ผูกดวงรัก

28.0K · ยังไม่จบ
Feel The Sun
22
บท
231
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาที่ดวงตกจนเกิดอุบัติเหตุซ้ำ ๆ วิธีแก้มีทางเดียวคือหาคนที่เกิดวันที่และเดือนเดียวกันมาผูกเสริมดวงให้ และคน ๆ นั้นก็เป็นเธอ คนที่ต้องแต่งงานเป็นเมียโดยที่เขาไม่รัก เมียที่ผัวไม่รัก ก็มักได้ยินคำพูดและการกระทำให้น้อยเนื้อต่ำใจอยู่เสมอ แต่โชคดีที่พ่อปู่แม่ย่าเอ็นดู และยังโชคดีที่เขาไม่ได้ใจร้ายกับเธอมากนัก เพราะแบบนั้นเลยทำให้เมียแต่งคนนี้ รักเขาได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับเขา ที่ค่อย ๆ เปิดใจให้เธอทีละนิด จนในที่สุดก็กลายเป็นเมียรักจนโงหัวไม่ขึ้น บูม “ตัวปัญหาจริง ๆ” X “ไม่ชอบเมียแล้วให้ชอบใคร” ใยไหม “ขอโทษที่หนูเกิดวันเดือนเดียวกับพี่” X “ถ้าวันนี้พี่บูมไม่ทำงานหรือไม่เลิกกวนหนู คืนนี้หนูจะนอนห้องข้าง ๆ”

นิยายปัจจุบันคนในใจแม่ผัวลูกสะใภ้วัยรุ่นแต่งงานสายฟ้าแลบรักแรกพบตั้งครรภ์แฮปปี้เอนดิ้งรักหวานๆ

บทที่ ๑ อุบัติเหตุครั้งที่สอง

บรรยากาศยามเย็นเวลาโพล้เพล้ กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อนหน้านัดรวมตัวเตะบอลจนจบเกม กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์เกาะกลุ่มเต็มถนน พูดคุยกันเสียงดังแข่งกับท่อรถแต่ง หากไม่ใช่ทางหลวงระหว่างหมู่บ้านที่สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนา คงถูกชาวบ้านด่าไล่หลังเล่นพ่อล่อแม่ไปแล้ว

ตัวถนนอยู่สูงกว่าระดับนา เป็นเนินลาดลงไปข้างทาง มีหญ้าและต้นไม้ปลูกไว้เป็นระยะไม่ได้รกทึบ แต่ก็ไม่ได้โล่งเตียน

แล้วใครจะไปคิดว่ามอเตอร์ไซค์กว่าหกคัน บทจะซวยกลับมีเพียงคันเดียวที่อยู่ด้านหน้าสุด ลองเครื่องด้วยการบิดเพิ่มความแรง ระยะทางที่ตั้งใจไม่กี่สิบเมตรก็จะเบรคแล้วแท้ๆ กลับมีวัวตัวใหญ่ที่หนีออกจากคอกยืนกินหญ้าริมทางหลังต้นไม้ จะตื่นเสียงท่อที่คันดังกล่าวบิดเร่งพอดังกว่าเดิมพอดี ทำให้กระโดดดีดตัวโผล่ออกมากะทันหัน ก่อนจะหมุนตัววิ่งลงไปในทุ่งนาทันที

“เฮ้ย!!” ไม่รู้เสียงใครต่อเสียงใครดังขึ้นพร้อมเพรียงกันกับเหตุการณ์ที่ไม่ได้นัดหมาย

และแน่นอนว่ารถคันดังกล่าวเสียหลักไหลตกข้างทางไปเป็นที่เรียบร้อย

โครม!!

“เชี้ยเอ้ย!” หลังจากลงมานอนอยู่กลางทุ่งนาโดยมีมอเตอร์ไซค์ทับขา เจ้าของรถก็สบถขึ้นด้วยความหงุดหงิดและตกใจ

โชคดีที่ดินหลังเกี่ยวข้าวไม่ได้แข็งแน่นขนาดนั้น ทำให้ไม่ถึงกับหัวร้างข้างแตก แค่ร้าวระบบมจากแรงกระแทก และปวดขาที่ถูกรถทับตอนเสียหลักจนไม่อยากลุก

“เป็นไงวะ!” เพื่อนสนิทอย่างภีมเริ่มลงมาถามเพื่อน

“ซวยฉิบหาย” ตามด้วยธีร์ที่พูดขึ้นกับสิ่งที่เพื่อนเจอ

“ลุกไหวไหมมึง” นายถามก่อนจะช่วยกันกับธีร์ยกรถมอเตอร์ไซค์ออโต้คันใหญ่อย่างฟอร์ซ่าขึ้น โดยมีเพื่อนและรุ่นน้องคนอื่นตามลงมาช่วยสมทบ

“ตั้งนานไม่เสนอหน้าออก มาออกตอนกูเร่งเครื่อง!” บูมถูกเพื่อนประคองลุกขึ้นบ่นอย่างหัวเสีย “อย่าให้กูรู้นะว่าวัวใคร เชือดแม่งแบ่งกิโลให้รู้แล้วรูรอด!”

คนลุกขึ้นยืนได้ด้วยขาข้างเดียว เพราะขาอีกข้างเจ็บจนไม่อยากทิ้งน้ำหนักบ่นไม่หยุด

“ร้องผู้ใหญ่เลย ใช่เรื่องที่จะปล่อยวัวตามใจแบบนี้ไหม” ภีมที่ให้เพื่อนพาดไหล่อยู่ด้านขวาพาขึ้นถนนพูดขึ้น

แม้บริเวณนี้จะมีวัวชาวบ้านเอามาผูกไว้ตลอด แต่เจ้าของควรดูแลวัวตัวเองให้ดีไหม ไม่ใช่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการเอาป้ายมาติดว่า ระวังวัว แทน

“แม่กูบ่นอีก” พอขึ้นมาถึงถนนได้ คนอารมณ์เสียยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเก่า ทั้งสภาพรถที่ถลอกปอกเปิกไม่ต่างจากคน ฟันธงได้เลยว่ากลับบ้านไปคงไม่พ้นเรื่องปวดหัวให้เขาอีก

ไม่ใช่อะไร เพราะสองเดือนก่อนเขาก็พึ่งรถล้มเพราะหมาตัดหน้า!

แล้วตอนนั้นขับเร็วกว่านี้ ล้มบนถนนลาดยาง ขาหักแขนเข้าเฝือก นอนรักษาตัวอยู่เกือบเดือนกว่าจะหายดี กว่าแม่จะยอมให้ขับขี่มอเตอร์ไซค์อีก

แล้วนี่มันพึ่งผ่านมาเท่าไหร่เอง เหตุการณ์แบบเดิมเกิดขึ้นอีกแล้ว เขาก็ว่าไม่ได้ประมาทขนาดนั้นนะ ถนนมันที่ของรถ ไม่ใช่ที่ของวัวเว้ย!

“จำศีลอีกแล้วมึง” พวกเขาจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ อยากดื่มอยากกินต้องพากันหอบไปบ้านเพื่อนแทน เพราะแม่ของมันไม่ให้ออกไปไหน

ภีมประคองเพื่อนให้ขึ้นซ้อนท้ายรถตัวเอง ให้รุ่นน้องอีกคนเป็นคนขับมอเตอร์ไซค์ของบูมกลับบ้านแทน

ร้านรุ่งกิจ...

ร้านขายส่งขายปลีกที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอแห่งหนึ่งของจังหวัด เป็นอาคารพาณิชย์สามชั้นขนาดห้าคูหาต่อกัน สามคูหาเป็นสินค้าทั้งปลีกและส่งเรียงชั้นเป็นระเบียบ แยกกั้นอีกสองคูหาสำหรับสต๊อกเครื่องดื่มต่างๆ

ด้านข้างพื้นที่โล่งและปิดกั้นด้วยกำแพงสำหรับพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าบ้าน ใช้เข้าออกและจอดรถ ใช้เข้าออกมากกว่าการจะเดินผ่านร้านให้เกะกะ

เสียงรถท่อดังหลายคันดังขึ้น เรียกความสนใจของคนเป็นแม่ให้หันไปมองผ่านหน้าต่างกระจกบานเลื่อนสีดำ ก่อนคิ้วเรียงสวยที่สักมาจะขมวดด้วยความสงสัย เพราะลูกชายที่รักรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองมากซ้อนหลังเพื่อน ส่วนรถตัวเองกลับให้รุ่นน้องขับมา

ยายแอ๋วหรือลูกค้าชอบเรียกกันว่าเจ๊ วางมือจากงานเดินออกไปดูสถานการณ์ทันที ในใจก็ได้แต่เถียงกับตัวเองว่าคงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ แล้วถ้าเกิดเรื่องอีกน่าดูแน่

“เป็นอะไร” แต่พอเอาเข้าจริงน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วความเป็นห่วง เมื่อสภาพลูกชายลงจากรถก่อนเพื่อนจะต้องเข้ามาประคอง

“รถล้ม” บูมถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งกับการตอบคำถามนี้

“อะไรนะ!”

นั่นไง เสียงตกใจมาขนาดนี้ไม่ต้องเดาอนาคตเลยสักนิด

“พาไปรอที่รถเลย” บอกด้วยความร้อนรนไม่คิดฟังใคร หมุนกลับไปในร้านค้า เดินตรงไปหาสามีก่อนจะลากแขนหยิบกุญแจรถออกจากร้าน “ลูกตัวดีของพ่อรถล้มอีกแล้ว ดูร้านด้วยเดี๋ยวแม่ไปโรงพยาบาลก่อน”

“ได้ๆ มีอะไรก็โทรมาบอก” ตอบรับภรรยาด้วยความตกใจไม่น้อย แต่ก็ทิ้งร้านไปไม่ได้เพราะยิ่งช่วงบ่ายแก่ๆ แบบนี้ลูกค้าเยอะมาก ทั้งปลีกและส่งเต็มร้านไปหมด

สุดท้ายเจ๊แอ๋วก็ขับรถมาส่งลูกชายด้วยตัวเองจนถึงโรงพยาบาลในตัวอำเภอที่ไม่ได้ไกลจากบ้านตัวเองมากนัก ผลสรุปครั้งนี้ไม่ได้หนักเท่าครั้งที่แล้ว แค่รักษาเล็กน้อยไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็รับยากลับบ้านได้

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เจ๊แอ๋วหายห่วงหรือปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้เลย