บทที่ ๓ อยากให้แต่งงาน
เสียงโวยวายเอาแต่ใจไม่ยอมท่าเดียวหลังจากได้ฟังความจากปากของแม่ตัวเอง แต่มันจะแปลกตรงไหนในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่เกินไปสำหรับเขา
“ไร้สาระเกินไปแม่ บูมไม่เชื่อหรอก” ให้แต่งงานเพื่อผูกดวงช่วยเหลือกัน นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว
“ของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะบูม” เตือนลูกชายขึ้นอย่างเหนื่อยใจ เพราะคนรุ่นใหม่ไม่เชื่ออะไรแบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก “อีกอย่างพ่อหมอก็แม่นมาก แม่ไม่ใช่พึ่งเคยดูครั้งแรก”
ที่เธอเชื่อไม่ใช่เพราะงมงาย แต่บางอย่างที่หาคำตอบไม่ได้ หาทางออกไม่เจอ พอหันไปพึ่งและทำตาม มันก็เป็นไปในทิศทางที่ดีมาตลอด เชื่อมาตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงทุกวันนี้เหมือนกับชาวบ้านส่วนใหญ่ ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนหลายหมู่บ้านและต่างอำเภอเคารพศรัทธาได้ยังไง
“แต่นี่มันเรื่องใหญ่เกินไป บูมยังไม่คิดจะมีเมีย” เมียนะเว้ยไม่ใช่แฟน มันคนละอย่างกันเลย
“ตอนแม่ยังไม่อยากให้มีทำไมถึงอยากมีนัก พอตอนนี้ให้มีทำไมมาปฏิเสธ” สมัยเรียนขอแล้วขออีกอย่าไปทำลูกสาวใครท้อง เป็นไปได้อย่าไปจิ้มลูกสาวใคร เผื่อว่าพ่อแม่เขาจะมีเรียกร้อง
แต่พ่อตัวดีฟังที่ไหน พาแฟนเข้าบ้าน เคยพามานอนบ้านด้วยซ้ำ ดีที่เด็กทั้งสองคบกันตามความรักและอารมณ์ พอไม่รักก็เลิกไม่ได้เรียกร้องยึดติดให้มากความ
“มันไม่เหมือนกันไหม” ตอนนั้นรัก คบกัน มันก็ต้องคิดอยากอยู่ด้วยกันอยากใกล้กันสิ
“ทำเพื่อตัวเองได้ไหม หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็คิดว่าทำเพื่อแม่ได้หรือเปล่า” บังคับกึ่งขอร้อง เพราะไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่หนักใจกับวิธีเดียวที่ไม่ได้ง่ายเลยสักนิด
“มันไม่มีอะไรหรอกหน่า” พยายามหว่านล้อมให้แม่เลิกงมงายกับคำพูดคนอื่น “หรือไม่บูมเลิกขี่มอเตอร์ไซค์ไปช่วงหนึ่งเลยอ่ะ”
นี่ยอมมากเลยนะ เพราะเขาชอบขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ ต่อให้บ้านมีรถยนต์ยันรถหกล้อให้ขับ ก็ไม่มีอะไรแทนที่มอเตอร์ไซค์ของเขาได้
“แล้วอุบัติเหตุมันเกิดได้แค่กับมอเตอร์ไซค์หรือไง” ตาสิทธิ์หรือที่คนเรียกกันว่าเฒ่าแก่สิทธิ์สวนลูกชาย
“บูมเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่ รู้ไหมว่ากว่าพ่อกับแม่จะมีบูมได้มันไม่ง่ายเลยนะ” น้ำเสียงเริ่มสั่นเพราะกลัวลูกชายปฏิเสธหัวชนฝา พอถึงขั้นนั้นแล้วแม่อย่างเธอก็คงทำอะไรไม่ได้
