บท
ตั้งค่า

EP : 1 ไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง

“ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องแต่งงาน” หญิงสาววัยกลางคน เอ่ยบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเองเสียงเข้ม

ร่างบางได้แต่ก้มหน้ารับอย่างพูดอะไรไม่ได้ เธอรู้ดีว่าแม่ที่เลี้ยงเธอมาจนโตไม่เคยรักเธอเลย

แม่ของเธอมีลูกสาวสามคน แต่เธอรับรู้ได้ว่าแม่ไม่เคยรักเธอเลย แม้แต่อ้อมกอดเธอก็ยังไม่เคยได้รับมันจากท่านเลยสักครั้ง

“หนูเข้าใจแล้วค่ะ” รวีรุ้งตอบรับเบาๆ เพราะถ้าหากเธอไม่ทำที่บ้านก็จะล้มละลาย และก็ไม่รู้ด้วยว่าแม่จะให้เธอแต่งงานกับใคร เนื่องจากว่าบ้านของเธอนั้นทำธุรกิจ จนถูกฟ้องร้องทำให้เป็นหนี้ท้วมหัว

และไม่นานมานี้พ่อของเธอบอกว่า เพื่อนของเขาจะใช้หนี้ให้ หากให้ลูกสาวมาแต่งงานกับเขา และพี่สาวของเธอก็บอกว่าจะไม่แต่งเด็ดขาด เพราะไม่ชอบคนแก่

สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นเธอที่ต้องแต่งงาน แม้ใจอยากจะขัดขืนและโต้แย้งว่าหนูก็ไม่อยากจะแต่งเหมือนกัน

พ่อที่ได้ยินแม่พูดแบบนั้นก็ทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะมองเธอแล้วพูดขึ้น

“พ่อขอโทษ” วีระวุฒเอ่ยบอกรวีรุ้งที่ยืนก้มหน้าอย่างไม่พูดอะไร เขารู้สึกเสียใจที่ทำให้ครอบครัวต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

“ค่ะ” รวีรุ้งพูดได้แค่นี้จริงๆ ตลอดเวลาเธอรับรู้ได้ว่าตอนเองเหมือนคนนอก แม้ว่าพ่อของเธอจะเอาใจใส่ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกอยู่ดี

“ก็ดี วันนี้เตรียมซะ เพราะพรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องไปหาเขาที่นั่น” ชวีพรบอกมองรวีรุ้งด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“ค่ะ” รวีรุ้งพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปเก็บเสื้อผ้า ฝั่งนั้นเขาบอกว่าจะไม่จัดงานแต่งงานให้ และครอบครัวของเธอก็ยอม แค่จดทะเบียนด้วยเท่านั้น ครอบครัวของเธอก็ยินดีมากแล้ว

และเธอต้องขึ้นเครื่องไปที่นั่นคนเดียว ครอบครัวมาส่งเธอแค่ขึ้นเครื่องเท่านั้น ยังดีที่ก่อนหน้านี้เธอได้นำเงินที่ตัวเองเก็บไว้ทั้งหมดมาด้วย

มันเป็นเงินที่พ่อคอยแอบเอาไว้ให้เธอซื้อของที่อยากได้ แต่เพราะเธอไม่จำเป็นต้องซื้ออะไร ก็เลยมีเงินเก็บหลายแสนโดยที่บ้านไม่รู้

รวีรุ้งเก็บของทุกอย่างที่จำเป็น ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง เพราะคิดว่าคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว

เธอคิดหนักเมื่อตัวเองต้องไปอยู่ที่ไกลๆ และเป็นที่ที่เธอไม่คุ้นเคย เธอไม่ค่อยได้ออกจากบ้านเท่าไร

เวลาได้ยินเพื่อนพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวก็อยากไป แต่พอจะออกไปไหน แม่ของเธอก็บอกให้เฝ้าบ้าน

รวีรุ้งเคยสงสัยนะว่าตัวเองเป็นลูกจริงๆ ของแม่หรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่เธออยู่ใกล้ท่านมองจะมองเธอด้วยท่าทางรังเกียจ

แต่รวีรุ้งก็เคยได้ยินมาว่า เธอเกิดมาในช่วงที่ครอบครัวกำลังมีปัญญากับเรื่องเงินพอดี นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้แม่อาจจะไม่ชอบเธอก็เป็นไปได้

“รู้สึกวูบโหวงยังไงไม่รู้” รวีรุ้งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะรีบไปอาบน้ำเข้านอน เพราะพรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปที่นั่น

“ไปอยู่ที่นั้นก็ทำตัวดีๆ ล่ะ” ชวีพรเอ่ยบอกหลังจากที่มาส่งรวีรุ้งขึ้นเครื่อง เพราะเธอไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะหนีไประหว่างทางหรือเปล่า ถ้าหากไม่มาส่งที่สมานบิน

“ค่ะ” รวีรุ้งพูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะเธอไม่เคยพูดคำอื่นกับแม่ของเธอเลยนอกจากคำนี้

“เดินทางปลอดภัยนะลูก” วีรวุฒเอ่ยบอกพลางลูบหัวของรวีรุ้งไปด้วยเบาๆ อย่างปลอบใจ รู้สึกเศร้าใจที่ดูแลรวีรุ้งได้ไม่ดีพอ

“ไปได้แล้ว” ชวีพรเอ่ยบอกเสียงเรียบ พร้อมกับโบกมือไล่ไปด้วย

“หนูไปก่อนะนะคะ” รวีรุ้งเอ่ยบอกกับพ่อของเธอ ก่อนจะมองไปยังแม่ของเธอวูบหนึ่ง แล้วหันหลังให้กับคนทั้งสอง

สองเท้าเดินจากไปด้วยขาที่ไม่มีแรงนัก เพราะเธอรู้ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเข้ากับคนที่นั่นได้หรือเปล่า

เธอที่เพิ่งจะเรียนจบว่าจะหางานทำสักหน่อย แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อครอบครัวของเธอบอกให้เธอมาแต่งงาน เพื่อแลกกับเงินที่จะเอาไปใช้หนี้

เธอมัวแค่คิดเรื่องราวที่ผ่านมา จนไม่รู้ว่าตอนนี้ถึงจุดหมายที่เธอต้องลงแล้ว กระเป๋าเป้ใบขนาดกลางถูกเธอถือ ก่อนจะเดินมายืนอยู่หน้าทางออกเพราะไม่รู้ต้องไปที่ไหน เธอไม่รู้ว่าคนฝั่งนั่นจะส่งใครมารับตัวเอง

รวีรุ้งยืนกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความประหม่าเพราะทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงก่อน เพราะไม่เคยเดินทางไปที่ไหนมาก่อน ได้แต่หวังว่าคนฝั่งนั่นจะสังเกตเห็นเธอ

“รวีรุ้งใช่มั้ย” เสียงเข้มเอ่ยถามคนตัวเล็ก ที่ตอนนี้ยืนหันซ้ายหันขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก แถมยังทำหน้าจะร้องไห้อีกด้วย

เขารู้จักเธอ และเขาก็นั่งมองเธอมานานจนเห็นว่าเธอทำหน้าจะร้องไห้ เลยได้เดินออกมาหาหญิงสาว ก่อนที่เด็กบางคนจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

“ค่ะ” รวีรุ้งเงยหน้ามองคนที่ถาม ก่อนจะเอ่ยตอบไป ซึ่งคาดว่าคงเป็นคนที่จะมารับเธอเป็นแน่

และตอนนี้เธอก็รู้สึกกลัวคนตรงหน้านิดหน่อย เพราะว่าเขาเหมือนพวกโจรที่อยู่ในหนังในละคร ผมยาวหนวดเคราเต็มหน้า จนมองไม่เห็นหน้าที่แท้จริงของเขา

“ตามมา” ภูผาเอ่ยบอกเสียงเข้ม เห็นคนตัวเล็กสะดุ้งหน่อยก็ชอบใจ เหมือนลูกแมวจริงๆ เวลาผ่านไปนานแต่เธอก็เปลี่ยนไปเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น

รวีรุ้งไม่ตอบ เธอเดินตามอีกฝ่ายเงียบๆ พร้อมกับกระชับมือที่จับสายกระเป๋าแน่นอย่างหวาดกลัว หวังว่าเธอคงไม่ถูกหลอกไปฆ่าทิ้งเหมือนที่มีในข่าวหรอกนะ

“เอากระเป๋ามานี่” ภูผาบอกก่อนจะยื่นมือไปรับ

“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ รุ้งถือได้” เธอเอ่ยบอกเพราะเกรงใจอีกฝ่าย ที่นอกจากจะมารับแล้วยังจะมาถือของให้กับเธออีกด้วย

“เอามา” ภูผาเอ่ยย้ำอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายยังคงไม่ยอมส่งกระเป๋ามาให้กับเขา แถมกระเป๋าแค่นี้จะเอาอะไรมาได้บ้าง ปกติผู้หญิงเวลาเดินทางจะต้องมีกระเป๋าสักสองสามใบไม่ใช่เหรอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาที่ต้องย้ายที่อยู่ใหม่เลย

“ค่ะ” เธอตอบเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบ ก่อนจะยอมส่งมันให้กับคนตัวโตอย่างไม่มีทางเลือก

ภูผารับมาถือเอาไว้ ก่อนจะพาหญิงสาวไปขึ้นรถ พอได้ถือกระเป๋าของรวีรุ้งแล้ว ก็ต้องตกใจเพราะมันเบามาก

“ขึ้นรถสิ” ภูผาเอ่ยบอกพร้อมกับเปิดประตูรถให้อีกฝ่าย พร้อมกับเหลือบตามองดูแขนเล็กๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะมีแรงเปิดประตูรถเอง

“ขอบคุณค่ะ” รวีรุ้งเอ่ยบอกเสียงเบา พลางยอมขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย และตลอดทางเธอก็นั่งตัวเกรงไปหมด เพราะไม่คุ้นชินกับการที่ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นเท่าไร

“เดี๋ยวเราจะไปแวะจดทะเบียนกันก่อน” ภูผาบอก เพระว่าเขาจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เหลือแค่ไปอำเภอเพื่อจดทะเบียนสมรสกัน

“ค่ะ” เธอจะพูดอะไรได้นอกจากยอมรับมัน แต่พอตั้งสติได้ เธอก็เงยหน้าไปมองคนที่ขับคนอยู่ทันทีอย่างตกใจ

นั่นหมายความเขาไม่ใช่คนที่ทางฝั่งนั้นให้มารับเธอ แต่เป็นคนที่เธอต้องจดทะเบียนสมรสด้วย

ช่างเถอะ เธอมีสิทธิ์เลือกที่ไหนกัน หากเขาจะให้คนงานของเขาแต่งกับเธอ แล้วเธอจะมีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรได้กันล่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel