บท
ตั้งค่า

บทที่ ๔ แม่สื่อ

วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอีกเป็นเดือนที่เจ๊แอ๋วยังหาหญิงสาวรายนั้นไม่ได้ หญิงวัยกลางคนที่เคยสวยมีราศีแต่ตอนนี้ใบหน้ากลับเครียดกังวลไม่น้อยไปกว่าลูกชาย คนที่แทบไม่ได้ออกไปไหนเพราะความกังวลของคนเป็นแม่

“ถ้าแม่มึงหาได้จริงมึงจะแต่ง?” ธีร์ถามเพื่อนขึ้นขณะร่วมวงกินเหล้าในลานจอดรถของบ้าน ข้างตึกที่อยู่อาศัย

“ไม่รู้ว่ะ” ถึงจะผ่านมาเป็นเดือน ถึงจะไม่มีวี่แววหาผู้หญิงที่แม่บอกมาเจอ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสบายใจเลยสักนิด

ถ้าหาไม่เจอก็ไม่ต้องแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องทนมองหน้าแม่เครียดทุกวันอีก

“แต่งเมียเลยนะเว้ย!” นายว่าพร้อมท่าทางแค่คิดก็ขนลุกแล้ว พอมีเมียไปกินเหล้าก็ไม่ได้ ออกไปไหนก็โทรตาม ยิ่งแว้นมอเตอร์ไซค์ยิ่งแล้วใหญ่

มนุษย์ขี้บ่นดี ๆ นี่แหละ ดูตัวอย่างพ่อกับแม่ก็พอ

“แล้วถ้าเกิดเจอแต่ไม่สวยมึงจะทำยังไง” ภีมถามต่อ เพราะเพื่อนเขามันช่างเลือก สเปกสูง สวยถูกใจของมันไม่ได้หาง่ายเลย

แต่ถ้าโชคร้ายซ้ำซ้อนด้วยการหาว่าที่เมียที่เกิดวันที่และเดือนเดียวกันเจอ แต่กลับไม่ตรงสเปกแถมต่ำกว่าสเปกเกินอีกล่ะ

“ไอ้เหี้ย! อย่าพูดให้กูกลัวดิวะ” แค่คิดว่าต้องแต่งงานกับใครก็หนักใจแล้ว แต่หนักกว่านั้นคือหากคนนั้นไม่เข้าตาเขา

จะบอกให้แม่เปลี่ยนและหาใหม่ เขาเชื่อเลยว่าเจ๊แอ๋วไม่รอแล้วแน่ เพราะแค่เดือนเดียวหัวก็เริ่มหงอกกว่าหลายปีที่ผ่านมาซะอีก

“พวกกูเอาใจช่วยนะ ยังไงก็ขอให้ได้เมียสวยสมใจมึง” แค่ต้องแต่งงานด้วยความจำเป็นก็เห็นใจเพื่อนไม่น้อย ก็ขอให้มันโชคดีสักเรื่องที่เมียในอนาคตสวยสมใจมันด้วยแล้วกัน

“เครียดว่ะ กูจะหัวหงอกนำพ่อกูแล้ว” พูดแล้วก็กระดกเหล้าขึ้นดื่มอย่างหัวเสีย

เครียดที่รู้ว่าจะต้องแต่งงานไม่ช้าไม่เร็ว เครียดที่ไปไหนไม่ได้ ไม่ได้จับไอ้สุดหล่อของเขาเลยตั้งแต่รถล้มล่าสุด อยากกินเหล้าก็ต้องเรียกเพื่อนมาหา นั่งล้อมวงเหมือนเด็กดีอยู่ในสายตาพ่อแม่แบบนี้ตลอด

“ถือว่าทำเพื่อพ่อกับแม่มึงเถอะ ที่ผ่านมาพวกแกก็ตามใจมึงตลอด” ธีร์ว่าขึ้นไม่ให้เพื่อนเครียดมาก เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าพ่อแม่บูมรักและตามใจลูกแค่ไหน

“เพราะกูคิดแบบนั้นไง กูเลยหัวจะหงอกจะล้านอยู่นี่” เพราะไม่อยากทำให้พ่อแม่เครียดและกังวลไปมากกว่านี้อีกแล้ว เขารู้ดีว่าสุดท้ายแล้วหากแม่หาผู้หญิงคนนั้นได้จริง ๆ เขาก็คงทำใจปฏิเสธแม่ไม่ได้อีก

ตอนนี้ก็เลยเครียดจนผมเกือบหงอก เครียดจนผมเริ่มร่วงหัวจะล้านอยู่รอมร่อ

“งั้นก็รีบแดกเหล้าสะสมไว้ เผื่อมีเมียแล้วออกจากบ้านไม่ได้” ภีมว่าอย่างขบขันขึ้นบ้าง

“ถ้ากูต้องแต่งด้วยความจำใจแล้วออกจากบ้านไม่ได้ กูจะแต่งเพื่อ?” เพราะอยากได้ชีวิตอิสระคืน เลยต้องยอมไร้อิสระด้วยการมีเมียไง

“ฮ่า ๆ ๆ คิดภาพไอ้บูมมีเมียไม่ออกเลยว่ะ” หมายถึงเมียที่ไม่ได้เริ่มจากการคบและรักกันน่ะ

แล้วไหนจะเรื่องรูปร่างหน้าตาอีก เล่นเอาพวกเขาทั้งลุ้นทั้งเครียดไปตาม ๆ กันเหมือนจะต้องแต่งเองเลย

“เลิกพูดสักที ก็ขอให้แม่กูหาไม่ได้ กูยอมขึ้นคานเลย” ยิ่งพูดก็ยิ่งเซ็งกับชีวิตที่มาเจอเรื่องอะไรแบบนี้

“แล้วก็แลกด้วยการที่มึงไม่ได้ขับไอ้หล่ออีกตลอดไป” นายว่าออกมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างเป็นเรื่องตลก

เรียกใบหน้าเศร้าให้กับบูมได้อย่างง่ายดาย สายตาหันไปมองไอ้หล่อที่ไปรักษาอาการบาดเจ็บจนกลับมาหล่ออีกครั้ง แต่กลับต้องจอดอยู่กับที่ไม่เคยได้เคลื่อนล้อออกจากที่จอดอีกเลย ได้แค่เช็ดได้แค่ลูบ

คิดถึงฉิบหายลูกพ่อ

“อย่าคิดมากเลยมึง ถ้าหนีไม่พ้น ก็ถือซะว่าไม่ต้องเหนื่อยหาเมียเอง”

ธีร์ตบไหล่แล้วพูดออกมมาอย่างง่ายดาย

แต่นี่คำปลอบเหรอวะ การจะหาเมียมันต้องหาเองสิ ให้แม่หาให้จะไปดีได้ยังไง

เห้อ! แค่คิดชีวิตก็เศร้า ได้แต่กระดกเหล้าแทบทุกวันอยู่ในบ้าน

“ไปไหนแต่เช้าพี่สำรวม” เจ๊แอ๋วถามไถ่ลูกค้าที่มาซื้อของด้วยความเป็นกันเองตามประสาแม่ค้า

“จะไปรับผ้าไหมบ้านยายลำดวนน่ะ เมื่อวานโทรมาบอกให้เข้าไปเอา”

“แกยังทอไหวอีกเหรอ เห็นว่าป่วยนอนโรงพยาบาลช่วงหนึ่งเพราะโรคคนแก่นี่” เมื่อก่อนก็เคยซื้อผ้าไหมของยายลำดวน เวลาแกเข้าอำเภอเพื่อจะเอาผ้าไหมมาขาย บางครั้งแวะร้านเธอซื้อของใช้เข้าบ้าน ได้มีโอกาสหยิบจับดู ราคาก็ซื้อง่ายขายคล่องเลยสั่งแกอยู่หลายรอบ

“หลานแกไง ใยไหมน่ะ” สำรวมบอกกล่าวให้อีกฝ่ายรับรู้ “เด็กวัยรุ่นนะ แต่ทอผ้าดีอย่างนี้”

พูดชมยกนิ้วโป้งให้อย่างพอใจ เพราะฝีมือดีแล้วสายตายังดี งานที่ออกมาเลยประณีต เก็บทุกรายละเอียดได้ดีกว่าคนแก่สายตาฝ้าฝางหลายคนที่มีพลาดบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหาในตัวงานกับราคาที่ขาย เพราะเป็นจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ

“จริงเหรอ พี่พูดแบบนี้ฉันคงต้องไปสั่งไว้สักชุดแล้วล่ะ” สั่งไว้สำหรับงานแต่งของลูกชายที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นเร็ววันนี้

และแม้ผ้าไหมของเธอจะมีหลายลายหลายผืนที่ทั้งตัดสำเร็จแล้วและยังเป็นผืนไม่ได้ตัดก็มากมาย แต่ก็อยากได้ลายใหม่ ๆ ที่มีสีสันสดใสขึ้นมากว่าเดิมหน่อย เผื่อชีวิตครอบครัวจะได้กลับมาสดใสอีกครั้งในวันมงคลของลูก

“ดีเลย เด็กมันขยัน เรียนจบมาทอผ้าดูแลยาย ช่วยกันมีรายได้” อันไหนไม่เหนือบ่ากว่าแรงชาวบ้านก็มักจะช่วยเหลือแบ่งปันกันตามประสาชนบทตั้งแต่ดั้งเดิม “โชคดีของแกมีหลานสาวรักดี โตแล้วแต่ก็ยังว่านอนสอนง่าย แล้วน่าตายังสะสวยอีก”

“ฉันก็ไม่ได้เจอนานแล้ว เคยเห็นตั้งหลายปีก่อนโน่น” ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมในตัวอำเภอนี่แหละ มีบ้างที่เด็กสาวแวะมาซื้ออุปกรณ์การเรียนกับเพื่อน จำได้ว่าน่าตาน่ารักโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้จดจำอะไรมากมายด้วยลูกค้าเยอะ และเป็นเด็กวัยรุ่นก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเหมือนวัยเดียวกัน

“แต่พูดไปก็เสียดาย กลัวว่าเด็กมันจะขึ้นคานเข้าให้” พูดติดตลกกับสิ่งที่รู้เห็นมาตลอด เพราะตัวสำรวมคอยรับผ้าจากยายลำดวนขายมาเป็นสิบ ๆ ปี เลยรับรู้นิสัยใจคอของใยไหมมาตลอด

“ขนาดนั้นเลย” เจ๊แอ๋วได้ยินยังขำกับคำพูดอย่างไม่จริงจังนัก

“พี่เห็นตั้งแต่มัดเปียสองข้างจนตอนนี้ไง เป็นเด็กดีน่าเอ็นดู” แล้วก็ไม่เห็นอีกฝ่ายมีแฟนเลยสักครั้ง ไม่เห็นอีกฝ่ายทำตัวนอกลู่นอกทางสักที “เสียดาย ถ้ามีลูกชายนี่จะเป็นแม่สื่อให้เลย”

ไม่ติดที่ยากจน เพราะเป็นเด็กขยันมารยาทดี แถมหน้าตาสะสวยหาตัวจับยาก แต่ติดที่เธอก็มีแต่ลูกสาวเหมือนกันนี่แหละ

“พี่ไปก่อนนะ”

“จ้า” แล้วทั้งสองก็บอกลากันแค่นั้นโดยไม่ได้สนใจประเด็นที่พูดคุยกันก่อนหน้านี้เก็บเอามาใส่ใจ เป็นแค่เรื่องทั่วไปที่ชาวบ้านมักหามาพูดคุยกันแก้เบื่อเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel