EP : 3 โจรหาร้อย
“มีน้ำตกหมูด้วยก็คงจะดี” รวีรุ้งพึมพำกับตัวเองเบาๆ เพราะเธอยังจำได้เลยว่าเพื่อนของเธอสั่งมาให้เธอลองชิม บอกว่าเด็ดมากและมันก็เด็ดจริงๆ
“กินเป็นด้วยเหรอ” เมื่อได้ยินแบบนั้นภูผาก็เอ่ยถามทันที เพราะเห็นท่าทางคุณหนูของรวีรุ้งแล้วก็เลยอดไม่ได้ที่จะถาม ซึ่งเขาไม่ได้จะดูถูกหรืออะไรหรอกนะ แค่อยากรู้เท่านั้น
“เป็นสิค่ะ แต่เคยกินแค่ครั้งสองครั้งเอง” รวีรุ้งตอบพลางหยักหน้าขึ้นลงไปด้วย เพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง
ภูผาไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้ารับ ดูจากท่าทางของรวีรุ้งแล้วก็น่าจะจริง เพราะคนตัวเล็กกินซะคล่องเลย
“พี่ภูมีทิชชู่มั้ยคะ” รวีรุ้งเอ่ยถาม เมื่อตอนนี้มือของเธอเลอะไปด้วยมันไก่ย่างแล้ว
“ไม่มี” ภูผาบอก เพราะเขาไม่เคยใช้ ก็เลยไม่ได้ซื้อมาติดบ้าน
รวีรุ้งเมื่อเห็นแบบนั้นก็พยักหน้ารับ พลางปั้นข้าวเหนียวต่อ เธอจำได้ว่าเพื่อนของเธอไม่ใช้ทิชชู่ในตอนที่มือเลอะ แต่เธอดูดนิ้วแทนทำให้มันหายไป แต่เพื่อนอีกคนนั้นใช้วิธีจับข้าวเหนียวมาปั้นๆ แทน
ภูผาลอบมองรวีรุ้งอยู่เงียบๆ เห็นท่าทางการกินของเธอนั้นเป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้งก็ยิ้มออกมานิดๆ เพราะเวลาผู้หญิงกินข้าวกับผู้ชายจะมีการวางท่านิดหน่อย เลยดูเหมือนจะเกร็งๆ แต่มันไม่ใช่กับรวีรุ้ง
ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ก็ตกใจเมื่อเห็นรวีรุ้งดูดนิ้วของตัวเองอย่างเมามัน สาบานได้ว่าเธอไม่ได้ยั่วเขาอยู่ นี่มันเป็นการดูดนิ้วแบบสิบแปดบวกชัดๆ
“รุ้ง”
“คะ” เมื่อถูกเรียกชื่อรวีรุ้งก็ขานรับอย่างงงๆ พลางคิดว่าเขามีอะไรกับเธอหรือเปล่า เพราะตอนนี้มือของเธอเลอะมาก
“ยั่วพี่เหรอ” ภูผาเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่ารวีรุ้งกำลังจะดูดนิ้วต่อ
“ยั่ว? ทำไมต้องยั่วคะ” รวีรุ้งถามอย่างไม่เข้าใจ พลางงงว่าเธอไปยั่วเขาตอนไหน
ภูผาที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพราะดูจากสีหน้าของรวีรุ้งแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้เรื่องอะไร
ส่วนรวีรุ้งที่เห็นว่าภูผาไม่พูดอะไรนอกจากส่ายหน้าไปมา ก็ทำการดูดนิ้วต่อไป อืม จะว่าไปดูดนิ้วนี่ก็เพลินดีนะเนี่ย
กว่าจะผ่านมื้อเที่ยงไปภูผาก็แทบคลั่งแล้ว เพราะรวีรุ้งไม่ใช่แค่ดูดนิ้วแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น เธอดูดทุกครั้งที่นิ้วของตัวเองเลอะ
“พี่ภู เราไม่ซื้อของเข้าบ้านเหรอคะ” รวีรุ้งเอ่ยถาม เพราะในตู้เย็นไม่มีของให้ทำกับข้าวเลย
“งั้นไปซื้อของกัน” ภูผาหันไปมองรวีรุ้งที่เปิดตู้เย็นก็พูดขึ้น ปกติเขาไม่ได้ซื้อของเข้าตู้เย็นนอกจากน้ำ เนื่องจากออกไปกินข้างนอกอย่างเดียว
“ค่ะ” รวีรุ้งเอ่ยตอบสั้นๆ พลางเดินเข้าห้องนอน เพื่อไปหยิบกระเป๋าที่มีเงินไม่กี่ร้อย เนื่องจากยังไม่ได้กดเงิน ก่อนจะเดินออกไปหาภูผาที่ยืนรออยู่นอกบ้าน
เมื่อเห็นรวีรุ้งเดินออกจากบ้าน ภูผาก็จัดการล๊อคบ้านทันที แล้วพากันเดินไปขึ้นรถ จากนั้นก็ขับรถตรงไปที่ตลาด
ใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงตลาดสด และไม่ไกลจากตลาดสดนั้นก็มีตลาดนัดตอนเย็น ที่มีคนพากันมาเดินซื้อของมากมาย
รวีรุ้งมองด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากยังไม่เคยมาเดินตลาดแบบนี้มาก่อน เธอมองซ้ายมองขวาตลอดทาง เพราะเธออยากจะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปเร็วๆ
ภูผาที่เห็นอาการตื่นเต้นเหมือนเด็กก็ไม่ได้พูดอะไร พลางมองหาที่จอดรถไปด้วย และไม่นานก็เจอ เขารีบขับไปจอดพร้อมกับลงจากรถ
“พี่ภูเราจะไปเดินตลาดสดหรือตลาดนัดดีคะ” รวีรุ้งเอ่ยถาม สายตาก็มองไปยังตลาดนัด อืม ดูเหมือนว่าตลอดสดกำลังจะปิดร้านแล้วด้วย
“ตลาดนัด” ภูผาเอ่ยบอก เพราะในตลาดนัดก็มีของสดขายเหมือนกัน
พอได้ยินคำตอบรวีรุ้งก็ยิ้มออกมาทันที พลางพากันเดินไปยังตลาดนัด โดยที่มีภูผาเดินจับมือไปด้วย เพราะกลัวคนตัวเล็กจะหลงทาง
และตลอดทางก็มีคนมองรวีรุ้งเต็มไปหมด เพราะไม่คุ้นตาและดูไม่เหมือนคนที่นี่เท่าไร แต่พอมองไปยังอีกคน ที่เดินมาด้วยกันก็หลบตาแล้วหันไปซุบซับกันทันที
“หน้าตาไม่เห็นจะเข้ากันเลย” เด็กชายวัยรุนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นนางฟ้ากับโจรห้าร้อยเดินจับมือกันอยู่กลางตลาดนัด
“นั่นดิ” เด็กชายวัยรุนอีกคนพูดขึ้น พร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อน
“หรือว่ามีเงินเยอะ ผู้หญิงเลยคบด้วย” เด็กชายอีกคนเอ่ยขึ้น พลางจ้องมองไปยังโจรห้าร้อยตัวใหญ่อย่างประเมิน แต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะรวย
“หรือว่าพี่สาวคนนั้นถูกลักพาตัวมาวะ” เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พูดขึ้น เพราะไม่มีทางที่คนสวยๆ แบบนี้ จะมาอยู่กับคนที่หน้าตาเหมือนโจรห้าร้อยอย่างแน่นอน
“พี่ภูนี่น่า แล้วยัยนั่นมันเป็นใคร” หญิงสาวที่ใส่เสื้อเอวลอยลายดอกไม้ สวมกางเก่งยีนส์ขาดๆ ขาสั้น แล้วก็รองเท้าแตะสีแดง หันไปมองตามกลุ่มเด็กผู้ชายวัยรุน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างตกใจ และรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นผู้ชายที่ตัวเองชอบไปจับมือกับผู้หญิงคนอื่น
ยัยหน้าขาวนั้นมันเป็นใครกัน กล้าดียังไงมาจับมือของพี่ภูผาของเธอ
“นี่ป้ารู้จักโจรห้าร้อยคนนั้นด้วยเหรอ” เด็กชายหันไปถาม เพราะเห็นว่าป้าที่ยืนอยู่ข้างๆ กับพวกเขามองไปยังโจรห้าร้อยกับพี่นางฟ้า
“ใครเป็นโจรห้าร้อยกัน” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่พอใจ ก่อนจะรีบเดินตามสองคนนั้นไป แต่ก็ไม่ทันเพราะที่นี่คนเยอะมาก แถมตลาดนัดก็ยังกว้างมากๆ อีกด้วย
“พี่ภู เย็นนี้เราจะกินอะไรกันดีคะ” รวีรุ้งเอ่ยถาม ไม่ได้สนใจสายตาหรือเสียงพูดคุยที่อยู่รอบตัวเลยสักนิด
“กินอะไรก็ได้ รุ้งเลือกเลย” ภูผาเอ่ยบอก พลางถือของมากมายที่พวกเขาซื้อมา
“อันนี้คืออะไรเหรอคะ” รวีรุ้งเอ่ยถามพลางชี้นิ้วไปด้วย เพราะได้กลิ่นหอมๆ
“ไส้อั่ว” ภูผาบอก พลางคิดว่ารวีรุ้งคงไม่ได้อยากจะกินมันหรอกนะ
“เอาห้าไม้ค่ะพี่” รวีรุ้งเดินไปสั่งทันที พลางยืนดมกลิ่นของไส้อั่ว ที่ถูกย่างไปด้วยอย่างใจจดใจจ่อ
เป็นคนกินง่ายกว่าที่คิดแหะ
ภูผาคิดก่อนจะมองหาร้านเสื้อผ้าไปด้วย เพราะจำได้ว่ารวีรุ้งมีเสื้อผ้านิดเดียว คงต้องพาคนตัวเล็กไปซื้อเพิ่มสักหน่อย
“ห้าสิบบาทครับ” พ่อค้าเอ่ยบอก เมื่อใส่ถุงให้แล้วเรียบร้อย
“นี่ครับ” ภูผาส่งเงินให้กับพ่อค้า ก่อนจะพารวีรุ้งที่เดินถือถุงไส้อั่วไปยังร้านเสื้อผ้า
“พี่ภูจะซื้ออะไรเหรอคะ” เมื่อมาถึงร้านเสื้อผ้า รวีรุ้งก็เอ่ยถามทันทีด้วยความสงสัย
“เสื้อผ้า” ภูผาตอบก่อนจะมองหาเสื้อผ้าให้กับรวีรุ้งอย่างเงียบๆ
“ให้รุ้งช่วยมั้ยคะ รุ้งเก่งนะ” รวีรุ้งเอ่ยบอก พลางมองเสื้อผ้าในร้าน ที่ส่วนมากจะเป็นของผู้หญิง หรือว่าพี่เขาเข้าร้านผิดกัน เพราะร้านชุดผู้ชายอยู่ฝั่งตรงข้าม
“งั้นรุ้งก็เลือกเสื้อผ้าที่ตัวเองอยากจะใส่สิ” ภูผาเอ่ยบอกพร้อมกับมองรวีรุ้ง ที่ตอนนี้กำลังหน้ามึนงงกับสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่
“เลือกสิ พี่จ่ายให้” ภูผาบอกเมื่อเห็นรวีรุ้งยังคงนิ่ง พอเห็นสีหน้าคิดหนักของเธอ เขาก็พอจะเดาว่าคนตัวเล็กกังวลเรื่องเงิน
“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ รุ้งยังมีเสื้อผ้าอยู่” รวีรุ้งเอ่ยบอกอย่างเกรงใจ
“ถ้ารุ้งไม่เลือกพี่จะเหมาทั้งร้านให้รุ้งนะ” ภูผาเอ่ยบอก เมื่อเห็นท่าทางเกรงใจของรวีรุ้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านทันที และนั่นมันก็ทำให้คนตัวเล็กเดินตามเขามาทันที