EP : 2 หน้าตาอย่างกับโจรห้าร้อย
รวีรุ้งนั่งก้มหน้ามองซ่องเอกสารสีน้ำตาล ที่เป็นซ่องใส่ใบทะเบียนสมรสของเธอกับชายหนุ่มที่ขับรถอยู่ในตอนนี้ เขาบอกว่าให้เธอเรียกเขาว่าภูผา ส่วนเธอก็ได้แต่พยักหน้ารับแม้จะรู้สึกไม่ชินก็ตาม
เธอมองไปนอกกระจกเพื่อดูวิวข้างนอก เพราะในรถนั้นเงียบมากจนเธอรู้สึกอึดอัด ตอนแรกที่ขับรถผ่านรอบข้างนั้นเต็มไปด้วยความเจริญ
แต่พอขับไปสักพักก็มีแต่ป่า จนเธอรู้สึกกลัวว่าภูผาจะหลอกเธอไปฆ่าทิ้งหรือเปล่า เพราะเธอเคยเห็นในข่าว
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยได้ออกจากบ้านนัก แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องภายนอกเสียหน่อย ทุกวันนี้ข่าวสารเร็วมากอยู่แล้ว แต่ต้องรู้จักแยกแยะว่าอันไหนเรื่องจริงหรือหลอก
“ถึงแล้ว” ภูผาเอ่ยบอกเมื่อเห็นรวีรุ้งเหม่อมองไปรอบๆ อย่างสนใจ เขาลงจากรถแล้วไปเปิดประตูให้กับคนตัวเล็ก
รวีรุ้งมัวแต่มองบ้านหลังเล็กตรงหน้า โดยที่รอบๆ บ้านนั้นมีแต่ป่าเต็มไปหมด ก่อนหน้านี้ยังมีสวนข้าวโพดอยู่เลย ที่เธอรู้ก็เพราะว่าเคยดูข่าวเกี่ยวกับการเกษตรมาบ้างเล็กน้อย
รวีรุ้งเมื่อเห็นว่าภูผาเปิดประตูให้กับตัวเอง เธอก็เดินลงมาแล้วกล่าวขอบคุณเขาเบาๆ พร้อมกับมองภูผาที่ถือกระเป๋าของเธอไปด้วย
“เข้ามาสิ” ภูผาเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่ารวีรุ้งมองไปยังมือที่เขาถือกระเป๋าของเธออยู่
จากนั้นเขาก็พารวีรุ้งเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กที่เขาสร้างเอาไว้สำหรับอยู่คนเดียว แต่ก็มีของครบทุกอย่าง เขาไม่อยากไปอยู่บ้านใหญ่เท่าไร เพราะขี้เกียจขับรถไปมา เนื่องจากว่ามันไกลจากไร่ของเขา
“เก็บของเข้าตู้เลย” ภูผาวางกระเป๋าบนเตียง ก่อนจะเอ่ยบอกรวีรุ้งที่เดินตามหลังเข้ามา ด้วยท่าทางหวาดกลัวนิดๆ
เขาได้แต่ยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นท่าทางของรวีรุ้ง เพราะแค่เห็นว่ามีท่าทางหวาดกลัวของคนตัวเล็ก มันก็ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูเธอ แถมเธอยังไม่ทำท่าเหมือนรังเกียจเขาอีกด้วย ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูรวีรุ้งมากขึ้น แต่ถ้าเธอทำเหมือนรังเกียจเขา เขาจะเสียใจมากที่เธอรังเกียจเขา
“ค่ะ” รวีรุ้งที่เผลอมองหน้าของภูผาอยู่ ก็รีบหลบสายตาทันทีก่อนจะตอบเบาๆ เมื่อครู่นี้เขาแสยะยิ้ม ใช่มั้ย เธอจะอยู่กับเขาได้นานแค่ไหนกันนะ หวังว่าเขาคงไม่หลอกเธอมาฆ่าหรอกนะ
“เดี๋ยวมานะ” ภูผาที่เห็นท่าทางของรวีรุ้ง ก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยบอก ยิ่งเห็นท่าทาง กลัวๆ ของรวีรุ้งเขาก็ยิ่งรู้ชอบใจ มันทำให้เขานึกถึงตอนนั้นที่เขาเจอกับเธอเมื่อห้าปีที่แล้ว แม้ว่าเธอจะกลัวแต่ก็ยอมพูดกับเขา แต่จะว่าไป เขาชอบตอนที่เธอยังเป็นแค่เด็กน้อยที่ชอบอ้อนเขามากกว่า
“ค่ะ” รวีรุ้งตอบรับเบาๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋า แล้วเอาเสื้อผ้าเก็บเข้าตู้ โดยไม่ได้สนใจภูผาที่เดินออกไปจากห้อง
รวีรุ้งนั่งจัดของไม่นานก็เสร็จ เธอมองไปรอบๆ ห้องที่มีหน้าต่างบาน เล็กๆ และมีโต๊ะทำงานอยู่ตรงนั้น เธอมองรวมๆ แล้วพบว่าแม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็ห้องนอนอย่างลงตัว
พอเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เธอเดินออกไปนอกห้องนอน เพื่อจะไปหาภูผาแล้วบอกเขาว่าเธอเริ่มหิวแล้ว เพราะนี่ก็เกือบเที่ยงแล้วด้วย
“ไปไหนเขาของนะ” รวีรุ้งพูดขึ้นเมื่อไม่เห็นภูผา เธอมองรอบห้องนั่งเล่นที่มีโต๊ะขนาดกลาง แล้วก็มีเก้าอี้ไม้สี่ตัวเงางาม เธอไม่รู้หรอกวามันทำมาจากไม้อะไร แต่มันดูสวยดี เธอมองไปยังมุมที่เป็นห้องครัวเล็กๆ เธอเดินไปเพื่อว่าจะมีอะไรให้เธอกินได้บ้าง
รวีรุ้งมองดูของในครัวแล้วไม่มีอะไร เลยนอกจากอุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องปรุง แต่ไม่มีอะไรให้เธอทำกับข้าวได้เลย แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มี
“ลองออกไปดูข้างนอกก็แล้วกัน เพื่อมีอะไรให้กิน” รวีรุ้งพึมพำกับตัวเอง เพราะตอนนี้เธอหิวจนตาลายแล้วเนี่ย
ทันทีที่เดินออกมาจากบ้านมา เธอก็ต้องตกใจ เพราะมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับกำลังยกมือขึ้นเหมือนจะต่อยเธอ ทำให้สะดุ้งแล้วรีบปิดประตูทันที
“คุณเป็นใครครับ” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอกร้องถามทันทีอย่างสงสัย เพราะไม่เคยเห็นเจ้านายของเขาพาผู้หญิงมาที่นี่เลยสักคน
และที่แปลกใจยิ่งกว่านั้น ก็คือเจ้านายของเขาคงไม่มีเวลาไปพูดคุยกับผู้หญิงคนไหนหรอก เนื่องจากวันๆ เอาแต่ทำงาน พอทำงานเสร็จก็กลับบ้าน มีอยู่แค่นั้นแหละ เพราะไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกด้วยซ้ำหากไม่ใช่เรื่องงาน
รวีรุ้งที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เพราะไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกนั้นเป็นใคร และเกี่ยวข้องกับภูผายังไง
“เข้มมาทำอะไร” ภูผาที่เดินกลับบ้านมา ก็เห็นว่าเข้มอยู่หน้าบ้านของเขาแล้วก็เลยถามไป เพราะปกติเข้มไม่ค่อยมาที่บ้านของเขาเท่าไร
“เอ่อ คือว่า…ผู้หญิง” เข้มอึกอักพร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปในบ้านไปด้วย วูบหนึ่งเขาคิดว่าผู้หญิงที่อยู่ด้านในนั้นอาจจะเป็นขโมยก็ได้ เพราะพักนี้ขโมยมันเยอะมาก แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะดูจากหน้าตาแล้ว ไม่น่าจะเป็นขโมย
“เมียกูเอง” ภูผาเอ่ยบอกแค่นั้น ก่อนจะเดินไปยังหน้าประตูแล้วพูดขึ้น
“พี่เองรุ้ง” เขาบอกแค่นั้นคนด้านในก็ค่อยๆ เปิดประตูออกมา แล้วมองเขาด้วยสีหน้าดีใจ
“นี่ไอ้เข้ม ไม่ต้องกลัวหรอก” ภูผาเอ่ยบอกรวีรุ้ง และเขารู้สึกได้เลยว่า ตอนนี้เขากำลังพูดเยอะกว่าปกติ
“หัวหน้าไปมีเมียตอนไหนเนี่ย” เข้มขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม พลางเดินเข้ามาในบ้านตามหลังของภูผาไปด้วยอย่างมึนงงและสงสัย เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายของเขาเอาเวลาไหนไปหาเมีย
“มาทำไม” ภูผาเอ่ยถาม พลางวางไก่ย่างส้มตำและข้าวเหนียวไว้บนโต๊ะ เขามองรวีรุ้งที่ดูมีท่าทางตื่นเต้น เมื่อเห็นกับข้าวที่เขาไปซื้อมา เขาไม่รู้หรอกว่าเธอจะกินได้หรือเปล่า แต่แถวนี้มีแค่นี้จริงๆ อีกอย่าง เขายังไม่ได้ซื้อของเข้าครัวด้วย
รวีรุ้งที่เห็นแบบนั้น ก็เดินเข้าครัวไปหยิบจานกับช้อนมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอหิวกว่าเดิมอีก ยิ่งเห็นกับข้าวที่ภูผาเอามา
เธอเคยกินกับเพื่อนที่มหาลัยอยู่ครั้งสองครั้ง มันอร่อยมากแถมราคาไม่แพงด้วย แต่น่าเสียดายที่เธอได้กินก็ตอนที่อยู่ปีสี่แล้ว พอจบมาก็ไม่ได้กินอีกเลย เพราะแถวบ้านของเธอไม่มีขาย
“อ่อ ก็ช่วงนี้มันมีขโมย ผมก็เลยจะมาบอกหัวหน้าให้ระวังตัวหน่อย ยิ่งอยู่ไกลอยู่ด้วย” เข้มเอ่ยบอก พลางมองผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเมียของเจ้านาย ด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่มันนางฟ้ากับหมาวัดชัดๆ หัวหน้าของเขาอย่างกับโจรหาร้อย แต่มีเมียอย่างนางฟ้า
“กูมีปืน” ภูผาบอกแค่นั้น พลางมองไปยังเข้มนิ่งๆ อย่าคิดนะว่าเขาไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่
“ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ” เข้มที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบบอก เขาแสดงสีหน้าออกชัดเจนแบบนั้นเลยเหรอ เจ้านายถึงได้ดูออก