บท
ตั้งค่า

เสียเวลามามาก

บทที่ 3 หาทางหนีทีไล่

เช้าวันต่อมาเรนิศเดินลงมาทานอาหารเหมือนอย่างในอดีต ทว่าก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว จึงตั้งใจเอ่ยออกมา

“ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่อีก” เขาควรจะอยู่โรงแรม หรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่

“ต้องให้ฉันบอกเธออีกกี่ครั้งว่าที่นี่ก็เป็นบ้านของฉันเหมือนกัน”

“คุณจำได้ด้วยเหรอว่ามีบ้านหลังนี้อยู่ด้วย”

คำพูดกวนประสาทของภรรยาทำให้อักษะถึงกับต้องวางแก้วกาแฟ ทว่าต้องชะงักเมื่อเห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าเปลี่ยนไป เรนิศในภาพจำลองเขามักจะปล่อยผมยาวตรง และมักจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เข้ากับบุคลิกของเธอ แต่ผู้หญิงคนที่เขามองอยู่ตรงนี้ต่างออกไปมาก

ผมยาวสีม่วงถูกดัดลอนปลายเล็กน้อย ใบหน้าสวยแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอาง ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงเด่นชัด ขัดแย้งกับเดรสสีขาวเข้ารูปลายลูกไม้ แม้จะดูเรียบเฉยแต่กลับคล้ายว่ามีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง

“มองอะไร” เธอถาม หลังเห็นเขาจ้องอยู่นาน

“นี่น่ะเหรอคือสิ่งที่เธอใช้เงินซื้อมา” เมื่อวานนี้มีข้อความจากบัตรเครดิตแจ้งเตือนไม่หยุด จำนวนเงินหลายสิบล้านหายไปในชั่วพริบตา จนถึงขั้นที่ผู้จัดการธนาคารโทรสายตรงเข้ามาหาเขา เพราะกลัวว่าบัตรเครดิตใบนั้นอาจจะถูกขโมยไปใช้

อักษะแปลกใจไม่ต่างกัน เมื่อให้เลขาตรวจสอบก็พบว่าเป็นแบล็กการ์ดที่เขาเคยให้ภรรยาไปเมื่อหลายปีก่อน

“แปลกใจมากขนาดนั้นเลยเหรอที่ฉันเปลี่ยนไป”

“ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว ที่พูดไปเมื่อกี้ก็แค่ทักทายตามมารยาทก็เท่านั้น” เขาตอบกลับอย่างไม่ไยดี พร้อมเริ่มทานอาหาร

“ฉันก็ไม่ได้ทำแบบนี้เพราะจะหวังให้คุณมาสนใจ” เรนิศยักไหล่แทนคำตอบ จำได้ว่าปกติสามีก็มักจะตอบกลับเช่นนี้เป็นประจำ ชอบอ้างเรื่องมารยาท เรื่องสังคม

เนื่องจากนานๆ ทีอักษะจะแวะมาที่คฤหาสน์ อาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะจึงเป็นอาหารโปรดของเรนิศเสียมากกว่า หากเป็นแต่ก่อนเรนิศคงจะรีบสั่งแม่บ้านให้เปลี่ยนอาหารยกใหญ่ แต่ครั้งนี้หากเขาทานไม่ได้ก็ไม่ต้องทาน!

“เรื่องที่เราเคยพูดกันเมื่อวาน ฉันไม่ได้พูดเล่น” เธอบอก

“นี่คือเวลาทานข้าว ก็ควรทานข้าว”

“แต่ก็ใช่ว่าจะพูดไม่ได้สักหน่อย คุณเองก็มักจะนัดคุยธุรกิจที่ภัตรคารอยู่เป็นประจำ เวลาแบบนั้นตั้งใจทานข้าวอย่างเดียวหรือไง” เธอยอกย้อนอย่างไม่เกรงกลัว

“ถ้าเธอต้องการจะหย่าจริงๆ ก็ไปคุยกับคุณลุงให้รู้เรื่อง ส่วนเรื่องสมบัติฉันจะพิจารณาให้ตามสมควร”

“ฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้นนั่นแหละ ขอแค่ได้ออกไปจากบ้านหลังนี้ก็พอแล้ว” แม้จะไม่ได้ร่ำรวยปานมหาเศรษฐีระดับประเทศอย่างอักษะ ทว่าครอบครัวของเธอก็มีกินมีใช้ไม่น้อย สามารถใช้เงินฟุ่มเฟือยได้อย่างสบายๆ เช่นกัน

“ข้างนอกนั่นมีอะไรกันแน่ ทำไมถึงระริกระรี้อยากออกไปขนาดนั้น”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้มีใครซ่อนไว้เหมือนกันคุณ โอ้ ไม่สิ ฉันหมายถึงไม่ได้มีพนักงานคนสนิทเหมือนกับคุณ”

“เรนิศ!” อักษะเอ่ยเสียงเข้มดุ คิ้วดำขลับขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ “ต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้งว่าฉันกับรันดาไม่ได้มีอะไรเกินเลย”

“คุณไม่คิด แต่ไม่แน่ว่าผู้หญิงคนนั้นคิด แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว เย็นวันนี้ฉันจะเข้าไปคุยเรื่องหย่าของพวกเรากับคุณลุงเอง” หญิงสาวตักโจ๊กเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับว่าเรื่องที่พูดคุยเป็นเรื่องทั่วไป

อักษะมึนงงกับปฏิกิริยาของภรรยาไม่น้อย นับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเข้าโรงพยาบาลก็ดูท่าจะเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอแค่เรียกร้องความสนใจหรือเพราะต้องการจะจากไปจริงๆ 

“ถ้าคุณลุงอนุญาตเมื่อไหร่ พวกเราก็หย่ากันได้เลย”

“พอได้แล้ว! เรื่องนี้ใช่ว่าเธอจะตัดสินใจคนเดียวสักหน่อย คิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องล้อเล่นงั้นเหรอ” ชายหนุ่มจ้องมองภรรยาอย่างเหลืออด “คิดจะแต่งก็แต่ง คิดจะหย่าก็หย่า เห็นเวลาของคนอื่นไม่มีค่าเหมือนกับเธอเหรอ!”

