หวังจะให้ข้าคอยรับใช้เจ้างั้นรึ ไม่ง่ายไปหน่อยกระมัง’
เยว่เล่อยกมือขึ้นกอบกุมข้างแก้ม เมื่อกรงเล็บคมกรีดลงบนใบหน้าของเขา ทันทีที่เขาคลายฝ่ามือออก ดวงตาคมของเขาวาววับด้วยความโกรธเมื่อกระต่ายที่ว่ากล้าลงมือกับเทพสวรรค์เช่นนี้
“ข้าจะถือว่ารอยเล็บของเจ้าเป็นการต้อนรับข้าในฐานะผู้เป็นนายก็แล้วกัน!”
เยว่เล่อกัดฟันกรอดจนเกิดเส้นกรามนูนชัดบริเวณกรอบหน้า สายตาดุดันจ้องมองไปยังกระต่ายปุกปุยที่กำลังวิ่งหนีด้วยสี่เท้าอวบอูม ก่อนจะวาดมือจนเกิดลำแสงบนฝ่ามือหนาแล้วสาดส่งไปยังกระต่ายอวดดีที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ฟุบ
“เจ็บชะมัด!”
เชือกอาคมของเยว่เล่อมัดตัวเจ้ากระต่ายเอาไว้แน่น ส่งให้เจ้ากระต่ายหน้าขนนามว่าอวี่ทู่ล้มหน้าคะมำไถลไปกับพื้นหญ้า
หมับ
เยว่เล่อจับกระต่ายจอมซนได้อีกครั้ง แต่ทว่าครานี้เขาไม่ได้จับที่หนังคอของอวี่ทู่เช่นเดิม เพราะเห็นว่านางบ่นเจ็บหลายครั้งหลายครา เขาก็เลยจับที่ใบหูเรียวยาวรวบเข้าหากันด้วยฝ่ามือเดียว
“ในเมื่อข้าเลือกเจ้า คิดหรือว่าจะหนีข้าไปได้ง่าย ๆ กระต่ายกิริยาต่ำทรามเช่นเจ้าเหมาะนักที่จะเป็นเซียนรับใช้ของข้า” เยว่เล่อสบตากับอวี่ทู่ด้วยสายตาที่เยียบเย็นทรงพลัง