“บูมรู้ แต่...” ไม่อยากแต่งงานไง ไม่คิดจะมีเมียเร็ว ๆ นี้เลย มันไกลเกินไปสำหรับเขา
“บูมโตแล้วไง คำพูดและความรู้สึกของพ่อกับแม่มันเลยไม่สำคัญ” เริ่มดึงดรามาทันที
แต่มันออกจากความรู้สึกจริง ความกลัวกัดกินใจของเธอไม่น้อย ครั้งแรกที่ลูกเกิดอุบัติเหตุยังคิดว่าเป็นอุบัติได้ แต่นี่ผ่านไปแค่สองเดือน กลับเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง แล้วแม่อย่างเธอจะทนอยู่เฉยได้ยังไง ตอนนี้ใครบอกอะไรที่บอกว่าแก้ได้ก็พร้อมทำทั้งนั้น ต่อให้บุกน้ำลุยไฟไปไกลแค่ไหนก็ยอมหมด
“ถ้ามันมีวิธีอื่นที่ไม่ต้องบังคับใจลูกแม่ก็จะทำ ต่อให้ยากแค่ไหนแม่ก็พร้อมทำ” บอกให้ลูกเข้าใจหัวอกของแม่คนนี้ “แต่เพราะพ่อหมอบอกว่ามันมีวิธีเดียวแล้ว แม่เลยต้องขอร้องบูมแบบนี้”
“.....” เห็นแม่พูดอย่างเสียใจและหวาดกลัวก็ทำให้บูมรู้สึกแย่ไม่น้อย เขารู้ว่าพ่อกับแม่รักและห่วงเขาแค่ไหน รู้ว่าทั้งสองทำได้ทุกอย่างเพื่อเขา “แล้วแม่หาคน ๆ นั้นได้หรือยัง”
สุดท้ายก็ลองถามดู ถ้าหาได้แล้วมันก็คงทำให้เขายิ่งคิดหนัก เพราะนั่นจะเท่ากับว่าเขาอาจจะต้องแต่งงานเร็ว ๆ นี้
“ยัง”
ค่อยยังชั่ว
“แค่เรื่องนี้แม่ก็เครียดพอแล้ว แต่แม่ยังต้องกังวลว่าบูมจะไม่ทำตามที่แม่ขออีก” ก้มหน้าเหนื่อยใจ ใบหน้าทุกข์ระทมไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ไว้แม่หาได้เมื่อไหร่เราค่อยคุยกันทีแล้วกัน” ไม่อยากรับปาก แต่ก็แบ่งรับแบ่งสู้ไม่อยากให้แม่เครียด
“เข้าใจพ่อกับแม่หน่อยนะบูม เรื่องนี้แม่ขอแค่เรื่องเดียว อย่าดื้อกับแม่” เรื่องอื่นตามใจทุกอย่าง ถึงจะมีบ่นดุตามประสาแม่ แต่ลูกอยากได้อะไรทำอะไรก็ให้ได้หมดทุกอย่าง ไม่เคยบังคับหรือกำหนดเส้นทางให้เลยสักอย่าง
“ครับ” บูมทำได้เพียงรับปากอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่แม่พูดก็ไม่ได้ผิดเลยสักนิด
พ่อแม่ไม่เคยบังคับเขา ไม่เคยคิด และไม่เคยบังคับได้ด้วย ถ้าเขาจะต้องทำอะไรให้พ่อกับแม่สักอย่าง... เรื่องนี้จริงเหรอวะ
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ห่างจากตัวอำเภอประมาณสี่กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านธรรมดาตามชนบท คนส่วนใหญ่ทำไร่ทำนากันเป็นอาชีพหลัก เด็กรุ่นใหม่ก็เข้าเมืองหางาน ส่วนหญิงเฒ่าหญิงแก่ที่ทำนาไม่ไหวหรือไม่มีนาให้ทำ ก็คงอาชีพดั้งเดิมอย่างการทอผ้าเลี้ยงชีพ
และก็เจอได้น้อยมาก ที่จะมีหญิงสาววัยยี่สิบสอง จะยังคงดำรงงานฝีมือนี้เป็นอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและยายผู้เป็นครอบครัวเดียวของเธอ
“ยาย เดี๋ยวหนูไปทำกับข้าวก่อนนะ” ใยไหมหยุดมือจากการปั่นไนซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับการกรอเส้นไหมเข้าหลอดเพื่อนำไปใส่ในกระสวยสำหรับการทอผ้า
“เออ ยกมาตรงนี้ เดี๋ยวยายปั่นรอเอง” ยายลำดวนหญิงแก่ที่เลี้ยงดูหลานตั้งแต่แบเบาะ คนที่ทำผ้าเลี้ยงชีพและส่งเสียหลานเรียนมาตลอด นี่เลยเป็นชื่อที่ยายตั้งให้หลานสาว
โดยอดีตทอผ้าได้ขายเดือนละสองถึงสามชุด ตอนนี้ทั้งเดือนแทบไม่เต็มชุดดีเพราะสายตาฝ้าฝาง ไหนจะแก่ตัวนั่งนานไม่ได้เพราะปวดหลัง
“ถ้าเมื่อยก็หยุดนะ” ยกไนไปวางตรงหน้ายายโดยไม่ลืมกำชับอีกฝ่าย
“แค่นี้เอง” บ่นหลานสาวที่ทำเหมือนตนทำงานไม่ไหว ทั้งที่ยังทำได้ ช่วยได้ทุกขั้นตอน อาจจะไม่รวดเร็วเหมือนอดีต แต่ก็ยังแบ่งเบาได้อยู่
“จ้า ๆ” ตอบรับด้วยรอยยิ้ม เดินไปหลังบ้านก่อนจะจัดการหุงหาอาหารสำหรับมื้อเย็น
ใยไหม เด็กสาวที่ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ถูกแม่ที่ไปทำงานยังเมืองหลวงเอามาทิ้งให้ยายเลี้ยงหลังคลอด แล้วก็หายไม่ส่งเสียเงินสักบาท ไม่แม้แต่จะติดต่อกลับมา
เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยสาขาวิชาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ เพราะตัวเองเติบโตมาด้วยการเห็นยายทอทำผ้าไหมมาตลอด และก็ได้ช่วยแบ่งเบายายตั้งแต่เด็ก ฝันว่าเรียนจบก็อยากต่อยอดสิ่งที่ยายทำให้สร้างรายได้ได้มากกว่าเดิม
แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หลังจากเรียนจบได้ไม่นาน กำลังวางแผนว่าจะเริ่มยังไง ยายก็เจ็บป่วยตามประสาคนแก่จนต้องนอนติดเตียงไปช่วงหนึ่ง ทำให้แผนการหยุดชะงัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่หยุดทอผ้ายามว่าง เพราะรู้แหล่งที่ขายที่มักเอาไปฝากกับรายใหญ่ในอำเภอที่เขาจะส่งขายต่อในเมืองอีกที
แม้การขายแบบนี้จะได้ราคาถูกกว่าการขายตรงด้วยตัวเอง แต่เพราะเธอยังไม่ได้หาลู่ทางเอง และการขายแบบนี้ก็ได้เงินเร็วกว่าด้วย
หมายเหตุ ชุด คำที่ชาวบ้านนิยมใช้พูดกัน หมายถึง ผ้าไหมผืนยาวที่ตัดได้ทั้งชุด (ตัวบนและล่าง)
เนื่องจากชาวบ้านนิยมทอสองความยาว โดยอีกแบบจะเป็นผืนที่ตัดได้แค่ส่วนบนหรือส่วนล่างอย่างเดียว มีราคาก็แตกต่างกัน จึงเป็นทางเลือกสำหรับคนงบน้อย และซื้อง่ายขายคล่องมากกว่า