“ใครกันแน่ที่เห็นเวลาของคนอื่นไม่มีค่า!” เรนิศวางช้อนเสียงดังลั่น จ้องตาสู้สามีไม่ต่างกัน “ฉันเสียเวลาหลายปีให้กับคนที่ไม่เคยเห็นค่าความรักของฉันเลยสักนิด พอวันหนึ่งคิดอยากจะทำเพื่อตัวเองขึ้นมาบ้างคุณกลับไม่เห็นด้วย คุณคิดว่าคุณเสียเวลาคนเดียวหรือไง!”

“…”

“ถึงต่อให้เรื่องนี้จะไม่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยว ฉันก็จะหย่ากับคุณอยู่ดี เพราะฉันหมดใจจากคุณแล้วจริงๆ อักษะ”

น้ำเสียงและท่าทางไร้ซึ่งคำลวง โดยเฉพาะแววตามุ่งมั่นจริงจังของเธอ ทำให้เขามั่นใจแล้วจริงๆ ว่าสิ่งที่เรนิศพูดมาตลอดคือความจริง

เมื่อคืนนี้อักษะได้ลองเปิดข้อความที่เธอส่งมา และเห็นว่าอีกฝ่ายส่งเอกสารการหย่ามาเรียบร้อย ทุกรายละเอียดถูกแจกแจงมาเป็นอย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่อง

“ถ้าคุณคิดว่าฉันยังโกหก-”

“เรื่องสมบัติฉันจะให้ทนายจัดการเรื่องนี้เอง การที่เธอออกไปจากตระกูลโดยไม่มีเงินสักบาท ถ้าคนนอกรู้ฉันคงเสื่อมเสียชื่อเสียง โดนกล่าวหาว่าใช้อำนาจเล่นงานอดีตภรรยา"

"ปะ แปลว่าคุณยอมหย่าแต่โดยดีใช่ไหม" ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้ม

"ถ้าเธอคุยกับคุณลุงให้เขายอมได้เมื่อไหร่ พวกเราจะหย่ากันทันที!"

อักษะกระแทกเสียงกับคำสุดท้ายอย่างไม่พอใจ แต่ใช่ว่าเรนิศจะสน เธอดีใจจนอยากจะกระโดดโลดเต้นเสียด้วยซ้ำ

“เรื่องนี้ฉันจะคุยกับคุณลุงเอง! ส่วนสมบัติฉันไม่-”

“ฉันบอกว่าจะให้ก็คือจะให้” เขาตัดบท

“งั้นก็ตามใจคุณ ฉันไม่โต้แย้งอะไรอยู่แล้ว” เรนิศส่งยิ้มหวานให้กับสามีเหมือนในอดีต แต่คราวนี้คือรอยยิ้มแห่งการจากลาและฝันหวาน ตั้งใจว่าจะนำเงินที่ได้จากอดีตสามีอย่างเขามาลงทุน และปลีกตัวไปใช้ชีวิตของตัวเอง

‘ไม่ได้โกหกจริงด้วย’ อักษะกล่าวในใจ มองภรรยาที่กำลังยิ้มหวาน อีกทั้งเธอยังลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสไตล์ใหม่ทั้งหมด จนเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาจริงๆ หรือว่าสิ่งที่เลขาเคยพูดจะเป็นจริง ‘เรนิศไม่ได้รักฉันแล้วจริงๆ งั้นเหรอ’

จู่ๆ ความไม่พอใจก็บังเกิดขึ้นมา ยิ่งเห็นว่าเธอยิ้มมีความสุข เขาก็ยิ่งเจ็บใจ คิดจะเอ่ยดับฝันภรรยาอีกครั้ง

“คุณอักษะครับ ใกล้ถึงเวลานัดสำคัญแล้วครับ” ณภัทรหรือเลขาคนสำคัญของอักษะเอ่ยขึ้น

ชายท่าทางอ่อนโยน ใจดี สุขุม ใบหน้ามักเปื้อนด้วยรอยยิ้มอย่างณภัทรโผล่มาเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยทักทายอีกคน

“คุณเรนิศสบายดีนะครับ” เขาพูด

“ฉันสบายดี แล้วนายล่ะ”

“ผมสบายดีครับ” ชายหนุ่มตอบ

นับตั้งแต่ที่เธอถูกจับขังที่เกาะ เรนิศก็ไม่ได้พบเจอกับณภัทรอีกเลย และก่อนหน้านั้นทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนัก หญิงสาวจึงไม่ได้สนิทกับอีกฝ่าย รู้เพียงแค่ว่าเขาเป็นเลขาคนสำคัญของอักษะ

“คุณอักษะพร้อมหรือยังครับ”

“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ ฉันเสียเวลามามากแล้ว” อักษะเอ่ยทิ้งท้าย สายตาเหลือบมองภรรยาแวบหนึ่งก่อนจะเดินจากไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel